“ม-มันเป็นคนรักของลู่เอ๋อ!” เทพสวรรค์ปิงหยุนตอบด้วยใบหน้าขื่นขม
เฟิงเทียนหยางนั้นเป็นคนฉลาดไม่น้อยย่อมจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหลายได้ไม่ยากเย็นหลังได้ยิน
ในเวลากว่าปีมานี้จี้ฉิงหยุนได้สร้างชื่อไว้มากมายมหาศาล แม้แต่เฟิงเทียนหยางที่เพิ่งออกจากการบ่มเพาะมาก็ยังต้องได้ยินนามนี้มาบ้าง
เพียงแค่ว่าเขานั้นไม่เคยนึกเคยฝันว่าเย่หยวนจะยอมทำเช่นนั้นเพื่อช่วยหลือลู่เอ๋อ
“หึ ๆ ช่างเป็นแผนการที่ใหญ่โตนัก! เด็กน้อย ข้าคงต้องมองเจ้าใหม่แล้ว! แต่ทว่าจะอย่างไรคนที่กล้าแย่งผู้หญิงของเฟิงเทียนหยางคนนี้มันก็ต้องตาย!”
เฟิงเทียนหยางนั้นหัวเราะลั่นออกมาพร้อมด้วยคลื่นพลังไฟที่พุ่งออกมาจากร่าง
“เพลิงนรกไร้สุด!”
เฟิงเทียนหยางยื่นฝ่ามือออกมาพร้อมด้วยคลื่นพลังที่หนักหน่วงห้อมล้อมทั่วทิศห่อหุ้มเย่หยวนไว้ภายใน
นั่นทำให้ใบหน้าของทุกผู้คนที่มองดูอยู่ต้องรู้สึกร้อนผ่าวออกมาราวกับถูกแสงตะวันร้อนแรงสาดเข้าใส่
ต่อให้พวกเขาทั้งหลายนั้นจะอยู่ห่างไกลมันออกไปไม่น้อยแต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงความร้อนแรงของมัน แล้วตัวเย่หยวนที่อยู่ภายในก้อนเพลิงนรกนั้นมันมีจะสภาพเป็นอย่างไร?
“แน่นอนจริง ๆ สมชื่ออัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งทุ่งราบสุดอุดร เฟิงเทียนหยางนั้นบ่มเพาะศาสตร์ลับสวรรค์ไหม้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว”
“ต่อให้อาจารย์จี้เขาจะเก่งกาจปานสวรรค์ เขาก็คงไม่อาจจะหนีจากเจ้าเพลิงนรกไร้สุด”
“น่าเสียดายจริง ๆ ยอดนักหลอมโอสถกลับตายลงไปเช่นนี้”
…
คนทั้งหลายที่มองดูได้แต่ส่ายหัวออกมาพร้อมถอนหายใจ เสียดายคนระดับเย่หยวน
ในสายตาของพวกเขาแล้วเย่หยวนย่อมไม่อาจจะรอดชีวิตไปได้
นั่นทำให้ทางเฟิงเทียนหยางต้องยิ้มขึ้นมาก่อนจะกล่าวอย่างเย้ยหยัน “เพลิงนรกไร้สุดของข้านี้มันเผาไหม้ได้แม้แต่ห้วงมิติ ต่อให้เจ้าจะรู้แนวคิดแห่งห้วงมิติแล้วมันทำไม? จะหนีมันรอดพ้นได้หรือ?”
“อ่า? คิดว่าอย่างนั้นหรือ?”
เสียงของเฟิงเทียนหยางยังไม่ทันจางหายมันก็มีเงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากเพลิงนรกไร้สุดด้วยท่าทางสบาย ๆ ราวกับว่าเป็นสวนหลังบ้านของตน
และมันจะเป็นใครไปได้นอกจากเย่หยวน?
เฟิงเทียนหยางนั้นผงะไปทันทีที่เห็น “นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร?”
เย่หยวนนั้นยืนมือไขว้หลังอยู่ตรงนั้นพร้อมกล่าวขึ้น “เจ้าประเมินแนวคิดแห่งไฟของตนสูงส่งเกินไปและดูถูกแนวคิดแห่งห้วงมิติจนเกินจริง คิดเผาผลาญมิติ? มันจะง่ายอย่างที่เจ้าคิด? มีแค่คนที่ไม่รู้ถึงมิติเท่านั้นที่จะกล้าพูดกล่าวเช่นนั้นออกมา”
ยิ่งตัวเขาได้ศึกษาห้วงมิติ เย่หยวนก็ยิ่งได้เข้าใจว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติมันลึกลับซับซ้อนมากมายปานใด
เต๋าห้วงมิตินั้นมันเป็นหนึ่งในเต๋าที่เก่าแก่ที่สุดในจักรวาล มีหรือที่จะพ่ายแพ้ลงง่ายดายปานนั้นได้?
เทพถ่องแท้ที่ใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติสามารถควบคุมช่องว่างแห่งมิติได้ แต่นั่นมันเป็นเพียงแค่ผิวหน้าของผิวหน้าแนวคิดแห่งห้วงมิติเท่านั้น
คนที่จะเรียนรู้เข้าใจมาจนถึงระดับของเย่หยวนนั้นในมหาพิภพถงเทียนนี้มันคงมีอยู่ไม่มาก
เฟิงเทียนหยางนั้นใช้ตนเองเป็นพื้นฐานในการตัดสินคนอื่น มีหรือที่ตัวเขาจะเข้าใจความเก่งกาจของเย่หยวนได้?
มีเสียแต่ว่าเฟิงเทียนหยางจะเรียนรู้แนวคิดแห่งห้วงมิติจนถึงระดับของเย่หยวน หรือบ่มเพาะแนวคิดแห่งไฟไปจนถึงระดับเทพสวรรค์แล้วเท่านั้นที่เขาจะสามารถทำอันตรายให้แก่เย่หยวนได้
แค่พลังในระดับนี้มีหรือที่จะเป็นภัยแก่เย่หยวนได้?
เฟิงเทียนหยางนั้นกล่าวออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “หึ! ทำเป็นอวดรู้เหนือคน! ข้าประมาทเจ้าไปจริง เพราะฉะนั้นข้าจะให้เจ้าได้เห็นพลังที่แท้ของข้าเอง!”
จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงแคบพร้อมด้วยคลื่นพลังพุ่งทะยานสูงล้ำกว่าเก่า
“แนวคิดแห่งลม! นี่มันวิชาหลักของเทพสวรรค์ห่าวเฟิง!”
ทุกผู้คนยังไม่ทันหายตื่นตกใจแต่พลังแนวคิดที่สามมันก็ได้ปรากฏออกมา
ครั้งนี้แม้แต่เย่หยวนก็ยังต้องเบิกตากว้าง
“แนวคิดแห่งน้ำแข็ง! ไม่นึกเลยว่าเฟิงเทียนหยางนั้นจะเป็นยอดคนไร้ต้านได้ขนาดนี้ ถึงขั้นผสานแนวคิดทั้งสามเข้าด้วยกันได้ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเขาถึงได้โอหังนัก ที่แท้เขาก็มีคุณสมบัติมากพออย่างล้นเหลือ!” เทพสวรรค์ฉือหยูร้องขึ้นด้วยสีหน้าชื่นชม
ใช่แล้ว เพราะเฟิงเทียนอย่างนั้นมิใช่แค่เรียนรู้สามแนวคิด แต่เขาผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกัน
จากนั้นบนร่างของเฟิงเทียนหยางมันก็เกิดคลื่นพลังไฟที่หมุนวนพร้อมด้วยความเย็นเยือก ไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็คือการผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกัน
ความเข้าใจในแนวคิดระดับนี้มันย่อมจะเหนือล้ำกว่าคนรุ่นเดียวกันไปอย่างมากมายมหาศาล
มันจึงทำให้เกิดเสียงโห่ร้องชื่นชมขึ้นตาม ๆ กัน ทุกผู้คนต่างบอกว่าเฟิงเทียนหยางนั้นเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งสุดอุดร เดิมทีมันก็ยังมีคนที่คิดว่าเขาคงแค่ใช้ชื่อเสียงของพ่อเท่านั้น แต่ตอนนี้มันไม่มีใครแล้วที่ยังคิดเช่นนั้นเพราะพลังนี้ของเขามันเหนือล้ำอย่างแท้จริง!
คนที่ผสานแนวคิดสองอย่างเข้าด้วยกันจะถูกนับว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ
ส่วนคนที่ผสานสามแนวคิดเข้าด้วยกันนั้นจะไม่อาจนับว่าเป็นอัจฉริยะได้อีกต่อไป
เพราะนั่นมันคือพรสวรรค์ที่ไร้เทียมทาน!
การผสานสามแนวคิดนี้มันจะทำให้เกิดพลังที่เหนือล้ำจนแม้แต่หลู่ซือยีผู้มีแนวคิดแห่งธาตุทั้งห้าก็ยังไม่อาจเทียบเคียงได้
ด้วยพลังของเฟิงเทียนหยางนี้ เขาคงจัดการหลู่ซือยีได้ด้วยมือเดียว
เฟิงเทียนหยางนั้นมองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าเย้ยเยาะ “การที่ทำให้ข้าเอาจริงได้เช่นนั้น เจ้าจงภูมิใจเสียเถอะ! ข้านั้นผสานแนวคิดทั้งสามเข้าด้วยกันและในรุ่นเดียวกันข้ายังไม่เคยพบเจอใครที่ต้านทานได้ ตอนนี้เมื่อข้าก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ขั้นสุดได้แล้ว ภายใต้เทพสวรรค์แล้วมันย่อมจะไม่มีใครต้านทานข้าได้อีก! เย่หยวน นี่คือวิชายุทธของข้า เจ้าคิดว่า… มันมีค่าพอหรือไม่เล่า?”
เย่หยวนกล่าวออกมา “นี่คือการเอาจริงของเจ้าแล้ว? อืม…ไม่เลว แต่ข้าแค่ไม่รู้ว่าเจ้าจะทำให้ข้าเอาจริงได้บ้างหรือไม่ก็เท่านั้น เข้ามาเถอะ”
เฟิงเทียนหยางนั้นหัวเราะเย้ยออกมา “ไอ้เจ้าโง่ ข้าล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าการเอาจริงของเจ้ามันจะสักเท่าไหร่!”
พูดจบเฟิงเทียนหยางก็พุ่งตัวเข้าไปในทันที!
คลื่นพลังของสามแนวคิดที่ผสานเข้ากันกับหมัดอันหนักหน่วงของเขามันรุนแรงจนฟ้าดินแทบจะแยกแตกออกจากกัน
ตอนนี้แม้แต่เหล่าเทพสวรรค์ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดหวั่น
คลื่นพลังในระดับนี้ หากเฟิงเทียนหยางก้าวขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์แล้วเขาคงสามารถเอาชนะคนทั้งหลายในที่นี้ได้แทบสิ้น!
มีแค่เทพสวรรค์สามดาวอย่างเทพสวรรค์ฉือหยูเท่านั้นที่พอจะยืนปะทะกับตัวเขาได้
ในเวลาเดียวกันนั้นเองคลื่นพลังชีวิตในตัวเย่หยวนก็พุ่งปะทุอย่างเปี่ยมล้นมากกว่าก่อนหน้าหลายเท่า
ปัง!
ด้านบนท้องฟ้านั้นคนทั้งสองพุ่งทะยานเข้าแลกหมัดกัน
คลื่นพลังอันสุดแสนรุนแรงแพร่กระจายออกมาโดยรอบทำให้ผู้คนทั้งหลายรู้สึกราวกับว่าบนฟ้านั้นมีภูเขาใหญ่กำลังเคลื่อนเข้าปะทะกัน
เมื่อแลกกันหนึ่งหมัด ร่างของเย่หยวนก็จะปลิวไปด้านหลังพร้อมกระอักเลือดหนึ่งครา
เฟิงเทียนหยางที่เห็นก็หัวเราะลั่น “การที่สามารถรับหมัดข้าผู้นี้ได้ เจ้าจงภูมิใจเสียเถอะ แต่ถึงจะอย่างไรวันนี้เจ้าก็คงไม่อาจหนีจากความตายได้แล้ว! มา!”
พูดจบเขาก็พุ่งตัวเข้าไปหาเย่หยวนอีกครั้งอย่างไม่คิดจะให้เย่หยวนได้ทันตั้งตัวพร้อมรัวหมัดไม่ยั้งมือ
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงดังสนั่นลั่นฟ้าเกิดขึ้น การต่อสู้ของคนทั้งสองนี้มันแทบจะทำให้ฟ้าดินแตกสลายอย่างแท้จริง
มิติสั่นสะเทือน แม่น้ำไหลย้อนกลับ
การปะทะอย่างรุนแรงเช่นนี้มันคือจุดสูงสุดของเทพถ่องแท้อย่างแท้จริง
นี่มันคือการปะทะที่เหนือล้ำผู้คน
“แข็งแกร่งนัก! ทั้งสองคนช่างเก่งกาจเหนือล้ำ! ไม่อาจนึกฝันได้เลยว่าคนทั้งสองนี้บ่มเพาะมาด้วยวิธีการใด!”
“น่าเสียดายจริง ๆ เย่หยวนนั้นคงทนได้อีกไม่นานแล้ว เขายังหนุ่มแท้ ๆ หากให้เวลาอีกสักไม่กี่ร้อยปีเขาคงก้าวข้ามเอาชนะเฟิงเทียนหยางได้”
“โลกนี้มันไม่มีหากหรอก แพ้ก็คือแพ้ แต่เห็นพรสวรรค์นี้ของเย่หยวนแล้วข้าก็อดเสียดายไม่ได้จริง ๆ”
…
ที่ด้านล่างคนทั้งหลายต่างร่ำร้องขึ้นมาตาม ๆ กัน
พลังต่อสู้ของคนทั้งสองนี้มันเหนือล้ำกว่าที่พวกเขาจินตนาการไปมาก
เพียงแค่ว่าตอนนี้คนที่ถูกต่อยจนปลิวในทุก ๆ หมัดของเฟิงเทียนหยางมันคือเย่หยวนและดูท่าคงไม่อาจจะทนไปได้อีกนานนัก
ผลลัพธ์มันชัดเจนแน่แล้ว
เฟิงเทียนหยางนั้นเหนือล้ำจนเกินไป แค่เย่หยวนทนมาได้จนถึงตอนนี้มันก็นับได้ว่าเป็นยอดของยอดคนแล้ว
ปัง!
ในเวลานั้นเองที่เกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้งพร้อมด้วยร่างของเย่หยวนที่ปลิวร่วงลงมายังพื้นดิน
“เฮ้อ เย่หยวนแพ้แล้ว!” เสียงโห่ร้องดังขึ้นตาม ๆ กัน
เฟิงเทียนหยางนั้นยืนอยู่กลางอากาศด้วยท่าทางราวกับเทพสงคราม
“ฮ่า ๆ ๆ ในรุ่นคนหนุ่มสาวด้วยกันแล้วเจ้าเป็นคนแรกที่ทานมือข้าได้ถึงปานนี้! ตอนนี้ก็จงไปตายเสียเถอะ!”
เฟิงเทียนหยางพุ่งตัวตามลงมายังพื้นดินที่เย่หยวนตกลงอย่างไม่คิดหยุดมือใด ๆ
…………………………
Related