“คนอย่างเจ้ามันอันตรายเกินไป! ดูท่าข้าไม่ควรจะคิดควบคุมเจ้าแต่แรก!”
หรงซีเยว่นั้นได้แต่ยิ้มเย้ยหยันในความคิดอันโง่เง่าก่อนหน้าของคนที่คิดตัวเองประเมินเย่หยวนจนสูงส่งแล้ว
ตัวตนของนางนี้ แม้แต่จะจัดการเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เองมันก็คงไม่ยากนัก
แต่ใครจะไปคิดว่าเทพสวรรค์คนหนึ่งกลับจะเอาชนะสี่จักรพรรดิเทพสวรรค์ไปและจับตัวนางไว้ได้ในพริบตา?
“สายไปแล้ว! พาข้าไปหาหนิงเทียนปิง!” เย่หยวนกล่าว
หนงซีเยว่นั้นส่ายหัวออกมา “ข้าจับตัวมันไว้ที่ตระกูลหลัก เจ้าจับข้าไว้ที่นี่แล้วให้ลุงซ่งพาตัวมันมาที่นี่!”
นางนั้นคิดอยากใช้หนิงเทียนปิงเพื่อกดดันใช้งานเย่หยวน ทำให้เย่หยวนต้องยอมทำตามที่นางต้องการ
เพราะฉะนั้นนางจึงได้เตรียมการกักขังหนิงเทียนปิงเป็นระยะยาวและส่งตัวเขากลับตระกูลหลักไป
เย่หยวนหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะบอก “ไม่ต้อง ข้าจะไปที่นั่นกับเจ้า!”
หรงซีเยว่หรี่ตาลงกล่าวสวนขึ้น “ไม่มีทาง! สายเลือดเร้นของข้านั้นอยู่อาสัยหลบซ่อนมานับล้านๆ ปีไม่เคยมีคนนอกคนใดจะเข้าไปได้ หากเจ้าไปแล้วข้าก็จะได้กลายเป็นคนบาปของสายเลือดเร้นพอดี!”
แต่เย่หยวนกลับยิ้มเย้ยออกมา “มันย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ ในเมื่อสายเลือดเร้นของพวกเจ้าออกมาจัดการเรื่องราวในโลกภายนอกเช่นนี้ เจ้าคิดหรือว่าจะยังหลบซ่อนได้ตลอดไป? ถึงเวลานี้แล้วจะไปหรือไม่นั้นมันไม่ใช่เจ้าแล้วที่เป็นคนตัดสิน”
พูดจบเย่หยวนก็ทุบมือลงบนหลังของหรงซีเยว่ก่อนจะโยนโอสถเม็ดน้อยตรงลงคอนางไป
“เจ้า!” หรงซีเยว่นั้นมองดูเย่หยวนด้วยความโกรธแค้นไม่พอใจ
“โอสถนี้มันมีนามว่าโอสถทุกข์ล่าชีวี มันเป็นพิษที่ข้าสร้างขึ้นมาเองกับมือ พิษนี้มันเป็นพิษที่จะเผากระดูกฝังตัวเข้าไปในทุกเนื้อเยื่อของร่างกายเจ้าทันทีอย่างไม่อาจรักษาหาย ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเมื่อมันแพร่ไปทั่วร่างกายของเจ้าแล้วมันจะยังแพร่เข้าไปสู่จิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าด้วยทำให้จิตของเจ้าค่อยๆ สลายตัวไม่อาจไปเกิดใหม่ได้อีกตลอดกาล เจ้าน่าจะรู้ว่าข้านั้นมีเต๋าโอสถในระดับใด หากไม่เชื่อจะลองให้ข้ากระตุ้นพิษมันดูก็ได้” เย่หยวนกล่าว
เมื่อหรงซีเยว่ได้กลืนพิษลงไปแล้วเย่หยวนก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของนางอีก
เพราะความเป็นความตายของนางจากนี้มันจะอยู่ในมือเขาอย่างสิ้นเชิง
หรงซีเยว่ยิ้มเย้ยออกมา “เจ้าคิดว่าเจ้าจะยอมถูกเจ้าขู่หรือ? ต่อให้ข้าจะตายข้าก็ไม่พาเจ้าไปที่ตระกูลหลัก!”
เย่หยวนมองดูหรงซีเยว่ด้วยรอยยิ้มจนทำให้ตัวนางต้องขนลุกไปทั้งกาย
จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมา “ดูท่าเจ้าจะยังไม่คิดเลิกขัดขืน! แต่ละตระกูลสายเลือดของพวกเจ้าเผ่าเทวานั้นจะมีแค่หนึ่งบุตรเทวะและหนึ่งบุตรีเทวะ พวกเขาทั้งหลายนั้นต่างล้วนเป็นยอดอัจฉริยะที่จะขึ้นถึงระดับแปดลายได้สิ้น เผ่าเทวาของเจ้านั้นเดิมทีก็มีจำนวนไม่มากมายอยู่แล้ว ต่อให้จะมีเวลาขยายเผ่าพันธุ์ปานใดมันก็คงไม่อาจเทียบเคียงได้แม้แต่หนึ่งในหมื่นของมนุษย์ใช่ไหม? ข้าสงสัยเหลือเกินว่าการตายของบุตรีเทวะนี้มันจะส่งผลอย่างไรต่อสายเลือดเร้นพวกเจ้า?”
หากมิใช่เพราะการต่อสู้กับหยวนเจี่ยวแล้วเย่หยวนก็คงไม่มีทางรับรู้ถึงเรื่องราวในเผ่าเทวามากมายปานนี้
บุตรเทวะและบุตรีเทวะนั้นต่างเป็นตัวตนระดับสูงที่ไม่อาจพบเจอได้ง่ายๆ พวกเขานั้นเรียกได้ว่าเป็นอนาคตของตระกูล
หากแค่มองดูท่าทางที่หยวนเจี่ยวมีต่อเยวี่ยเมิ่งลี่มันก็คงมากพอ
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงมั่นใจว่าทางตระกูลสายเลือดเร้นนี้เองก็คงไม่ยอมนั่งอยู่เฉยๆ มองดูหรงซีเยว่ตายไปแน่
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินเช่นนั้นตัวหรงซีเยว่ก็หน้านิ่งไปก่อนจะกล่าวออกมาด้วยสีหน้าของผู้แพ้
“เอาล่ะ เจ้าชนะ!”
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “ข้าอยากได้ตัวอีกคน! หลี่จ้าวชิงนั้นมันคงเป็นคนของประตูวิญญาณมรณาใช่หรือไม่?”
เพราะเวลานี้ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิฉายาฟ้ามันได้กลายเป็นฐานของประตูวิญญาณมรณาไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีทางใดเลยที่หลี่จ้าวชิงผู้นั้นมันจะมิใช่สมาชิกของประตูวิญญาณมรณา
และหากนึกย้อนกลับไป เย่หยวนก็สงสัยเสียด้วยซ้ำว่าความแค้นที่เกิดขึ้นระหว่างตัวโม่ลี่เฟยและหลี่จ้าวชิงผู้นี้บางทีมันอาจจะเป็นเพราะประตูวิญญาณมรณา
โม่ลี่เฟยนั้นตายลงเต๋าหายสิ้น เหลือเพียงแค่เสี้ยววิญญาณที่หลบรอดออกมาได้
หรงซีเยว่นั้นพยักหน้ารับ “ลุงซ่ง ท่านจัดการเรื่องนั้นด้วย”
ลุงซ่งเองก็ไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากต้องทำตามสั่ง
…
แดนกลาง ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยทะยาน
ที่แห่งนี้มันคือยอดเมืองหลวงจักรพรรดิภายใต้อำนาจการปกครองของจักรพรรดิเทพสวรรค์สื่อหยุน จักรพรรดิเทพสวรรค์เก้าดาว ทำให้มีผู้คนเดินทางไปมาไม่ขาดสาย
เย่หยวนนั้นติดตามหรงซีเยว่มาจนถึงโรงเตี๊ยมหนึ่งในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิวาโยทะยานและมาถึงยังห้องรับรองพิเศษห้องหนึ่ง
หรงซีเยว่นั้นหยิบเอาหยกออกมาวางทาบประตูและเดินเข้าไปภายใน
เย่หยวนนั้นรู้สึกเหมือนได้เดินผ่านม่านหนาๆ แผ่นหนึ่งมาและภาพตรงหน้านั้นมันคือโลกอีกใบไปอย่างสิ้นเชิง
ภาพตรงหน้านี้มันทำให้เย่หยวนถึงกับต้องร้องขึ้นมาด้วยความตะลึง
“ผู้มากความสามารถใช้ความสามารถนั้นเพื่อตัดขาดกับทางโลก สมชื่อว่าเป็นสายเลือดเร้น หลบซ่อนได้เก่งจริง” เย่หยวนร้องขึ้นมาด้วยความชื่นชมสุดใจ
เพราะแม้จะด้วยแนวคิดแห่งห้วงมิติและเต๋าค่ายกลที่เหนือล้ำของเขา เย่หยวนก็ยังไม่อาจจะสัมผัสได้เลยว่าหลังประตูบานนั้นแท้จริงแล้วมันมีโลกใบน้อยซ่อนอยู่
เช่นนี้แล้วเหล่ายอดฝีมือในมหาพิภพถงเทียนเองก็คงไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าแท้จริงมันมีโลกใบน้อยซ่อนอยู่ใต้จมูกพวกเขาเช่นนี้
หรงซีเยว่นั้นมองดูที่ใบหน้าของเขานั้นพร้อมกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงเย็นเยือก “นับล้านๆ ปีมานี้เจ้าเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้เข้ามาถึงที่แห่งนี้! แต่เจ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป โลกใบน้อยนั้นมันเปลี่ยนแปลงทางเข้าอยู่เสมอๆ ในเมื่อวันนี้เจ้าเข้ามาแล้ว ครั้งหน้าทางเข้านี้มันก็ย่อมจะถูกปิดตายลง”
“เผ่าเทวาของเจ้านั้นออกจะเก่งกาจ เหตุใดจึงมามีสายเลือดเร้นหลบซ่อนเช่นเจ้านี้ได้?” เย่หยวนถาม
“แม้ว่าเผ่าเทวาจะเก่งกาจปานใดสุดท้ายมันก็มีปัญหาที่การขยายเผ่าพันธุ์! ยอดฝีมือมากมายนั้นแม้จะอยู่ไปนับล้านๆ ปีก็ยังไม่อาจจะมีลูกกันได้ เพื่อที่จะรักษาจำนวนของเผ่าไว้บรรพบุรุษของเราจึงได้เริ่มการสร้างตระกูลใหม่นอกเหนือจากแปดตระกูลสายเลือดขึ้นมา ซึ่งก็คือพวกเราตระกูลสายเลือดเร้นนี้ หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของตระกูลสายเลือดเร้นมันก็คือการรักษาจำนวนของเผ่าเทวาไว้” หรงซีเยว่นั้นกล่าวออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง
แต่เย่หยวนกลับต้องขมวดคิ้วขึ้นแน่น “ขยายพันธุ์? เผ่าเทวาของเจ้านั้นสืบเผ่าพันธุ์ได้ยากมากมิใช่หรือ? การสร้างตระกูลใหม่ขึ้นมามันจะช่วยอะไรได้เล่า?
หรงซีเยว่หันกลับมามองเย่หยวน “เผ่าเทวาของเรานั้นเป็นเผ่าที่ได้รับพรจากสวรรค์ นอกจากจะสืบพันธุ์ในเผ่าพันธุ์เดียวกันเองแล้วเรายังสามารถมีลูกหลานกับเผ่าอื่นๆ ในมหาพิภพถงเทียนนี้ได้ เผ่ามนุษย์ เผ่าปีศาจ เผ่าอสูรและเผ่าอื่นๆ ทั้งหลายนั้นต่างมีโอกาสที่จะปลุกพลังสายเลือดของเผ่าเทวาขึ้นมาได้ เพียงแค่ว่าโอกาสมันแสนน้อยนิด บางคนแม้จะมีสายเลือดเผ่าเทวาแต่ก็ไม่อาจจะปลุกมันขึ้นมาได้ชั่วชีวิต! สายเลือดเร้นของพวกเรานี้มีเป้าหมายคือการหาคนที่สามารถปลุกมันขึ้นมาได้และได้รับการยอมรับจากเต๋าสวรรค์! ตอนนั้นที่เจ้าเพิ่งไปถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มันเป็นช่วงที่ข้าเพิ่งปลุกพลังสายเลือดเทวาขึ้นมาได้พอดีและได้รับเลือกให้เป็นบุตรีเทวะ นั่นเป็นเหตุผลทำให้ฝีมือของข้านี้พัฒนาขึ้นไปอย่างเหนือล้ำฟ้า”
เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของหรงซีเยว่ เย่หยวนก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันทีพร้อมด้วยจิตใจที่สั่นรัว
เมื่อได้เห็นสีหน้านั้นของเย่หยวนตัวหรงซีเยว่ก็ตื่นตะลึงไปไม่น้อย
เพราะตัวเย่หยวนนี้เป็นคนที่นิ่งเงียบและเก็บงำอารมณ์ได้เสมอ
ต่อให้จะต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเทพสวรรค์ถึงสี่คนเขาก็ยังไม่แสดงสีหน้าอาการใดๆ
แต่นี่มันคืออะไร?
“หรือว่า? หรือว่ามันจะเป็นเพราะเรื่องนี้?” เย่หยวนบ่มพึมพำกับตัวเอง
“เจ้าเป็นอะไรไป?” หรงซีหยว่ถามขึ้นมา
เย่หยวนนั้นสั่นไปทั้งกายก่อนจะเข้าไปจับไหล่ของหรงซีเยว่ไว้ “หรือว่าเผ่าเทวานี้ก็สามารถกำเนิดขึ้นในโลกใบน้อยได้?”
หรงซีเยว่พยักหน้าออกมา “แน่นอน! แม้ว่าโอกาสมันจะน้อยนิด แต่ในโลกใบน้อยนับล้านๆ โลกมันก็ย่อมจะมีชีวิตผู้คนอยู่นับไม่ถ้วน มากมายจนไม่อาจนับเป็นตัวเลขได้ ในจำนวนขนาดนั้นการจะมีเผ่าเทวาเกิดขึ้นมาได้มันย่อมเป็นเรื่องปกติ เพียงแค่ว่าในโลกใบน้อยนั้นผู้คนอายุขัยแสนสั้น อีกทั้งเผ่าเทวานั้นสูงส่งมีพลังงานที่จำกัด คนทั้งหลายไม่อาจจะเอื้อมถึงมันได้ด้วยเวลาสั้นๆ ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่เผ่าเทวาะจะเหนือล้ำกว่าเผ่ามนุษย์อย่างที่ไม่อาจเทียบเคียงกันได้เช่นนี้?”
กึก!
เย่หยวนนั้นกำหมัดแน่นพร้อมด้วยอาการสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย
เขานั้นเคยคิดสงสัยอย่างมากว่าเหตุใดหยวนเจี่ยวจึงได้มาบอกและเลือกเยวี่ยเมิ่งลี่เป็นบุตรีเทวะใดๆ นั้น
ที่แท้แล้วลี่เอ๋อนั้นกลับเป็นสมาชิกของเผ่าเทวาจริงๆ!
จู่ๆ เย่หยวนก็รู้สึกหนักไปทั้งกายราวกับว่าพลังงานได้หายลงไปสิ้นจากร่าง
…………………