เย่หยวนนั้นสังหารจักรพรรดิเทพสวรรค์ลงไปด้วยแค่การดีดนิ้วแม้ว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้นั้นจะไม่ได้ประมาทแม้แต่น้อย
พวกเขาทั้งหลายที่อยู่เบื้องบนนั้นต่างย่อมเข้าใจค่ายกลเบื้องล่างเหมือนดั่งแค่ปลายนิ้วของตนจึงได้คิดใช้มันทำร้ายทำลายเย่หยวนลงด้วย
เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นกลับรู้จักค่ายกลทั้งหลายนี้เหมือนดั่งเป็นสวนหลังบ้านตน
เขานั้นใช้การเคลื่อนไหวที่เร็วล้ำหลบเข้าตาค่ายกลพร้อมใช้พลังค่ายกลโจมตีสวนกลับไป
จากนั้นเขาก็ได้ดีดนิ้วขึ้นอย่างต่อเนื่องทำลายเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ไปอีกมากมาย
นี่มันคือการต่อสู้โดยใช้พลังของค่ายกล พลังบ่มเพาะใดๆ นั้นไม่มีผลใดในที่แห่งนี้
ดูท่าแล้วเย่หยวนย่อมจะเข้าใจค่ายกลทั้งหลายนี้ได้เหนือล้ำกว่าเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลาย!
“จัดการสองคนด้านหลังมันก่อน!”
ท่ามกลางความวุ่นวายนั้นมีเสียงคนร้องบอกขึ้นมาทำให้เป้าหมายการโจมตีตกไปอยู่ที่เจียงซือและขวังต้าวแทน
เย่หยวนหรี่ตาลงพร้อมขยับมือรับอย่างรวดเร็วรับการโจมตีของเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ไว้อย่างหมดจน
เทียนหยานที่ได้เห็นเช่นนั้นต้องเบิกตากว้างขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ “มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะเคยมายังเขาแปดโมฆะ? อาจจะเพราะแบบนั้นมันจึงเข้าใจถึงค่ายกลของเขานี้อย่างลึกซึ้ง!”
ซุ่ยหยวนและกู้หวนนั้นต่างได้แต่อ้าปากค้างมองดูเย่หยวนน้อยที่กำลังปกป้องสองตัวถ่วงหลบรอดจากการโจมตีของจอมเทพค่ายกลแปดดาวนับไม่ถ้วน
“พี่เทียนหยาน! ดูท่ามันคงมีแต่ท่านแล้วที่จะจัดการมันลงไปได้!” ซุ่ยหยวนกล่าว
เทียนหยานเองก็ตอบกลับมาด้วยใบหน้าหนักใจ “ตราบเท่าที่เฒ่าคนนี้เข้าไปถึงระยะร้อยเมตร ข้าย่อมจะจัดการมันได้แน่!”
พูดจบคนทั้งสามก็ก้าวเดินต่ออย่างสุดตัว
ด้วยฝีมือของจักรพรรดิเทพสวรรค์เทียนหยานนี้การนำทางคนทั้งสามไปนั้นมันย่อมจะแสนรวดเร็วจนทำให้ระยะห่างค่อยๆ ย่นลงเรื่อยๆ
ความเร็วการเดินของเย่หยวนนั้นมันตกลงอย่างมากเพราะต้องหลบการโจมตีของเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายไปด้วย
แต่แน่นอนว่าเหตุผลมันก็เพราะว่าเขาต้องปกป้องตัวเจียงซือและขวังต้าวไปด้วย
เจียงซือนั้นได้แต่เดินมาด้วยใบหน้าเหยเก ตัวเขาที่เป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์เก้าดาวนี้กลับกลายเป็นเพียงแค่ตัวถ่วงไร้ค่า
เมื่อได้เห็นว่าเทียนหยานและพวกกำลังใกล้เข้ามาถึงเรื่อยๆ จิตใจของเขามันก็เริ่มสั่นรัว
“สหายหนุ่มเย่ ขอบคุณเจ้ามากที่ปกป้องมาตลอดทาง! ดูท่าข้าจะไม่มีชะตาได้ครองเจ้าธนูสาบานสังหารเทพนี้จริงๆ เจ้าเอามันเดินทางต่อเถอะ อย่าได้กังวลเรื่องข้าอีกเลย!” เจียงซือกัดฟันบอก
กว่าที่เจียงซือจะก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้ได้นั้นเขาย่อมจะต้องผ่านชีวิตมานับล้านๆ ปีได้เจอประสบการณ์มากมายอย่างไม่อาจนับ
แต่คนที่ซื่อตรงและมากคุณธรรมอย่างเย่หยวนนี้ ทั้งชีวิตเขาไม่เคยจะพบเจอมาก่อน
ในสภาพเวลานี้ของเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงไม่อาจผ่านทุกข์ทลายไปได้
เพราะฉะนั้นจะตายตอนนี้หรือตายหลังจากนี้อีกหน่อยมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่มากมายนัก
หากต้องเป็นตัวถ่วงทำให้เย่หยวนได้รับอันตรายนั้น เขายอมตายเสียจะดีกว่า
“เงียบเถอะ! แค่ขยะทั้งหลายนี้มันหยุดข้าไม่ได้หรอก! เป็นคนเฒ่าคนแก่กลับมาทำตัวเหมือนเป็นเด็กสาวไปได้ ท่านไม่คิดว่าการยอมตายลงตรงนี้มันน่าอับอายบ้างหรือ? วางใจเถอะ! เมื่อข้ารับมือไม่ไหวจริงๆ ข้าจะโยนท่านทิ้งไปแน่แม้ท่านจะขอร้องให้ข้าช่วยอย่างไร!” เย่หยวนพูดไปแต่มือก็ยังไม่หยุดควบคุมค่ายกล
ในเวลานี้เย่หยวนได้ยิงลำแสงพลังงานออกมาทำลายร่างของจักรพรรดิเทพสวรรค์อีกคนทิ้งไปจนทำให้เจียงซือต้องอ้าปากค้าง
เจ้าหมอนี่มันสุดยอดอัจฉริยะอย่างแท้จริง!
จัดการจอมเทพค่ายกลแปดดาวลงง่ายดายราวกับหั่นเนื้อ
หากมิใช่เพราะจำนวนที่มากมายแล้ว มันย่อมจะไม่เป็นปัญหาใดๆ แก่เย่หยวน
เจียงซือนั้นได้แต่มองดูภาพตรงหน้าพร้อมสูดหายใจเข้าลึก
ความเร็วที่เหล่าเจ้าฟ้าดินทั้งสามตามมานั้นมันรวดเร็วมากจนเวลานี้พวกเขาอยู่ห่างกันแค่ไม่ถึงห้าร้อยเมตรแล้ว
“ใครก็ตามที่ฆ่าเจ้าเด็กคนนี้ได้ จักรพรรดิผู้นี้จะมอบสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นสุดให้พร้อมกับโอสถเย้ยสวรรค์ปิติสามเม็ด!”
ในเวลานั้นเทียนหยานก็ได้กล่าวขึ้นอีกครั้งทำให้คนทั้งเทือกเขาแปดโมฆะได้ยินสิ้น
โอสถเย้ยสวรรค์ปิตินั้นมันเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดที่มีค่ามากกว่าสิ่งใด!
เท่านี้มันก็มีจักรพรรดิเทพสวรรค์ที่สนใจเพิ่มมากขึ้นกว่าเก่า
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างล้อมเข้ามาจากรอบด้านปิดทางหนีของคนทั้งหลายไว้
เจียงซือนั้นมองดูด้วยใบหน้ากังวล “เจ้าปีศาจร้ายหน้าไม่อาย! สหายหนุ่มเย่ เจ้า… เจ้ายังไหว? หืม? สหายหนุ่มเย่?”
เขานั้นสัมผัสได้ว่าเวลานี้เย่หยวนไม่ได้ตอบสนองใดๆ กลับมา
พร้อมๆ กันนั้นการโจมตีโดยรอบมันก็รุนแรงขึ้นลำแสงพลังงานนั้นมันพุ่งผ่านไปราวกับเม็ดฝนทำให้เจียงซือต้องชาไปทั้งกาย
เมื่อเทียนหยานได้เห็นเช่นนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
ซุ่ยหยวนนั้นยกนิ้วขึ้นมากล่าวชม “สหายเทียนหยานนั้นฉลาดหลักแหลมจริงๆ! ทำเช่นนี้เจ้าเด็กคนนี้มันไม่รอดแน่!”
กู้หวนเองก็ได้แต่ยิ้มพูดเสริมขึ้นมา “การเชิญสหายเทียนหยานมาครั้งนี้มันไม่ผิดหวังจริงๆ!”
เทียนหยานจึงยิ้มตอบกลับมา “เจ้าเด็กคนนี้มันมีปัญญาเฉียบคม เต๋าค่ายกลของมันเองก็สู้ล้ำการเลือกมายังเขาแปดโมฆะนี้ถือว่ามันคิดถูกจริงๆ น่าเสียดาย… ที่มันมาเจอเฒ่าผู้นี้! ฮ่า คิดมาใช้ค่ายกลต่อหน้าเฒ่าผู้นี้เจ้าจะได้ตายอย่างไรที่กลบฝัง!”
ฉัวะ!
เสียงของเขายังไม่ทันจางหายจักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้หนึ่งก็ตายลงตรงหน้า!
ฉัวะ! ฉัวะ!
ครั้งนี้ตายไปถึงสอง!
อีกพักหนึ่งเย่หยวนก็ได้ดีดนิ้วขึ้นมาอีกครั้งทำลายร่างของจักรพรรดิเทพสวรรค์ไปถึงสามคนพร้อมๆ กัน!
จากนั้นมือของเย่หยวนมันก็เร่งความเร็วขึ้นจนแทบมองไม่ทัน
ไม่นานจากนั้นเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายที่ล้อมรอบตัวเขาอยู่ก็ถูกสังหารสิ้น!
ในเวลานี้เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์อีกมากมายที่เห็นก็ยังมุ่งหน้าเข้ามาหาตัวเขา
แต่ความเร็วในการสังหารของเย่หยวนนั้นมันกลับยิ่งเร็วขึ้น!
จนสุดท้ายมันก็ไม่มีใครกล้ารุดหน้าเข้ามาอีกต่อไป!
ที่ข้างๆ เย่หยวนนั้นเจียงซือได้แต่ยืนมึนด้วยตาที่แทบถลนออกจากเบ้า
เกิดอะไรขึ้น?
เมื่อกี้เพิ่งจะถูกรุมแท้ๆ เหตุใดสถารการณ์มันกลับพลิกกลับได้เช่นนี้?
พวกเทียนหยานทั้งสามนั้นที่ยังยิ้มอยู่เมื่อวินาทีก่อนต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
“นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นกัน?” ซุ่ยหยวนมองดูภาพตรงหน้านั้นด้วยปากที่อ้าอย่างไม่อาจหุบลง
เทียนหยานนั้นหรี่ตาลงมองดูเย่หยวนอย่างตื่นตะลึงจนต้องสูดหายใจเข้าลึก
“เจ้าเด็กคนนี้มันศึกษาเต๋าค่ายกลไปด้วย! ระหว่างทางที่มานั้นวิชาค่ายกลของมันมีแต่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ! จนตอนที่มันถูกล้อมใกล้ตายนี้มันได้ยืนพลังของคนทั้งหลายนั้นในการศึกษาค่ายกลที่อยู่รอบๆ จนถึงที่สุด! เวลานี้… มันบรรลุเข้าใจแล้ว!” เทียนหยานได้แต่ต้องมองดูเย่หยวนอย่างตกตะลึง
ที่ด้านข้างนั้นซุ่ยหยวนและกู้หวนต่างยืนฟังด้วยปากที่ยังอ้าค้าง
“เจ้าเด็กคนนี้มันกลับศึกษาวิชาไประหว่างสู้ บ้าแล้ว?” กู้หวนได้แต่ร้องบอก
เทียนหยานนั้นส่ายหัวออกมา “เจ้าเด็กคนนี้มันมีเต๋าค่ายกลของตนเองอยู่แล้ว! ความเข้าใจของเต๋าค่ายกลที่มันมีนั้นคงถึงระดับต้นกำเนิดได้ง่ายๆ! เขาแปดโมฆะนี้มันมีค่ายกลเหมือนเป็นหนังสือเรียนขนาดใหญ่ให้แก่เหล่าจอมเทพค่ายกลทั้งหลาย เพียงแค่ว่าเจ้าจะมีปัญญาเข้าใจมันหรือไม่ก็เท่านั้น! เจ้าเด็กคนนี้มันต้องไม่เคยมาที่เขาแปดโมฆะมาก่อนแน่ๆ เพราะฉะนั้นความรู้ที่มันได้จากค่ายกลนี้จึงมากล้นช่วยให้มันพัฒนาไปได้อย่างก้าวกระโดดด้วยเวลาสั้นๆ นี้! ซี๊ด… เป็นเด็กที่น่ากลัวเสียจริงๆ!”
เทียนหยานนั้นวิเคราะห์ออกมาได้ใกล้เคียงความเป็นจริงอย่างมาก
เพราะสิ่งที่เย่หยวนทำมาตลอดทางก็คือการศึกษาค่ายกลนี้!
เหตุผลที่เขาขึ้นผ่านช่วงตีนเขามาได้อย่างรวดเร็วนั้นมันเป็นเพราะว่าค่ายกลที่ตีนเขามันเรียบง่ายเข้าใจได้ไม่ยาก เย่หยวนจึงสามารถเข้าใจและใช้งานมันได้ด้วยเวลาสั้นๆ
จนถึงตอนที่เทียนหยานได้ใช้สมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นสุดมาล่อเหล่าจอมเทพค่ายกลแปดดาวให้มาโจมตีเย่หยวน ทำให้เย่หยวนได้ศึกษาค่ายกลทั้งหลายจากการใช้งานของอีกฝ่ายจนสุดท้ายความเข้าใจที่เขามีต่อค่ายกลนี้มันจึงเพิ่มพูนขึ้นไปอย่างไม่อาจจินตนาการ
เพราะหากเย่หยวนคิดอยากขึ้นเขาไปจริงๆ แล้วความเร็วของเขาย่อมจะไม่ได้ช้าเช่นนี้
แต่เย่หยวนไม่ได้รีบร้อนใดๆ เขาไม่ได้หนีเอาชีวิตรอด แต่เขากำลังหาพลังที่จะต่อต้านศัตรูอย่างจักรพรรดิเทพสวรรค์เทียนหยานได้ต่างหาก!
เพียงแค่ว่ามีหรือที่พวกเทียนหยานทั้งหลายจะรับรู้ถึงเรื่องนั้นได้!
…………….