ณ เขาราบเพลิง วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชาง
ไม่นานก่อนหน้านั้นที่แห่งนี้มันยังเปี่ยมล้นไปด้วยชีวิตชีวาเป็นวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดและคึกคักที่สุดในบริเวณโดยรอบ
แต่เวลานี้เขาราบเพลิงมันกลับเงียบเหงาไร้ชีวิตใด
เมื่อกว่าพันปีก่อนนั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางได้กลับมายังวังพำนักด้วยสภาพบาดเจ็บสาหัส เมื่อกลับมาถึงเขาก็หมดสติเข้าสู่สภาวะหลับใหลไปอย่างยาวนาน
เวลานี้เขาราบเพลิงนี้มันได้ถูกปิดตายลงไม่ให้ใครเข้าออกอย่างสมบูรณ์
ในเขานั้นเวลานี้มีหารเทพถ่องแท้เผ่าปีศาจกำลังเดินตรวจตราอยู่นับสิบ
ปีศาจผู้หนึ่งกล่าวขึ้น “เฮ้อ วันเวลาเช่นนี้มันจะจบลงเมื่อใดกัน!”
“ใช่ไหมเล่า! คิดถึงวันวานแล้ววังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางเรานั้นยิ่งใหญ่ปานใด? เวลาที่เรามีเรื่องไม่สบายใจก็ไปจับมนุษย์จากแถวๆ นี้มาเป็นทาสเล่นได้ง่ายๆ เวลานี้เรากลับกลายเป็นแค่เต่าหดหัวไปเสียได้!”
“หึ ข้าได้ยินมาว่าท่านเจี่ยวชางนั้นตื่นขึ้นมาแล้ว! ไม่นานมันคงได้กลับไปสู่ความยิ่งใหญ่นั้นอีกครั้ง!”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวคนทั้งหลายก็ต้องหันหน้ามามองพร้อมๆ กันทันที
วันเวลาอันแสนน่าเบื่อเช่นนี้คนทั้งหลายย่อมจะภาวนาให้มันจบลงอยู่ทุกลมหายใจ
“จริงหรือ? เล่ยเทอเจ้าอย่าได้หลอกลวงผู้คนเชียว!”
เล่ยเทอหัวเราะขึ้นมา “แน่นอนว่ามันคือความจริง! แท้จริงท่านเจี่ยวชางนั้นตื่นมาได้ราวสองร้อยปีแล้วแต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่มันสาหัสจนเกินไปทำให้ท่านยังไม่อาจจะเดินทางออกจากเขาได้ ข้าได้ยินมาว่ามันมีเด็กมนุษย์ที่ทำให้ท่านต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากที่ท่านฟื้นตัวแล้วท่านบอกว่าจะออกไปจัดการคืนหนี้แค้นให้สาสม!”
“เยี่ยม! วันเวลาอันแสนน่าเบื่อหน่ายนี้มันจะได้จบลงเสียที!”
เหล่าปีศาจทั้งหลายกำลังพูดคุยกันไปอย่างออกรสออกชาติก่อนที่จะมีปีศาจผู้หนึ่งหันไปเห็นว่าที่เส้นขอบฟ้านั้นมันมีจุดสีดำปรากฏขึ้นอย่างมากมาย กำลังบินพุ่งเข้ามายังทิศที่พวกเขายืนอยู่
“มนุษย์! ไอหย่า… เทพสวรรค์มากมายปานนั้น?! มันช่างเป็นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่นัก! ร-เร็วเข้า รีบกลับเข้าไปรายงานเร็ว!” เล่ยเทอร้องบอกด้วยหน้าซีดขาวคิดอยากหนีสุดตัว
แต่น่าเสียดายที่มันสายเกินไปแล้ว
ชายหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่งก้าวเดินออกมาจากความว่างเปล่าดักหน้าปีศาจทั้งหลายไว้
เล่ยเทอนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายใจ ชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้ยังดูเป็นแค่เด็กน้อยแต่กลับให้ความรู้สึกหนักล้ำราวกับเขาใหญ่ออกมา
เมื่อไม่มีที่จะหนีทางเล่ยเทอจึงต้องฝืนใจกล่าวคำรับขึ้น
“เล่ยเทอขอคารวะท่านเทพสวรรค์เผ่ามนุษย์!”
เย่หยวนยืนรับพร้อมยกมือไขว้หลัง “ทางเข้าไปทางใด?”
เล่ยเทอนั้นผงะไปทันทีก่อนจะกล่าวขึ้น “นายท่าน เวลานี้เขาราบเพลิงเรากำลังปิดตาย…”
ตูม!
เย่หยวนดีดนิ้วส่งร่างของปีศาจเทพถ่องแท้ทั้งหลายที่ด้านข้างปลิวหายไปสิ้น
เล่ยเทอหน้าซีดขาวลงพร้อมกล่าวตอบ “น-นายท่านโปรดตามข้าน้อยมาเถอะ”
หลังจากนั้นเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายที่พุ่งตัวเหาะบินมาก็ค่อยๆ ตามมาสมทบมากขึ้นเรื่อยๆ
เวลานี้จิตใจของเล่ยเทอนั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยความตื่นตะลึง เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนี้ต่างมิใช่แค่เทพสวรรค์อ่อนแอทั่วๆ ไป
ดูท่า… อีกฝ่ายคงไม่ได้มาดีเป็นแน่!
เล่ยเทอนั้นนำพาเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายมาถึงปากทางเข้าเขาราบเพลิง
เวลานี้เขาทั้งลูกนั้นมันอยู่ใต้การปกป้องของมหาค่ายกลที่ปิดทางเข้าออกลงสิ้น
คนจากภายนอกย่อมจะไม่อาจเข้าไปได้อย่างไม่ได้รับอนุญาต
“เทพสวรรค์เผ่ามนุษย์ หยุดก่อน! หากเข้าไปลึกกว่านี้มหาค่ายกลที่ปกป้องเขานี้อยู่จะทำลายพวกเจ้าลงสิ้น!”
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นยังไม่ทันจะก้าวถึงประตูก็เกิดเสียงหนึ่งดังกังวานขึ้นมาจากภายในค่ายกลนั้น
แน่นอนว่าด้วยกำลังของเทพสวรรค์มากมายที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆ กันนี้มันย่อมจะทำให้เกิดความแตกตื่นอย่างมากล้น ต่อให้จะอยากซ่อนตัวมันก็คงทำได้ยาก
เล่ยเทอหันมามองหน้าเย่หยวนด้วยความดูถูกสุดหัวใจ
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางนั้นได้จ่ายค่าจ้างมหาศาลขอให้จอมเทพค่ายกลแปดดาวของเผ่าปีศาจมากางมหาค่ายกลปกป้องเขาราบเพลิงนี้ไว้
เจ้ามหาค่ายกลนี้มันป้องกันได้แม้แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์ แต่เจ้าโง่คนนี้กลับคิดจะบุกรุกเข้าไป? ทำเช่นนั้นมันรนหาที่ชัดๆ เลยมิใช่หรือ?
พูดไปเสียงนั้นก็ได้เปิดการทำงานของมหาค่ายกลขึ้นปล่อยคลื่นพลังอันน่าขนลุกออกมาสู่ภายนอก
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายที่สัมผัสได้ถึงพลังนี้ต่างต้องเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
ด้วยมหาค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดนนี้ การจะทำลายจักรพรรดิเทพสวรรค์ลงมันคงมิใช่เรื่องยากแล้วมิใช่หรือ?
แต่ระหว่างที่คนทั้งหลายยังไม่ทันหายตื่นตะลึงเย่หยวนก็ก้าวเดินเข้าไปในมหาค่ายกลอย่างไม่ลังเลใดๆ
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายที่ได้เห็นเข้าต้องเบิกตากว้างด้วยใบหน้าซีดขาว “อาจารย์เย่!”
‘รนหาที่ตาย!’ เล่ยเทอหัวเราะเย้ยขึ้นในใจ
บนมหาค่ายกลนั้นมันมีเทพสวรรค์ห่าวหลินคอยดูแลการใช้งานอยู่ เขาที่เห็นเช่นนั้นจึงหัวเราะขึ้น “เจ้าโง่เง่าไร้สมอง! ค่ายกลถ้วยนิลปีศาจเล่ห์ของอาจารย์โม่จีนั้นแม้แต่ตัวท่านเจี่ยวชางเองก็ยังไม่กล้าจะบุกผ่านเข้าไปตรงๆ เทพสวรรค์น้อยผู้หนึ่งกลับกล้าทำ!”
พูดจบเขาก็รีบหมุนตราในมือเปลี่ยนให้คลื่นพลังมหาค่ายกลเป็นการโจมตีมหาศาล
เวลานี้พลังปีศาจมหาศาลพุ่งออกมาอย่างรุนแรงไม่แพ้พลังของจักรพรรดิเทพสวรรค์แม้แต่น้อย
แท่งแสงสีดำมากมายพุ่งเข้ามาหาตัวเย่หยวนอย่างไม่มีปรานี
เย่หยวนนั้นยืนอยู่ท่ามกลางพลังเหนือล้ำของค่ายกล ไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็คงไม่อาจต้านทาน
คลื่นพลังจากมหาค่ายกลนี้มันรุนแรงจนทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีได้ง่ายๆ
การที่เย่หยวนเข้าไปยืนกลางดงพลังงานนั้นมันเหมือนดั่งว่าเขากำลังยืนเผชิญหน้ากับคลื่นยักษ์สึนามิด้วยตัวคนเดียว
เทพสวรรค์ห่าวหลินหรี่ตาลงมองพร้อมตะโกนลั่น “ตาย!”
เทพสวรรค์ห่าวหลินนั้นเองก็เป็นจอมเทพค่ายกลเจ็ดดาว การควบคุมค่ายกลของเขานี้มันย่อมจะเปี่ยมล้ำไปด้วยทักษะ
มหาค่ายกลยักษ์ใหญ่เช่นนี้ พร้อมกันนั้นยังมีคนคอยควบคุมมันไว้ แน่นอนว่าทั้งพลังและความแม่นยำย่อมจะเหนือล้ำอย่างไม่อาจจินตนาการ
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายที่ได้เห็นต่างตื่นตะลึงจนหัวใจแทบหยุดเต้น
เพราะเจ้าลำแสงสีดำแต่ละอันนั้นมันรุนแรงพอที่จะทำลายเทพสวรรค์ลงสิ้น!
นี่มันคือพลังของค่ายกลระดับจักรพรรดิเทพสวรรค์อย่างแท้จริง ต่อหน้าพลังเช่นนี้เทพสวรรค์ทั้งหลายย่อมจะไม่อาจรับมือใดได้
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าเย่หยวนนั้นมีวิชาค่ายกลที่เหนือล้ำผู้คน แต่มันก็คงไม่อาจจะเทียบกับค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดได้!
ปัง ปัง ปัง…
คลื่นพลังรุนแรงพุ่งเข้าโจมตีเย่หยวนอย่างมหาศาล
แต่ในเวลานั้นเองจู่ๆ ร่างของเย่หยวนก็เดินก้าวออกมาจากการโจมตี
จากนั้นคลื่นพลังสีดำใดๆ ก็จางหายไปสิ้น!
มันเหมือนดั่งฟ้าที่ร้องลั่นแต่กลับไร้เม็ดฝนใดๆ
ความรุนแรงคลื่นพลังใดๆ มันจางหายไปกับอากาศสิ้น!
เทพสวรรค์ห่าวหลินนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายพร้อมร้องออกมาอย่างตื่นตะลึง “นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? เหตุใดมันจึงรู้ถึงตาค่ายกลได้? หรือว่า… บังเอิญหรือ?”
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายที่ยืนหน้าซีดอยู่ด้านนอกเมื่อได้เห็นเช่นนั้นก็ต้องถอนหายใจยาวออกมา
สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ได้รู้ว่าตนเองยังคงประเมินเย่หยวนต่ำไป!
การที่เย่หยวนจะกล้าไปท้าทายค่ายกลด้วยตัวคนเดียวแล้ว มันก็ย่อมจะเพราะว่าเขามั่นใจ
แต่ทว่าเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมาในที่สุด
เพราะเย่หยวนเข้าไปคนเดียวมันจะทำอะไรได้?
ส่วนทางด้านเย่หยวนนั้นได้หยิบเอาผลึกปราณเทวะออกมาชี้ขึ้นและเปลี่ยนให้มันกลายเป็นม่านหมอกจางหายไปกับอากาศ
จากนั้นเขาก็เดินก้าวออกไปอีกครั้ง
เทพสวรรค์ห่าวหลินต้องหรี่ตาลงมองอย่างตื่นตะลึง “บ้าน่า! มันต้องบังเอิญแน่ๆ! เทพสวรรค์ผู้นี้ศึกษาค่ายกลนี้มากว่าแสนปีกว่าที่จะพอควบคุมมันได้! เจ้าเด็กคนนี้กลับแค่เหลือบตามองก็เข้าใจว่าจุดใดคือตาค่ายกลอย่างนั้นหรือ?”
ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดนั้นมันลึกล้ำอย่างที่สุด ยากที่จะเข้าใจได้เพราะมันคือพลังของเต๋าสวรรค์ไปแล้ว
ต่อให้ตัวเขาจะเป็นจอมเทพค่ายกลเจ็ดดาวแต่แค่จะควบคุมมันก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมหาศาล
แต่ถึงจะว่าเช่นนั้น สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่ควบคุม
ค่ายกลระดับแปดนั้นมันคือสิ่งที่ตัวเขาไม่อาจจะเข้าใจหลักการได้อย่างถ่องแท้
แม้ว่าเจ้าเด็กตรงหน้าเขานี้เองก็จะมีพลังระดับเทพสวรรค์ แต่ด้วยอายุเพียงเท่านี้แล้วมันย่อมจะไม่มีทางเข้าใจค่ายกลระดับนี้ได้ด้วยการเหลือบมองครั้งเดียวแน่
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้พยายามหมุนฝ่ามือเปิดใช้พลังโจมตีของมหาค่ายกลขึ้นอีกครั้ง
เวลานี้ทั้งฟ้าดินต่างปั่นป่วนรุนแรง!
แต่แม้จะถูกคลื่นพลังหนักหน่วงทั้งหลายนั้นโจมตีแต่เย่หยวนก็ยังก้าวออกไปตรงหน้าอย่างราบรื่นได้
ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีใดมันก็ไร้ซึ่งผลใด!
จากนั้นเขาก็หยิบผลึกปราณเทวะออกมาชี้ขึ้นฟ้าก่อนจะเปลี่ยนมันเป็นหมอกจางหายไปอีกครั้ง
“นี่มัน… เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นใครกันแน่?”
“ไม่มีทางหรอกใช่หรือ? หรือว่ามหาค่ายกลของเราจะไม่อาจป้องกันได้แม้แต่เทพสวรรค์คนหนึ่ง?”
“เจ้าเด็กคนนี้มันคงไม่ได้เป็นศิษย์ของท่านโม่จีหรอกใช่ไหม?”
…
ภายในค่ายกลนั้นเหล่าปีศาจทั้งหลายต่างต้องเบิกตาอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อภาพตรงหน้า
……………………….
Related