“มันใช้งานเช่นนี้ก็ได้หรือ?”
“ข้าไม่เห็นจะเคยรู้มาก่อนเลยว่าค่ายกลปิดกั้นของเขาแปดโมฆะมันถูกดัดแปลงมาใช้เป็นมหาค่ายกลเก็บเกี่ยววิญญาณได้ด้วย!”
“มหาค่ายกลเก็บเกี่ยววิญญาณระยะเหนือสองพันแปดร้อยกิโลเมตรมันต้องมีพลังเหนือล้ำอย่างแน่นอน! เจ้าเด็กคนนี้ต้องบรรลุได้แน่!”
…
ยอดเขาแปดโมฆะนั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยอันตรายในทุกย่างก้าวพลังปิดกั้นในที่แห่งนี้สังหารฆ่ายอดฝีมือมานักต่อนัก
แต่พวกเขากลับไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่ามันกลับจะถูกเอามาใช้งานเป็นมหาค่ายกลเก็บเกี่ยววิญญาณ!
เวลานี้พวกเขาได้เข้าใจแล้วว่าเย่หยวนไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ค่ายกลใดๆ อีกต่อไป
เวลานี้เขาสามารถปรับแต่งค่ายกลเล่นได้ตามใจ!
ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่ออย่างใดก็ล้วนถูกควบคุมได้สิ้น!
ดูท่าแล้วเย่หยวนคงมีเต๋าค่ายกลที่เหนือล้ำจนเข้าถึงแก่นแท้ของการวางค่ายกลในเขาแปดโมฆะนี้ได้
กลับกันแล้วพวกเขาทั้งหลายนั้นต่างต้องระวังในทุกย่างก้าวราวกับเดินอยู่บนเส้นด้ายหวาดกลัวจะถูกพลังปิดกั้นเล่นงานเข้า
สิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้นั้นมันคือแค่ส่วนยอดของเต๋าค่ายกลเท่านั้น
มหาค่ายกลเก็บเกี่ยววิญญาณในระยะสองพันแปดร้อยกิโลเมตรขึ้นไปมันย่อมจะมีพลังงานวิญญาณหนักแน่นจนก่อตัวหนารอบเย่หยวน
เขานั้นพาเจียงซือและขวังต้าวเดินเข้าไปภายในหมอกวิญญาณหนานี้ก่อนจะบอก “พวกเจ้าดูเฝ้ายามให้ข้าหน่อย”
พูดจบเขาก็เดินเข้าไปภายในทันที
ภายใต้พลังวิญญาณหนักแน่นเช่นนี้เย่หยวนย่อมจะสามารถดูดกลืนพลังงานฟื้นฟูสภาพได้อย่างรวดเร็ว
เขานั้นนั่งลงกลางค่ายกลพร้อมตาที่ปิดแน่นสนิท
เพราะเวลานี้เขาก็กำลังศึกษาถึงเต๋าค่ายกลไปด้วยพร้อมกัน!
เย่หยวนนั้นต่อสู้หนักหน่วงขึ้นมาจนถึงระดับสองพันกิโลเมตรจากตีนเขา แน่นอนว่าสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มานั้นมันย่อมไม่ธรรมดา
ค่ายกลในเขาแปดโมฆะมันเหมือนดั่งมหาสมุทรกว้างไกล
ยิ่งเขาคิดศึกษาเขาก็จะยิ่งพบว่าตนเองไม่ได้รู้อะไรเลย
ระหว่างทางที่เย่หยวนขึ้นมานั้นเขาได้รับรู้เรื่องราวมากมายและต้องใช้เวลาในการเอาความรู้ทั้งหลายมาวิเคราะห์ให้แตกฉาน
พร้อมๆ กันไปนั้นพิภพโกลาหลของเย่หยวนเองก็ได้ดูดกลืนพลังเข้าไปขยายตัวขึ้นอีกครั้ง
ภายในร่างของเย่หยวนนี้บัญญัติเทพแห่งถงเทียนได้ถูกเปิดใช้งานออกมาตลอดเวลาทำให้สุดท้ายเขาสามารถขึ้นมาถึงอาณาจักรพิภพโกลาหลขั้นปลายได้ในที่สุด
ส่วนจิตใจของเขานั้นกำลังจดจ่ออยู่กับการตีความเต๋าค่ายกล
และการเก็บเกี่ยวครั้งนี้กินเวลานานไปถึงเจ็ดปี!
ในเวลาเจ็ดปีนี้ในที่สุดเย่หยวนก็ได้เข้าใจถึงค่ายกลทั้งหลายจนถึงระยะสองพันแปดร้อยกิโลเมตรอย่างแตกฉาน
“ไม่ทันรู้ตัวเลยว่ามาถึงอาณาจักรพิภพโกลาหลขั้นปลายแล้ว ห่างจากขั้นสุดไปแค่เล็กน้อยเท่านั้น ดูท่าข้าจะกลืนพลังงานวิญญาณไปมากทีเดียวช่วงเจ็ดปีมานี้!”
เย่หยวนปิดค่ายกลลงและดูดซับหมอกที่เหลืออยู่จนสิ้นทำให้ทุกสิ่งอย่างกลับสู่ความสงบ
แต่จู่ๆ เขากลับสัมผัสได้ถึงสายตาไม่เป็นมิตรที่มองดูมาจากทั่วทิศ
“หืม? จะมองหาอะไรหรือ? ข้าไม่เห็นจะจำได้เลยว่าไปลบหลู่พวกเจ้าไว้?” เย่หยวนกล่าวขึ้นอย่างมึนงง
ขวังต้าวนั้นกลับมองมาที่เย่หยวนด้วยใบหน้าหนักใจ “นายน้อย ท่านไม่ได้ลบหลู่พวกเขา? เจ็ดปีมานี้ท่านได้ลบหลู่ทุกผู้คนบนเขาแปดโมฆะนี้ไปแล้ว”
เย่หยวนจึงได้แต่เลิกคิ้วสูงอย่างไม่อาจเข้าใจ แต่เป็นตัวเจียงซือที่ยิ้มกล่าวเสริมขึ้น “ค่ายกลของเจ้านั้นมันสูบพลังงานวิญญาณในระยะมาจนสิ้น เจ็ดปีมานี้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายบนเขาต่างไม่อาจจะบ่มเพาะได้แม้แต่น้อย”
เย่หยวนนั้นคิดแค่จะเก็บตัวบ่มเพาะไม่ได้คิดเรื่องราวถึงผลที่จะเกิดขึ้นในระยะรอบข้างใดๆ
เจ็ดปีมานี้เขาได้กลืนกินพลังงานวิญญาณไปมากอย่างที่ไม่เคยกลืนมาก่อน
ค่ายกลในระยะสองพันแปดร้อยกิโลเมตรนี้มันมีพลังดูดกลืนเทียบเคียงกับเจ้าฟ้าดินได้ทีเดียว!
มหาค่ายกลเก็บเกี่ยววิญญาณในระดับนั้นมันต้องมีพลังที่รุนแรงปานใด?
เย่หยวนนั้นบ่มเพาะจนขึ้นมาถึงระดับเทียบเคียงกับเทพสวรรค์แปดดาวขั้นสุดได้ในคราเดียว
ตอนแรกเขาก็ยังไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่หากลองนึกว่าปริมาณพลังงานที่บัญญัติเทพแห่งถงเทียนใช้นั้นมันย่อมจะเหนือกว่าบรยุทธการบ่มเพาะอื่นๆ หลายเท่าตัว การที่เขาจะบรรลุขึ้นมาถึงสองดาวในคราเดียวเช่นนี้มันจะต้องใช้พลังงานวิญญาณที่มากมายมหาศาลปานใดกัน?
เขาแปดโมฆะนี้มันมีพลังงานวิญญาณที่หนาแน่น ยิ่งขึ้นไปสูงมันก็จะยิ่งมีพลังงานวิญญาณที่หนาแน่นมากเท่านั้น
แต่มหาค่ายกลเก็บเกี่ยววิญญาณของเย่หยวนนี้มันไร้เหตุผลจนเกินไป แม้ว่าพลังงานวิญญาณจากด้านบนจะไม่อาจถูกดึงลงมาได้แต่พลังงานวิญญาณจากด้านล่างทั้งหลายนั้นล้วนถูกมันดูดเข้ามาจนสิ้น
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายที่มาศึกษาเต๋าค่ายกลในที่แห่งนี้มันล้วนแล้วแต่ต้องใช้เวลานับหมื่นปี
พวกเขานั้นมาศึกษาเต๋าที่นี่พร้อมๆ กับการบ่มเพาะไปด้วยแต่เย่หยวนกลับชิงเอาพลังงานวิญญาณไปจนสิ้นมีหรือที่คนทั้งหลายจะไม่คิดอะไรมากมาย?
แต่เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นก็ไม่กล้าจะหาเรื่องเย่หยวนเช่นกันเพราะพวกเขาไม่อยากจะตายอย่างไรที่กลบฝัง
เมื่อไม่มีทางเลือกก็จึงทำได้แต่ต้องทนหวังว่าเขาจะรีบๆ บ่มเพาะเก็บตัวให้แล้วเสร็จ
แต่ใครจะไปคิดว่าเย่หยวนนี้กลับหน้าด้านเมื่อเริ่มบ่มเพาะก็กินเวลาไปถึงเจ็ดปีในทีเดียว!
เจ็ดปีมานี้การบ่มเพาะของเหล่ายอดฝีมือที่อยู่ต่ำกว่าระดับสองพันแปดร้อยกิโลเมตรต่างแทบไม่มีการพัฒนาใดๆ!
ความแค้นเคืองนั้นมันย่อมจะเติบโตหนักหน่วงขึ้นในทุกๆ วันจนแม้แต่เจียงซือและขวังต้าวก็แทบไม่อาจทนได้
หากเย่หยวนยังไม่ตื่นขึ้นมาอีกพวกเขาก็แทบจะอยากเข้าไปเรียกให้เย่หยวนหยุดมือ
เย่หยวนอ้าปากขึ้นหาวก่อนจะยกมือขึ้นคารวะคนรอบๆ “ผู้อาวุโสทั้งหลายข้าต้องขอโทษด้วย เย่ผู้นี้ศึกษาเต๋าจนลืมเวลาไป ต้องขออภัยจริงๆ”
แม้ปากจะกล่าวขออภัยแต่ท่าทางของเย่หยวนนี้มันเหมือนคนรู้สึกผิดหรือ?
เขานั้นใช้ความสามารถของตนแย่งชิงเอาพลังงานวิญญาณมา มีเรื่องใดให้ต้องกังวล?
เขาแปดโมฆะนี้มันมิใช่สถานที่ส่วนตัวที่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ ใครจะมาตั้งกฎห้ามแย่งชิงพลังงานวิญญาณกันเล่า?
เย่หยวนนั้นมิใช่คนไร้เหตุผล แต่เขาก็ไม่คิดที่จะโทษตัวเองกับเรื่องที่เขาไม่ได้ผิดมากมาย
การบรรลุสองดาวขึ้นมาได้ในเวลาเจ็ดปีนี้มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับตัวเขา
บนเขาแปดโมฆะนั้นเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างได้แต่ต้องกัดฟันอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้ากล่าวออกมาตรงๆ
โชคยังดีที่มันเป็นเวลาแค่เจ็ดปี หากเย่หยวนคิดศึกษาเต๋าถึงร้อยปีขึ้นมาพวกเขาทั้งหลายคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงเขาไป
แต่ในตอนนั้นเองมันกลับปรากฏเงาร่างหนึ่งเดินลงมาจากด้านบนของเขา
“นั่นมันจักรพรรดิเทพสวรรค์ซิ่วหยุน! เขามาหาเจ้าเย่ผู้นี้เพื่อการใด?”
“จักรพรรดิเทพสวรรค์ซิ่วหยุนนั้นคือตำนานของเขาแปดโมฆะนี้ คนที่ขึ้นไปได้เกินระยะสามพันห้าร้อยกิโลเมตร เหนือล้ำเสียยิ่งกว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เทียนหยาน! หรือว่าเขาจะมาหาเรื่องกัน? หึ มีเรื่องสนุกๆ ให้ดูเสียแล้วมั้ง!”
“หากคิดอยากหาเรื่องเขาคงลงมาตั้งแต่ต้นแล้ว เหตุใดต้องมานั่งรอให้เจ้าเย่ผู้นั้นออกจากการเก็บตัวก่อนด้วยเล่า?”
…
เมื่อคนผู้นี้ปรากฏกายขึ้นมาคนทั้งหลายต่างก็ร้องลั่นขึ้นด้วยความแตกตื่น
จักรพรรดิเทพสวรรค์ซิ่วหยุนนั้นคือสุดยอดตัวตนที่ขึ้นไปจนถึงระดับสามพันห้าร้อยกิโลเมตรได้ มีพลังบ่มเพาะและความรู้จนถึงระดับน่ากลัว
แม้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์เทียนหยานเองก็ยังต้องยอมก้มหัวให้คนผู้นี้
จักรพรรดิเทพสวรรค์ซิ่วหยุนนั้นค่อยๆ เดินลงมาหาเย่หยวนพร้อมเปิดปากพูดกล่าว “เฒ่าคนนี้มีนามว่าซิ่วหยุน สหายหนุ่มเย่บ่มเพาะเสร็จแล้วคิดจะลงเขาเลยหรือไม่?”
เย่หยวนยกมือขึ้นมาคารวะอีกฝ่ายพร้อมกล่าว “ข้ามีนามว่าเย่หยวน ขอคารวะผู้อาวุโสซิ่วหยุน ที่ท่านผู้อาวุโสว่ามาย่อมถูกต้อง เย่ผู้นี้คิดจะลงเขาแล้ว!”
ซิ่วหยุนจึงตอบกลับมา “สหายหนุ่มเย่นั้นมีเต๋าค่ายกลที่เหนือล้ำเทพเจ้าทำให้เฒ่าคนนี้ชื่นชมนัก ข้าสงสัยเหลือเกินว่าสหายหนุ่มเย่นั้นเรียนรู้มันมาจากที่ใด? หากมีเวลาเฒ่าคนนี้อยากขอไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับสหายหนุ่มเย่เสียหน่อย ได้หรือไม่?”
เมื่อคำพูดถูกกล่าวออกมาคนทั้งหลายก็แทบคลั่งทันที!
จักรพรรดิเทพสวรรค์ซิ่วหยุนนั้นคือตัวตนระดับใด? แต่เขากลับเดินลงมาเพื่อทำความรู้จักเด็กหนุ่มคนนี้!
ที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังไม่ได้มีท่าทีของผู้อาวุโสที่คุยกับเด็กหนุ่มใดๆ แต่เหมือนกำลังคุยอยู่กับคนรุ่นระดับเดียวกัน
ดูท่าเขาคงคิดว่าเย่หยวนมีคุณสมบัติพอจริงๆ!
ตัวตนระดับนี้เย่หยวนเคยได้พบเจอมาไม่น้อยแล้วและย่อมจะไม่ได้รู้สึกว่าถูกกดดันหรือบังคับใดๆ
เย่หยวนพยักหน้ารับออกมาด้วยรอยยิ้ม “เย่ผู้นี้มาจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อินทรีสวรรค์แห่งแดนใต้ หากผู้อาวุโสซิ่วหยุนท่านคิดอยากมาข้าก็พร้อมจะต้อนรับเสมอ เอาล่ะ เวลานี้เย่ผู้นี้ยังมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการอีก ข้าขอตัวลา”
ซิ่วหยุนพยักหน้ารับ “วังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อินทรีสวรรค์แห่งแดนใต้? อืม ข้าจะจำไว้”
จากนั้นเขาก็ร้องตะโกนลั่นขึ้นมา “หากใครคิดหมายอยากได้เครื่องรางเต๋าของสหายหนุ่มเย่มันก็จะเท่ากับประกาศตัวเป็นศัตรูกับเจ้าฟ้าดินผู้นี้ด้วย!”
เสียงของเขานี้ประกาศลั่นไปทั่วทั้งเขาแปดโมฆะ
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายที่แข็งแกร่งหน่อยต่างคิดหมายลงมือกันสิ้น
เพราะไม่ว่าอย่างไรเครื่องรางเต๋ามันก็น่าสนใจจนเกินห้ามมือ!
ที่สำคัญไปกว่านั้นหากเย่หยวนออกจากเขตแดนของเขาแปดโมฆะแล้วเขาก็ย่อมจะเป็นได้แค่เทพสวรรค์น้อยๆ ผู้หนึ่ง
เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นปลายทั้งหลายย่อมจะไม่มีใครกลัวเทพสวรรค์ตัวน้อยผู้หนึ่ง
แต่คำพูดนี้จากปากของจักรพรรดิเทพสวรรค์ซิ่วหยุนมันได้ทำให้ความคิดของคนทั้งหลายจางหายไปสิ้น
เย่หยวนนั้นยังพอทนแต่พวกเขาทั้งหลายย่อมไม่กล้าจะไปหาเรื่องจักรพรรดิเทพสวรรค์ซิ่วหยุนอย่างเด็ดขาด!
…………..