เมื่อสาบานต่อเต๋าสวรรค์และรับสัญญาไปไว้ในมือ ทางหลงจื่อก็เผยยิ้มออกมา
“หึ เจ้าคงยังคิดว่าจะออกมาได้ใช่หรือไม่? ข้าจะบอกข่าวร้ายให้ว่าทางเข้านี้มันเป็นตั๋วเที่ยวเดียว หากเจ้าเข้าไปแล้วย่อมจะไม่มีทางออกมาได้! นอกจากนั้นแล้วหลังจากที่เจ้าเข้าไปเจ้านั้นจะถูกส่งไปยังสถานที่ภายในแบบสุ่ม หากที่แห่งนั้นมันเป็นรังสัตว์ร้าย ก็ถือว่าโชคดีแล้ว! เจ้าได้รางวัลใหญ่!” หลงหยู่บอกขึ้นตาม
“โอ้? เช่นนั้นแล้วถ้ำเนตรมังกรนี้มันไม่มีทางออกหรือ?” เย่หยวนหันไปถาม
เพราะหากมันไม่มีทางออกแล้วมันก็คงเป็นปัญหาไม่น้อย
หากภายในนี้มันเป็นมิติโลกปิดตาย ต่อให้เขาจะพัฒนาตัวจนเก่งกาจปานใดมันก็คงไม่มีทางจะกลับออกมาได้
“มันมิใช่ว่าจะไม่มี ข้าได้ยินมาว่าภายในถ้ำเนตรมังกรนั้นมันมีร่องมิติที่ติดต่อกับคลื่นห้วงมิติอยู่ เพียงแค่ว่าเจ้าร่องมิตินี้มันอยู่ที่ใด ไม่มีใครทราบถึงมัน เพราะฉะนั้นการจะหาทางออกมาจากถ้ำเนตรมังกรนั้นมัน…จึงเหมือนลงไปงมเข็มในมหาสมุทร!” หลงฉือบอกเย่หยวน
หลงจื่อหัวเราะกล่าวขึ้น “เด็กน้อย ถึงเวลานี้จะถอยก็ยังไม่สาย! แต่ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายนั้นข้าคงไม่อาจรับประกันให้ได้ ฮ่า ๆ ๆ!”
เย่หยวนไม่คิดสนใจคำท้าทายข่มขู่ใด ๆ อีกต่อไป เขาเพียงแค่หันหน้าเดินเข้าประตูถ้ำนั้นไปอย่างไม่ลังเล
หลงจื่อที่คิดอยากเห็นสภาพวิตกกังวลของเย่หยวนจึงได้กล่าวพูดเช่นนั้นออกมา เพียงแค่ว่าเย่หยวนกลับไม่แสดงท่าทีใด ๆ อย่างที่เขาคิดอยากเห็นทำให้ตัวเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญใจ
“หึ! ไม่ตายด้วยมือข้าก็ถือว่าเจ้าโชคดีแล้ว!” พูดจบตัวหลงจื่อก็เดินหายไปจากโถงทันที
หลงฉือเองก็ได้แต่ถอนหายใจยาวก่อนจะหันหน้าเดินกลับไปบ้าง
เพียงแค่ว่าไม่นานหลังจากพวกเขาทั้งหลายเดินกลับออกมามันกลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งสวนเข้าไปยังโถงใหญ่นั้น
ฟุบ!
แสงสีฟ้าครามพุ่งผ่านหน้าพวกเขาทั้งหลายเข้าไปยังทางเข้าถ้ำเนตรมังกร เหล่าทหารผู้เฝ้ายามทั้งหลายนั้นไม่อาจจะร้องกล่าวห้ามใด ๆ ทัน
เมื่อทหารยามเทพสวรรค์ทั้งสองเห็นร่างนั้น พวกเขาต่างก็หน้าถอดสีขาวซีดลง
“นั่นมัน…เหมือนว่าจะเป็นหลงเสี่ยวฉุนใช่หรือไม่?”
“ให้ตายสิ! ดาวหายนะเข้าถ้ำเนตรมังกรไปแล้ว! เรื่องใหญ่แล้ว! เจ้าอยู่เฝ้าไป! ข้าจะไปรายงานท่านเจ้ามังกรเอง”
คนทั้งสองได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงก่อนทหารคนหนึ่งจะรีบพุ่งตัวออกไปรายงานเรื่องราว
…
เย่หยวนนั้นรู้สึกเหมือนโลกหล้าหมุนวนอยู่ตรงหน้าไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด แต่สุดท้ายเท้าของเขาก็กลับมายืนบนพื้นดินได้อีกครั้ง
โลกเบื้องหน้าของเขานี้มันเป็นสถานที่สุดแปลกประหลาด ท้องฟ้ากว้างตรงหน้ามันไร้สีครามใด ๆ ท้องฟ้าที่เขาได้เห็นในเวลานี้มันกลับกลายเป็นสีแดงเพลิงประหนึ่งกำลังถูกเผาไหม้
เวลานี้มันได้มีคลื่นพลังงานชั่วร้ายพุ่งทะลุเข้ามาในร่างของเขาจนถึงแก่นกระดูก
“ช่างเป็นคลื่นพลังชั่วร้ายที่รุนแรงอะไรปานนี้ มันรุนแรงเสียยิ่งกว่าคลื่นพลังชั่วร้ายของเผ่าปีศาจเสียอีก! แต่ทว่า…คลื่นพลังชั่วร้ายที่หนาแน่นปานนี้ มันช่างเป็นแหล่งทรัพยากรในการบ่มเพาะอย่างดี!”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่หยวนพร้อม ๆ กันนั้นเขาก็ได้ใช้บัญญัติเทพแห่งถงเทียนออกมาดูกลืนพลังงานชั่วร้ายรอบ ๆ กายเข้าไป
หากคนอื่น ๆ มาเห็นภาพนี้พวกเขาทั้งหลายคงต้องเบิกตาถลนหลุดจากเบ้า
เมื่อคลื่นพลังชั่วร้ายที่หนาแน่นระดับนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายแล้วไม่ว่าจะเป็นเผ่าอสูรหรือเผ่ามนุษย์ พวกเขาก็ย่อมจะไม่อาจทนทานรับมันไว้ได้จนต้องกลายเป็นเพียงแค่ศพเดินได้
เมื่อคนอื่น ๆ เข้ามาภายในนี้พวกเขาล้วนย่อมจะต้องกางปราณเทวะของตนออกมายับยั้งคลื่นพลังชั่วร้ายนี้ไว้
แต่เย่หยวนนั้นแตกต่าง! เขากลับดูดกลืนพวกมันลงไปอย่างง่ายดาย!
เมื่อคลื่นพลังชั่วร้ายทั้งหลายนี้เข้าไปในร่างของเขาแล้วเย่หยวนก็จะใช้บัญญัติเทพแห่งถงเทียนกลั่นให้มันกลายเป็นปราณเทวะไป หลอมมันเข้าเป็นเม็ดต้นกำเนิด
เม็ดต้นกำเนิดของเย่หยวนนั้นมันมีแต่จะหดเล็กลงเพียงแค่ว่าความหนาแน่นของปราณเทวะมันจะกลับแน่นหนักมากขึ้น
ทุกสิ่งเกิดจากถงเทียน และกลับคืนสู่ถงเทียน
สำหรับเย่หยวนแล้วไม่ว่ามันจะเป็นปราณเทวะ ปราณปีศาจ หรือปราณอสูรใด ๆ ก็ไม่มีความแตกต่าง
ทุกสิ่งอย่างที่เป็นพลังงานนั้นมันย่อมจะถูกหลอมกลั่นด้วยบัญญัติเทพแห่งถงเทียนได้สิ้น สุดท้ายทุกสิ่งอย่างมันก็จะกลายเป็นปราณเทวะของเขาไป
ตราบเท่าที่เย่หยวนคิดทำ เขาก็สามารถจะเปลี่ยนปราณของตนนี้ให้กลายเป็นปราณรูปแบบใดก็ได้
“หึ พลังงานชั่วร้ายในที่แห่งนี้มันช่างรุนแรงล้ำ บ่มเพาะวันเดียวภายในนี้คงเทียบเท่าบ่มเพาะสิบวันที่โลกภายนอก!” เย่หยวนกล่าวขึ้น
ฟุบ!
จู่ ๆ มันก็มีก้อนขนสีดำพุ่งทะยานเข้ามาหาเย่หยวนอย่างเงียบงัน
แต่ในวินาทีก่อนที่มันจะมาถึงนั้นเจ้าก้อนขนสีดำกลับเปิดปากขึ้นเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมเล็งมายังคอของเย่หยวน
ฉัวะ!
เงาแสงหนึ่งพุ่งผ่านพร้อมคลื่นพลังดาบที่พุ่งทะลุปากนั้นไป แทงทะลุหัวของเจ้าสัตว์ร้ายไป
“เอ๋ง!”
เจ้าสัตว์ร้ายส่งเสียงร้องสุดท้ายของชีวิตออกมาก่อนจะร่วงตกลงยังพื้นดิน แม้มันจะขยับกระตุกอีกหลายครั้งแต่สุดท้ายก็ตายลง
เย่หยวนหันไปมองที่ร่างนั้นก่อนจะเห็นว่าแท้จริงแล้วมันเป็นสุนัขสีดำสนิท เพียงแค่ว่ามันมีขนที่ยาวเกินสุนัขและไร้ซึ่งดวงตาใด ๆ
หากมันไม่เปิดปากแล้ว คนคงมองมันเป็นแค่ก้อนดินสีดำ
เจ้าสัตว์ร้ายนี้คิดลอบโจมตีเย่หยวนแต่มีหรือที่มันจะรู้ว่าเย่หยวนมีสัมผัสเฉียบคม ฟันกลับมาดั่งมีดวงตางอกขึ้นที่ด้านหลัง
“นี่หรือคือสัตว์ร้ายที่พวกมันว่าถึง? เก่งกาจสมคำเล่าลือ! ข้าไม่เห็นเคยได้ยินเลยว่ามหาพิภพถงเทียนมันยังมีสัตว์ร้ายประเภทนี้อยู่ โลกใบนี้มันคืออะไรกันแน่?” เย่หยวนขมวดคิ้ว
เพราะคลื่นพลังที่เจ้าสัตว์ร้ายนี้ปล่อยออกมามันคงอยู่ในระดับเดียวกับมนุษย์เทพถ่องแท้ห้าดาว
เพียงแค่ว่าการโจมตีเมื่อสักครู่นี้ต่อให้จะมีเทพถ่องแท้ห้าดาวถึงสามคน พวกเขาก็คงได้ตายลงสิ้น
“มารนรก!” หวู่เฉินร้องบอกขึ้น
“มารนรก? เจ้าพวกนี้?” เย่หยวนถาม
หวู่เฉินพยักหน้าตอบรับ “ใช่แล้ว! หลังจากที่ไข่มุกสยบวิญญาณได้วิวัฒนาการขึ้นมาเป็นสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ความทรงจำของข้ามันก็ได้ค่อย ๆ กลับมา ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับถ้ำเนตรมังกรนี้เหลือเกิน ราวกับว่าเคยได้มายังที่แห่งนี้”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องผงะหน้าไป “เคยมาก่อน? หรือว่า…จอมเทพสวรรค์นิรันดร์จะเคยมายังที่แห่งนี้?”
หวู่เฉินร้องตอบกลับมา “เป็นไปได้! เหล่ามารนรกทั้งหลายนี้มันสุดแสนแข็งแกร่ง มนุษย์ในระดับเดียวกันย่อมไม่อาจรับมือมันได้เลย และมันยังมีมารนรกอีกหลายตัวที่เก่งกาจพอจะต่อสู้ข้ามขั้นได้ เย่หยวน เจ้าจงระวังให้มากไว้”
เย่หยวนพยักหน้ารับทันที “อืม ข้าจะระวัง หืม? นี่มันอะไรกัน?”
ก่อนที่เย่หยวนจะทันได้เดินจากไปเขาก็เหลือบไปเห็นถึงผลึกสีดำที่ตกร่วงลงมาจากร่างของเจ้ามารนรกตัวนี้
“ช่างเป็นพลังชั่วร้ายที่รุนแรงนัก! เจ้าสิ่งนี้คงเป็นแก่นชีวิตของมารนรกแล้ว! ชิ ๆ คลื่นพลังชั่วร้ายที่แฝงอยู่ภายในนี้มันหนาแน่นเสียยิ่งกว่าคลื่นพลังภายนอกหลายเท่าตัว!”
เมื่อเห็นผลึกสีดำนั้นเย่หยวนก็ต้องเบิกตากว้าง
หากเป็นคนอื่นได้เห็นมันพวกเขาคงหวาดกลัวหัวหด คลื่นพลังระดับนี้มันอาจจะทำให้พวกเขาไม่เหลือเวลาหนีไปจากมันเสียด้วยซ้ำ
แต่กับเย่หยวนแล้วเจ้าผลึกนี้มันกลับทรงค่าล้ำ
“ฮ่า ๆ ๆ! ถ้ำเนตรมังกรนี้มันเป็นที่ที่ดีจริง ๆ! ด้วยผลึกดำเช่นนี้แล้วข้าคงขึ้นไปถึงอาณาจักรเม็ดต้นดำเนิดแปดดาวได้ไม่ยาก! เฒ่าทั้งหลายนั้นมันคิดส่งข้าลงมาตายยังถ้ำเนตรมังกรนี้ หาได้รู้ไม่เลยว่าที่แห่งนี้มันเป็นดั่งคลังสมบัติสำหรับข้า!” เย่หยวนรีบเก็บผลึกดำนั้นลงพร้อมเสียงหัวเราะลั่น
คลื่นพลังที่ผลึกดำนี้ปล่อยออกมามันรุนแรงไม่แพ้โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหก!
สิ่งใดเล่าที่เย่หยวนขาดแคลนที่สุด?
มันก็คือโอสถ!
เพราะแม้เวลานี้เย่หยวนจะมีเงินทองมหาศาล แต่ปริมาณของโอสถที่เขาต้องใช้นั้นมันก็มากล้ำเกินไป
สมุนไพรวิญญาณระดับหกนั้นมันเป็นของสุดหายาก ต่อให้เย่หยวนจะมีเงินล้นฟ้า แต่ตัวเขาไม่อาจจะหาซื้อของที่ไม่มีขายได้
แต่ตราบเท่าที่เขามีโอสถอย่างไม่ขาดมือ เย่หยวนก็ย่อมจะสามารถบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็ว
และเจ้ามารนรกทั้งหลายนี้เอง แต่ละตัวมันก็เป็นดั่งโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหกต่อเย่หยวน ไม่ว่าจะมองอย่างไรนี่มันก็คือคลังสมบัติของเย่หยวนโดยแท้!
ดวงตาของเย่หยวนเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น เขาคิดแผนการบ้าคลั่งหนึ่งขึ้นมาได้ ซึ่งแผนการนั้นก็คือ การล่ามารนรก!
…………………………