ปัง! ปัง! ปัง!
ภายในป่ามืดทึบนั้นมีหลายเงาร่างกำลังต่อสู้ตะลุมบอนกันอยู่อย่างรุนแรงดุดัน
เงาร่างในชุดขาวนั้นกำลังวิ่งวนอยู่ภายในฝูงสัตว์ร้ายสีดำ ดูสภาพการแล้วมันสุดแสนจะอันตรายจนยากจะหลบรอดได้
แต่ทว่าเงาร่างชุดขาวนั้นกลับขยับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นภัยอันตรายใด ๆ ตัวเขาย่อมจะเปลี่ยนให้มันกลับมาเป็นความได้เปรียบ
แน่นอนว่าชายชุดขาวผู้นี้มันจะคือเย่หยวน
ในเวลานี้ตัวเขาได้เข้ามาอยู่ในถ้ำเนตรมังกรเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้ว
คลื่นพลังจากร่างของเย่หยวนในเวลานี้มันสุดแสนรุนแรงกว่าตอนที่เพิ่งเข้ามาอย่างมาก
ในหนึ่งปีมานี้เย่หยวนได้ล่ามารนรกระดับหกไปนับพัน ๆ ตัวและได้รับผลึกดำมาครอบครองอย่างมหาศาล
แน่นอนว่ามีหรือที่เรื่องราวมันจะง่ายดายไร้ภัยอันตราย? ระหว่างทางนั้นเย่หยวนก็ย่อมจะเจอมารนรกระดับเทพสวรรค์อยู่บ้าง
เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นเตรียมการดีก่อนออกล่าทุกครั้ง เขาได้วางวิชาห้วงมิติเปล่าไว้พร้อม หากไปเจอมารนรกระดับเทพสวรรค์เข้าเย่หยวนก็ไม่ลังเลที่จะใช้งานวิชาห้วงมิติเปล่าหนีออกมาทันที
เพราะฉะนั้นแม้ว่ามันจะมีมารนรกสุดแข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย แต่เย่หยวนเองก็ยังสามารถเอาตัวรอดมาได้อย่างไม่ยากเย็น
จนถึงวันนี้ เย่หยวนก็ยังไม่ได้พบเจอภัยอันตรายที่แท้จริงถึงชีวิตเลยสักครั้ง
“ดาบสลักกลวงแท้!”
เสียงร้องดังขึ้นพร้อมดาบไร้เสียงที่พุ่งทำลายร่างของมารนรกถึงสามตัวลง
“โฮ่ก ๆ!”
เหล่ามารนรกที่เหลือเมื่อได้เห็นต่างร้องร่ำอย่างเดือดดาลพร้อมเข้าโจมตีเย่หยวนอย่างบ้าคลั่ง
“หึ! พวกเจ้าทั้งหลายนี้มันไม่มีสมองพอจะเข้าใจความอันตรายจริง ๆ! ฝ่ามือล้ำจักรวาล!”
เย่หยวนร้องบอกก่อนจะซัดฝ่ามือออกมา
พลังของเผ่ามังกรที่เหนือฟ้าดินนี้มันย่อมจะช่วยให้เขาสามารถผ่านพ้นอันตรายมาได้นับไม่ถ้วน
เมื่อมารนรกทั้งหลายถูกฝ่ามือนี้ไป พวกมันอีกราวห้าตัวก็แตกสลายลง!
“โฮ่ก!”
เหล่ามารนรกที่เหลือยิ่งร่ำร้องก่อนจะเห็นระเบิดคลื่นพลังงานลูกหนึ่งพุ่งเข้ามาตัวเย่หยวน
“ดาบสลักกลวงแท้!”
เย่หยวนแทงดาบไร้เสียงออกมาอีกครั้งหนึ่งส่งเหล่ามารนรกทั้งหลายไปยังโลกหน้าอย่างไร้ปรานี
หลังต่อสู้มาได้หนึ่งวันเต็ม ในที่สุดเย่หยวนก็ได้จัดการสังหารมารนรกฝูงนี้ลง
“เฮ้อ…เจ้าพวกนี้มันเก่งกาจเสียจริง ๆ ต่อให้จะเป็นเทพถ่องแท้เก้าดาวก็คงไม่อาจจะรอดพ้นจากพวกมันได้” เย่หยวนถอนหายใจยาว
เหล่ามารนรกทั้งหลายนี้ล้วนแล้วต่างมีพลังในร่างไม่ต่ำกว่าเทพถ่องแท้แปดดาว
แต่พลังการต่อสู้ของพวกมันนั้นเหนือล้ำกว่าที่เทพถ่องแท้เก้าดาวชาวมนุษย์จะมาเทียบเคียงได้
พลังบ่มเพาะของเย่หยวนในเวลานี้มันก้าวขึ้นมาใกล้เทพถ่องแท้แปดดาวเต็มที พร้อม ๆ กับพลังจากกายเนื้อนั้นมันย่อมจะทำให้เขาไม่พ่ายแพ้หากอีกฝ่ายมิใช่เทพสวรรค์
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นตัวเขาเองก็ยังต้องเหนื่อยยากกว่าจะสังหารพวกมันลงได้
เย่หยวนเก็บผลึกดำทั้งหลายที่ตกเรี่ยราดบนพื้นด้วยรอยยิ้ม “หึ เจ้ามารนรกทั้งหลายนี้มันสุดแสนแข็งแกร่ง แต่ผลึกดำของพวกมันเองก็มีพลังหนาแน่นไม่แพ้กัน .ไอลีนโนเวล. ด้วยผลึกดำชุดนี้แล้วข้าคงสามารถบรรลุอาณาจักรเม็ดต้นกำเนิดแปดดาวได้แน่!”
ในหนึ่งปีมานี้เย่หยวนได้มองถ้ำเนตรมังกรนี้เป็นดั่งคลังสมบัติโดยแท้
ตราบเท่าที่เขาเห็นมารนรกหกดาวตัวเย่หยวนก็จะพุ่งเข้าไปล่าสังหารอีกฝ่ายทันที
หากหลงจื่อมาเห็นเรื่องราวในเวลานี้พวกเขาคงต้องโกรธจนกระอักเลือด
วิธีการที่เขาคิดใช้สังหารเย่หยวนมันกลับเป็นการป้อนอาหารใส่ปากเย่หยวนแทน
แต่ในเวลาหนึ่งปีมานี้เย่หยวนก็ได้รู้ถึงสถานการณ์ภายในและกฎต่าง ๆ ของถ้ำเนตรมังกรนี้
ที่ใดอันตราย ที่ใดพอปลอดภัย ที่ใดเป็นแหล่งอาศัยของมารนรกสุดแกร่ง ตัวเย่หยวนเข้าใจถึงมันอย่างดี
ตราบเท่าที่ตัวเขาไม่ก้าวผ่านเส้นเขตแดนไป มันก็ย่อมจะไม่มีภัยที่เกินรับมือ
ป่าทึบที่เขาอยู่ในเวลานี้มันนับเป็นหนึ่งในดินแดนที่อันตรายไม่น้อย มีมารนรกระดับเทพถ่องแท้ขั้นปลายอาศัยอยู่ไม่น้อย
แต่หลังจากที่เย่หยวนพัฒนาพลังบ่มเพาะของตนมาเรื่อย เหล่ามารนรกในพื้นที่ปลอดภัยทั้งหลายมันจึงไม่ได้เป็นภัยอันตรายใด ๆ แก่เย่หยวนอีก
เมื่อหาพื้นที่ปลอดภัยได้เย่หยวนก็เริ่มวางค่ายกลป้องกันขึ้นหลายชั้นก่อนที่จะเริ่มทำการหลอมดูดพลังจากผลึกดำทั้งหลาย
เมื่อคลื่นพลังชั่วร้ายนี้พุ่งเข้าสู่ร่าง พลังบ่มเพาะของเย่หยวนก็เริ่มขยับเคลื่อนอีกครั้ง
หลายวันจากนั้นคลื่นพลังจากร่างของเย่หยวนก็ปะทุขึ้น เขาก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรเม็ดต้นดำเนิดแปดดาวเป็นที่เรียบร้อย
“การบรรลุต่อจากนี้ไปคงมีแต่ยากขึ้นแล้ว!” เมื่อค่อย ๆ เปิดลืมตาออกมาเย่หยวนก็ต้องถอนหายใจยาว
“แต่สุดท้ายมันก็ถือว่าคุ้มค่า! เวลานี้แม้ข้าจะอยู่แค่อาณาจักรเม็ดต้นกำเนิดแปดดาวแต่หากวัดกันแค่ที่ความหนาแน่นของปราณเทวะ ตัวข้านั้นคงเหนือล้ำกว่าเหล่าเทพถ่องแท้เก้าดาวที่บ่มเพาะด้วยวรยุทธทั่วไป! อย่าว่าแต่เทพถ่องแท้ เวลานี้ต่อให้เป็นเทพสวรรค์ตัวข้าเองก็คงพอจะต่อต้านใด ๆ ได้บ้างแล้ว หากบรรลุขึ้นอาณาจักรเม็ดต้นกำเนิดเก้าดาวได้ ถึงเวลานั้นตัวข้าก็คงพอจะเทียบเคียงฝีมือกับเทพสวรรค์หนึ่งดาวได้เช่นกัน!”
จากนั้นเย่หยวนก็เงยหน้ามองท้องฟ้ากล่าวออกมาอย่างเปี่ยมอารมณ์ “ลี่เอ๋อ หลังจากข้าบรรลุอาณาจักรต่อไปได้แล้วข้าจะไปรับเจ้ากลับเอง! หลินฉางชิง เวลาสองพันปีนั้นมันยังมาไม่ถึงก็จริง แต่ข้านั้นอยากจะรู้เหลือเกินว่าเจ้าที่อ้างตนเป็นอัจฉริยะนั้นพัฒนาขึ้นไปได้ถึงปานใดแล้ว!”
เวลาจากวันนั้นมาถึงตอนนี้มันผ่านไปราวหนึ่งพันปีแล้ว แต่ช่วงเวลาหนึ่งพันปีนี้เย่หยวนก็ยังคิดถึงห่วงหาลี่เอ๋ออย่างไม่มีหยุดพัก
ส่วนท่าทางไร้เหตุผลของหลินฉางชิงเองมันก็ยังฝังอยู่ในใจของเย่หยวน
เจ้าหลินฉางชิงนั้นมาอวดอ้างตัวเองว่าเป็นยอดคนอัจฉริยะ บอกว่าเย่หยวนเป็นแค่มดปลวก
ในตอนนั้นเย่หยวนเพิ่งจะขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์มา ส่วนทางหลินฉางชิงนั้นเป็นถึงเทพสวรรค์
แต่เวลาผ่านไปแค่พันปีนี้ เย่หยวนกลับพุ่งทะยานล้ำฟ้าขึ้นมาอยู่หน้าประตูอาณาจักรเทพสวรรค์ได้แล้ว
แล้วตัวหลินฉางชิงนั้นเล่าจะบ่มเพาะไปได้ถึงระดับไหน?
ทั้งเรื่องของทะเลแห่งแนวคิด ทั้งเรื่องของอย่าถามนั้นมันต่างได้ให้ประโยชน์มหาศาลแก่เย่หยวนจนทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เหนือฟ้าดินเช่นนี้ได้
เรื่องของอาณาจักรระดับต่อไปนั้นเอง เย่หยวนก็เริ่มที่จะทำการคาดเดาไว้ได้บ้างแล้ว
เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ว่าอาณาจักรต่อไปของเขานี้มันจะแตกต่างจากเก่ามาก
กฎใด ๆ ที่ว่าอาณาจักรเทพสวรรค์ไม่สามารถกระโดดข้ามผ่านไปได้ง่าย ๆ นั้นย่อมไม่รวมไปถึงตัวเย่หยวนนี้
เย่หยวนนั้นมั่นใจว่าตราบเท่าที่เขาบรรลุขึ้นไปได้ เขาย่อมจะไม่อ่อนแอกว่าหลินฉางชิงแล้ว
“หืม? มันมีคนอยู่ในที่แบบนี้ด้วยหรือ แถมยังเป็นมนุษย์เสียอีก”
ระหว่างที่เย่หยวนกำลังคิดเรื่องราวในวันหน้าไปมันก็เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมาไม่ไกล
อีกเสียงหนึ่งดังพูดขึ้นตาม “หึ เทพถ่องแท้แปดดาว? การที่มันอยู่รอดในป่ามารดารานี้ได้คงนับว่าเป็นผู้โชคดีมหาศาล!”
“ทำไมมันถึงมีเด็กมนุษย์มาอยู่ที่นี่ได้เล่า? หรือว่า…มันจะเข้ามาจากทางร่องมิติ?”
เย่หยวนหันหน้ากลับไปยังต้นเสียงและพบว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นเด็กหนุ่มเผ่ามังกรสามคนกำลังจ้องมองมาด้วยใบหน้าเหยียดหยาม
คนที่นำมานั้นมีรอยแผลเป็นเต็มร่าง เขาเดินมาหยุดตรงหน้าเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ถ้ำเนตรมังกร”
นั่นทำให้เหล่ามังกรหนุ่มทั้งหลายต้องหรี่ตาลงมองอย่างผิดหวัง
เพราะหากรู้จักนามถ้ำเนตรมังกรแล้ว เขาก็คงไม่ได้มาจากร่องมิติเป็นแน่
เพราะว่าที่แห่งนั้นมันมิใช่นามที่มนุษย์จากโลกภายนอกจะรู้จักได้
ชายหนุ่มที่เดินนำมานั้นจึงได้กล่าวขึ้น “โอ้? เจ้ารู้จักถ้ำเนตรมังกรแต่กลับกล้ามานั่งเล่นในป่ามารดารา? ช่างโอหังไม่กลัวสิ่งใดจริง ๆ!”
เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับไป “หรือว่าพวกเจ้าทั้งหลายจะรู้จักสถานที่ที่ปลอดภัยอย่างแท้จริงในถ้ำเนตรมังกรนี้เล่า?”
นั่นทำให้พวกเขาทั้งสามแทบสำลัก
เพราะที่แห่งนี้มันคือโลกของมารนรก ไม่มีที่ใดจะปลอดภัยได้เต็มร้อย
ชายหนุ่มที่นำหน้ามากล่าวขึ้นเปลี่ยนเรื่อง “เด็กน้อย เจ้าคิดเสียว่าตนโชคดีเถอะ มาเดินเล่นในป่ามารดาราด้วยกำลังของเจ้านี้หากไปเจอมารนรกที่แข็งแกร่งเข้าเจ้าคงได้ตายลงอย่างไม่รู้เหตุแน่ ในเมื่อเรามีชะตามาพบกันแล้ว เจ้าก็ตามเรามาเถอะ จากนี้ไปพี่ซุนผู้นี้จะช่วยปกป้องเจ้าเอง ต่อให้เจ้าจะอยากตายมันก็คงไม่ง่ายนักแล้ว!”
“ได้!” เย่หยวนตอบรับไป
เพราะหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ตัวเขาอยู่คนเดียวมาแสนนาน มันก็อยากจะหาผู้คนอยู่บ้าง
ที่สำคัญในสถานที่เช่นนี้มีคนเพิ่มมันก็เท่ากับมีกำลังเพิ่ม
ดูท่าแล้วคนทั้งหลายนี้ย่อมจะเป็นเจ้าถิ่นของที่นี่ ย่อมจะพอเข้าใจพื้นที่ดี การจะเรียนรู้ความเข้าใจนั้นจากพวกเขาเองมันก็คงมิใช่เรื่องเลวร้ายใด
ส่วนคำที่ว่า ‘พี่ซุนจะปกป้องเจ้าเอง’ นั้น เย่หยวนย่อมได้แต่ทำหูทวนลมไป
…………………………