เจี่ยวชางผู้น่าสมเพชถูกคนทั้งสองซื้อขายชีวิตกันไปง่ายๆ เช่นนั้น
ในวินาทีนี้มันเหมือนเขาได้รับรู้ถึงความรู้สึกของคนที่ถูกเชือดรัดคอจนขาดอากาศตายลง
“ดีมาก มันเป็นเจ้าเองที่บังคับข้า! เฮยหยาง เจ้าเด็กคนนี้มันมีความลับยิ่งใหญ่ไว้กับตัว!” ภายในหมอกดำนั้นเจี่ยวชางร้องตะโกนบอกขึ้นมา
ก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของจอมเทพนิรันดร์ มันได้ปรากฏเขายักษ์ใหญ่ที่มีคลื่นพลังใกล้เคียงกับเขาแห่งถงเทียนขึ้นมาบนท้องฟ้า
สมบัติในระดับนั้นมันคงทำให้แม้แต่ท่านผู้สูงส่งทั้งหลายยังต้องคิดอยากได้
เดิมทีเขาย่อมจะคิดไปแก้แค้นตัวเย่หยวนและแย่งชิงเขาน้อยแห่งถงเทียนมาหลังจากที่ฟื้นฟูกำลังได้สมบูรณ์
แต่เขาก็ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับจะพัฒนาเติบโตขึ้นมาได้ราวสัตว์ประหลาดเช่นนี้
ที่สำคัญไปกว่านั้นเย่หยวนยังทำการโจมตีเข้ามาก่อนทำให้เขาราบเพลิงนี้ต้องลุกเป็นไฟ
แต่เวลานี้เมื่อมันเป็นสถานการณ์เป็นตายแล้วมีหรือที่เขาจะยังคิดเก็บปิดความลับใดๆ ไว้?
เพราะฉะนั้นเขาจึงคิดที่จะเปิดเผยมันออกมาให้ผู้คนรับรู้ ปล่อยให้เฮยหยางและโถงโลหิตมรณะหาทางจัดการเย่หยวนลงต่อไป
เขานั้นเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็คงต้องสนใจความลับนี้เป็นแน่
ได้ยินเช่นนั้นทางเย่หยวนก็ยืนมองดูด้วยมือไพล่หลังไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา
เฮอยหยางนั้นหน้ากระตุกไปเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้น “โอ้? ความลับใดเล่า?”
“มันผู้นี้มี…”
ตุบ!
คำของเจี่ยวชางยังไม่ทันถูกกล่าวออกมาได้ถึงครึ่งทางเฮยหยางก็ชี้ดัชนีออกมาโจมตี
เวลานี้ลายพระเจ้าบินว่อนฟ้าด้วยคลื่นพลังที่ทำลายฟ้าดินลงได้!
ดัชนีของจักรพรรดิเทพสวรรค์มันช่างสุดแสนน่ากลัว!
ทุกผู้คนนั้นต่างหูตั้งรอฟังคำความลับที่เจี่ยวชางจะบอก
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเฮยหยางนั้นกลับไม่คิดเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้กล่าวเสียด้วยซ้ำ
แต่ทว่าทางเฮยหยางเองก็ไม่ได้ลงมือหนักจนถึงแก่ชีวิต เขานั้นยังเหลือชีวิตของเจี่ยวชางไว้
เพราะชีวิตนี้ของเจี่ยวชาง มันย่อมจะต้องมอบให้เย่หยวนไปจัดการ
เฮยหยางหันหน้าไปหาทางเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์เย่นั้นคือรองมหาปราชญ์ของวิหารนักบวชทั้งยังมีวิชาเต๋าโอสถสูงล้ำฟ้าดิน มีหรือที่คนระดับนี้จะไม่มีความลับใด?”
ในมหาพิภพถงเทียนนี้คนที่เติบโตขึ้นมามีหน้ามีตาเป็นคนใหญ่คนโตปกครองแผ่นดินได้นั้นต่างล้วนมียอดความลับด้วยกันสิ้น
อย่างจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เองก็ดี มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็ดี โอสถบรรพกาลเองก็ดี คนทั้งหลายนั้นต่างล้วนจะมีความลับมากมายที่ไม่ได้เล่าบอกแก่ใคร
แต่แล้วมันทำไมเล่า?
ต่อให้เฮยหยางนั้นจะรู้ถึงความลับนั้นไป มีหรือที่เขาจะกล้าลงมือทำอะไรต่อเย่หยวนที่มีวิหารนักบวชค้ำหลังอยู่เช่นนั้น?
ทั้งยังเรื่องของจักรพรรดิเทพสวรรค์อีกคนตรงหน้าเขานี้อีกด้วย!
การที่เจี่ยวชางคิดจะใช้ความลับใดนั้นมาเปลี่ยนใจเขามันนับเป็นเรื่องที่สุดแสนน่าขัน
เว้นเสียแต่ว่าเฮยหยางนั้นคิดว่าตัวเองฉลาดนัก แต่แท้จริงไม่ได้รู้เรื่องราวใด
เพราะความลับที่เย่หยวนมีติดตัวนั้นมันเหนือล้ำจนเกินกว่าที่ใครจะแบกรับได้!
เขาน้อยแห่งถงเทียนนั้นมันคือสุดยอดของสุดยอดสมบัติล้ำค่ากว่าที่จะเอาสิ่งใดมาเทียบวัด
หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปแล้วเย่หยวนคงถูกตามล่าอย่างไร้สิ้นสุดจากทุกยอดค่ายสำนัก
แต่ทางเย่หยวนเองก็ไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางกังวลใดๆ
เขานั้นคาดคิดไว้แล้วว่าทางเฮยหยางคงไม่เปิดโอกาสให้เจี่ยวชางได้พูดกล่าวใด
เขานั้นมั่นใจในเรื่องนี้
ในเมื่อเย่หยวนได้ใช้พลังของเขาน้อยแห่งถงเทียนออกมาต่อหน้าเจี่ยวชางไปครั้งหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าเขาก็ย่อมจะหาทางจัดการปกปิดเรื่องราวได้
นี่คือเหตุผลหนึ่งที่เขากล้าจะมาต่อรองเรื่องราวกับเฮยหยาง
เย่หยวนยิ้มรับก่อนจะยกมือขึ้นคารวะเฮยหยาง “ขอบพระคุณเจ้าโถงเฮยหยางที่ช่วยเหลือ มันทำให้ข้าสบายขึ้นมาก”
เฮยหยางพยักหน้ารับ “เมื่อจบเรื่องแล้วจักรพรรดิผู้นี้ก็ขอตัวก่อน อาจารย์เย่โปรดอย่าได้ลืมข้อตกลงของเราด้วย”
หลังจากที่กล่าวพูดจบเฮยหยางก็ได้พาเหล่าเทพสวรรค์เผ่าปีศาจทั้งหลายเดินทางมุ่งหน้ากลับออกไปจากเขาราบเพลิงทันที
ทางเหล่าเทพสวรรค์ฝ่ายมนุษย์เองก็ได้แต่หันไปมองหน้ากันอย่างเงียบงัน นี่เย่หยวนไล่จักรพรรดิเทพสวรรค์ไปง่ายๆ เช่นนั้น?
จะอย่างไรรองมหาปราชญ์มันก็คือรองมหาปราชญ์จริงๆ!
“น้องเย่ แล้วเราจะทำอย่างไรกับเทพสวรรค์ปีศาจที่เหลือนี้?” เทพสวรรค์เจาหยวนถามขึ้น
เย่หยวนหันไปมองหน้าคนทั้งหลายที่เบื้องล่างก่อนจะสั่ง “ฆ่ามันให้หมด!”
จากนั้นมันก็คือการล้างสังหาร
เหล่าเทพสวรรค์ปีศาจทั้งหลายนี้ต่างล้วนแต่จะได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแทรกซึมเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของจอมเทพนิรันดร์สิ้น
การสังหารพวกมันนี้ก็คือการตอบแทนจอมเทพนิรันดร์อย่างหนึ่ง
เย่หยวนนั้นลากตัวเจี่ยวชางไปพร้อมทำลายเขาราบเพลิงลงสิ้น ทำลายคนตระกูลข่านนั่วที่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในครานั้นจนสิ้น
ไฟความแค้นที่สั่งสมกันมานานนับล้านปี ในที่สุดมันก็มอดดับลงเสียที
…
เมื่อทุกอย่างจบสิ้นลงแล้วเย่หยวนก็ได้กลับมายังเมืองอินทรีสวรรค์อีกครั้งพร้อมเจอกับเฮยหยางที่มาถึงแทบจะพร้อมกัน
เขามาด้วยตัวเอง!
ส่วนผู้ที่มากับเขาด้วยคนนั้นก็คงจะเป็นเหล่าเภสัชปีศาจเจ็ดดาวทั้งหลายแล้ว
“พี่เฮยหยาง มาด้วยตัวเองเลยหรือ!” เย่หยวนเบิกตาถาม
เฮยหยางนั้นยิ้มตอบกลับมา “อาจารย์เย่เองก็คงไม่ได้เข้าใจถึงคุณค่าของโอสถที่ท่านหลอมขึ้นมา หากจักรพรรดิผู้นี้ไม่มารับมันเองแล้วมันคงกลับไปไม่ถึงที่แน่! พวกเจ้าทั้งหลายทำไมยังไม่มาคารวะอาจารย์เย่อีก?”
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งห้านั้นต่างเดินเข้ามาก้มหัวลงต่อเย่หยวน “ขอกราบคารวะอาจารย์เย่!”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะหันไปบอกด้วยสีหน้าเข้มงวด “ข้าจะบอกก่อนเลย! จากวันนี้ไปที่เจ้าทั้งหลายเข้าหอโอสถมาแล้ว พวกเจ้าจะต้องทำตามกฏของหอโอสถอย่างเคร่งครัด! ร้อยปีนี้ความเป็นความตายของเจ้าจะขึ้นอยู่กับข้าสิ้น!”
คนทั้งห้าแสดงสีหน้าหนักใจออกมาแต่สุดท้ายก็ยังตอบรับ
จากนั้นเย่หยวนก็หันไปหาหยุนยี่ที่ข้างๆ กาย “หยุนยี่ เจ้าคนทั้งห้านี้เจ้าดูแลต่อด้วย แค่ทำเหมือนมันเป็นศิษย์ทั่วไปคนหนึ่งของหอโอสถก็เพียงพอ”
หยุนยี่ก้มหัวลงรับก่อนจะหันไปเรียกสั่งเด็กห้องโอสถนภาสวรรค์ผู้หนึ่ง “ฉินรุย คนทั้งห้านี้เจ้ารับไปดูแลเสีย! ในร้อยปีนี้เจ้าต้องสอนเต๋าโอสถพวกมันให้ดี”
“อึก!” คนทั้งห้านั้นแทบจะกระอักเลือดเฒ่าๆ ออกมาทันที
พวกเขาทั้งหลายนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ต่างเป็นถึงเทพสวรรค์ขั้นปลายสิ้น เป็นถึงเภสัชปีศาจเจ็ดดาวอันสูงส่งของเผ่าปีศาจ
ในโถงโลหิตมรณะนั้นมีใครบ้างจะไม่ให้ความเคารพคนทั้งหลายนี้?
เย่หยวนนั้นมีนามลือลั่นฟ้าดินแดนใต้ พวกเขาจึงยอมที่จะก้มหัวรับเย่หยวนแต่โดยดี
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเมื่อมาถึงเมืองอินทรีสวรรค์ พวกเขากลับต้องไปเรียนรู้วิชาภายใต้การสอนของเด็กห้องโอสถคนหนึ่ง?
เวลานี้แม้แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฮยหยางเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
หนึ่งในห้าคนนั้นจึงได้กล่าวขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “เย่หยวน ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เทพสวรรค์ผู้นี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังเป็นเจ้าโถงโอสถปีศาจคนหนึ่ง เจ้าเองกลับคิดจะให้เด็กห้องโอสถนภาสวรรค์น้อยมาสอนเราหรือ? เราเดินทางมาไกลแสนไกลนับล้านกิโลเมตร เจ้ากลับคิดจะทำให้เราต้องอับอายขายหน้าแล้ว?”
เย่หยวนจึงได้แต่ต้องหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “อับอายขายหน้า? เย่ผู้นี้ไม่มีเวลามาเล่นกับพวกเจ้าหรอก! ฉินรุย เจ้าประลองกับผู้อาวุโสทั้งห้านี้เสีย”
ฉินรุยก้มหัวลงต่ำรับคำทันที “ขอรับปรมาจารย์!”
พูดจบเขาก็หันหน้าไปหาคนทั้งห้าพร้อมกล่าว “ผู้อาวุโสทั้งหลายโปรดชี้แนะด้วย!”
ชายคนที่กล่าวแสดงความไม่พอใจขึ้นมาจึงยิ้มรับ “ดี! เทพสวรรค์ผู้นี้ก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อินทรีสวรรค์นี้แม้แต่เด็กห้องโอสถมันก็จะเก่งพอสั่งสอนเทพสวรรค์ได้หรือ!”
ครึ่งวันต่อมาเทพสวรรค์ทั้งห้าก็ได้กลับมาหาเฮยหยางด้วยสีหน้าสุดละอาย
“นายท่าน เรา… เราอับอายนัก!”
เฮยหยางเองก็ได้แต่ต้องเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง เพราะคนทั้งห้านี้เดิมทีก็เป็นสุดยอดเจ้าโถงโอสถปีศาจ เป็นถึงเภสัชปีศาจเจ็ดดาวที่เก่งกาจที่สุดของเขา แต่คนทั้งหลายนี้กลับแพ้ให้แม้แต่เด็กรับใช้ห้องโอสถจนไม่อาจโงหัวขึ้น!
กำลังของหอโอสถนี้มันจะลึกล้ำได้ปานใด?
เขานั้นเข้าใจขึ้นได้ทันทีว่าเหตุใดเย่หยวนจึงได้มีชื่อเสียงลือลั่นปานนี้ได้
เพราะเหล่าเภสัชปีศาจทั้งหลายนี้มันไม่มีค่าพอจะเป็นขยะต่อหน้าเย่หยวนเสียด้วยซ้ำ!
เฮยหยางได้แต่ต้องสูดหายใจลึกหยุดคิดไปพักหนึ่ง “หากเป็นเช่นนั้นแล้วพวกเจ้าก็คงศึกษาวิชาเต๋าโอสถจากอาจารย์หนุ่มน้อยคนนี้เสียเถอะ!”
คนทั้งห้านั้นย่อมจะไม่มีหน้าใดๆ มากล่าวปฏิเสธอีกแล้วในเวลานี้
หนึ่งเดือนจากนั้นเฮยหยางก็ได้นำเอาโอสถปีศาจสวรรค์เลือดทรราชมากมายออกจากเมืองอินทรีสวรรค์ไปด้วยรอยยิ้ม
ด้วยโอสถปีศาจสวรรค์เลือดทรราชมากมายปานนี้ กำลังของโถงโลหิตมรณะที่เขาดูแลอยู่มันคงพุ่งทะยานไปได้อีกหลายเท่า!
ส่วนเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นก็ได้กลายเป็นเด็กรับใช้ของฉินรุยไปอย่างไม่อาจขัดใด
หลังจากที่เฮยหยางจากไป เย่หยวนก็ได้นำพาตัวเจี่ยวชางเดินทางกลับเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของจอมเทพนิรันดร์อีกครั้ง
………………………..
Related