เมื่อได้เห็นหนิงเทียนปิงความโกรธแค้นของเย่หยวนมันก็ได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะเวลานี้หนิงเทียนปิงกำลังถูกตรึงอยู่บนไม้รูปกากบาทพร้อมมือเท้าทั้งสี่ที่ถูกตอกไว้ด้วยตะปู
ตะปูทั้งสี่ที่ตอกตรึงมือเท้าไว้นี้มันปล่อยคลื่นพลังลึกลับออกมาไม่น้อย ดูท่าคงมิใช่แค่ตะปูทั่วๆ ไป
พร้อมๆ กันนั้นหนิงเทียนปิงก็มีเลือดไหลอาบท่วมกายตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีส่วนใดที่อยู่ดีไร้รอยแผล
เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากร่างของเย่หยวน กงหมิงก็ต้องรีบถอยตัวออกห่าง
เขานั้นเคยได้เห็นฝีมือของเย่หยวนมาก่อนและย่อมเข้าใจว่าตัวเองไม่อาจรับมืออีกฝ่ายได้
แต่ทว่าเย่หยวนกลับไม่ได้ระเบิดอารมณ์และจิตสังหารนั้นออกมา เขาค่อยๆ เดินเข้าไปหาหนิงเทียนปิงทีละก้าวๆ ก่อนจะดึงเอาตะปูนั้นออกมาและอุ้มร่างของหนิงเทียนปิงเดินออกสู่ภายนอก
เมื่อได้เห็นเช่นนั้นตัวกงหมิงก็ต้องรู้สึกโล่งใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
โชคดีที่เจ้าเด็กคนนี้มันยังกลัวเป็น
เมื่อออกมาถึงภายนอกกงหมิง “ในเมื่อเจ้าได้คนกลับไปแล้ว เจ้าก็ไปรักษาพิษให้บุตรีเทวะได้แล้วใช่หรือไม่?”
เย่หยวนหันกลับมามองด้วยรอยยิ้มกัดฟันที่เย็นเยือก
กงหมิงนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายรู้สึกถึงลางไม่ดี
“อ้า!”
“อาก!”
“อั่ก!”
…
เสียงร้องโหยหวนนั้นมันดังขึ้นมาจากภายในคุก
กงหมิงนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายพร้อมตะโกนลั่นออกมา “เจ้าไปทำ… ให้ตายสิ!”
เขานั้นรีบหมุนตัวพุ่งกลับไปดูสภาพภายในคุกที่เปี่ยมล้นด้วยเสียงร้องโหยหวนนั้นและได้พบว่าภายในคุกมันมีดาบบินลอยว่อนไปทั่ว
และเจ้าดาบทั้งหลายนี้มันเหมือนกับมีตาของตัวเอง พุ่งทะลวงสังหารคนแล้วคนเล่า ไม่มีใครจะหลบรอดจากมันได้
ในเวลาแค่ไม่กี่อึดใจนี้ทั้งยามเฝ้าทั้งนักโทษต่างแทบตายลงสิ้น
ดาบนับพันที่บินวนไปมานี้มันจะสังหารใครได้บ้าง?
ภายใต้อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันย่อมจะไม่มีใครทนการโจมตีของดาบทั้งหลายได้แม้สักครั้ง!
พริบตาต่อมาเย่หยวนก็สังหารเหล่าเผ่าเทวาในคุกจนสิ้น ไม่เหลือชีวิตใดๆ!
ตอนที่เขาเดินออกมานั้นเย่หยวนได้ซ่อนดาบทั้งหลายไว้ในห้วงมิติด้วยวิชามิติที่แนบเนียน
ด้วยสัมผัสด้านมิติของกงหมิงนั้นเขาไม่อาจจะสัมผัสได้แม้แต่ร่องรอยใด
หลังจากออกมาได้แล้วเย่หยวนก็ได้เปิดใช้งานค่ายกลดาบนั้นสังหารคนทั้งหลายสิ้นในพริบตา
เมื่อจบการล้างสังหารดาบทั้งหลายมันก็บินกลับออกมาจากคุกอย่างว่าง่าย
กงหมิงนั้นมองดูไปที่เย่หยวนอย่างโกรธแค้น “เจ้าคนโอหัง! เจ้าคิดว่าเฒ่าคนนี้จะไม่กล้าลงมือต่อเจ้าจริงๆ หรือ?”
เผ่าเทวานั้นแต่ละผู้คนล้วนย่อมเป็นสมบัติล้ำค่า
ตระกูลสายเลือดเร้นนี้ตามหาทั้งมหาพิภพถงเทียนมาไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปีทั้งยังต้องคอยหลบสายตาเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายใช้ชีวิตเสี่ยงตายกว่าจะได้จำนวนผู้คนเพิ่มขึ้นมาได้เท่านี้
แต่เจ้าเด็กคนนี้มันกลับสังหารสมาชิกตระกูลไปนับร้อยในคราเดียว มีหรือที่กงหมิงจะยืนนิ่งได้?
แต่เย่หยวนกลับหัวเราะขึ้นมา “ขอโทษด้วย แต่ฝีมืออย่างเจ้านี้ไม่มีปัญญาจะทำอะไรข้าหรอก! แค่คิดว่ามันเป็นดอกเบี้ยเรื่องเทียนปิงก็แล้วกัน เพราะความแค้นที่ข้ามีต่อเผ่าเทวาของเจ้ามันยังมีอีกมาก!”
พูดจบเย่หยวนก็เดินหายเข้าห้วงมิติไป
กงหมิงหรี่ตาลงด้วยสีหน้าเหยเกพร้อมกัดฟันแน่น “แนวคิดแห่งห้วงมิติที่ลึกล้ำนัก! เจ้าเด็กคนนี้มันจะมากฝีมือเกินไปแล้ว!”
พูดจบเขาก็พุ่งตัวตามไป
เย่หยวนนั้นมาถึงยังบ้านตระกูลใหญ่และพบหรูเฟิงที่กำลังเดินนำหรงซีเยว่ออกมาพอดี
ส่วนคนทั้งหลายนั้นได้จากไปสิ้นแล้ว
เย่หยวนมองดูด้วยสายตาเย็นเยือกก่อนจะเดินผ่านคนทั้งสองนำตัวหนิงเทียนปิงไปยังทิศของห้องโอสถ
หรูเฟิงนั้นแทบต้องกระอักออกมาเพราะเจ้าเด็กคนนี้กลับทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุ!
แต่จู่ๆ จากนั้นหรูเฟิงก็ได้หันมาถามอย่างตื่นตระหนก “กงหมิงอยู่ที่ใด?”
เสียงของเขานั้นยังไม่ทันจางหายกงหมิงก็มาถึงด้วยสีหน้าเหยเก “ผู้อาวุโสสาม เจ้าเด็กคนนั้น… มัน…”
หรูเฟิงหน้าถอดสีถามขึ้น “มันทำอะไร?”
“มันซ่อนดาบไว้ในห้วงมิติและตอนที่พวกเราออกมาจากคุกมันก็ใช้ดาบทั้งหลายนั้นฆ่าสังหารเหล่านักโทษและยามเฝ้าทั้งหลายสิ้น!” กงหมิงร้องขึ้นด้วยความโกรธแค้น
“หะ?!” เสียงร้องนี้มันเป็นของหรูเฟิงและหรงซีเยว่
จากนั้นหรูเฟิงก็ต้องหันหน้ากลับมาปล่อยคลื่นพลังสะท้านฟ้าดินใส่ตัวเย่หยวน
“เด็กน้อย เจ้าคิดว่าผู้อาวุโสคนนี้จะไม่กล้าสังหารเจ้าจริงๆ?” ร่างของเขาขยับมาบังหน้าเย่หยวนไว้
เย่หยวนยิ้มเย้ยออกมาด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
เพราะรู้เพราะเหตุใดแต่หรูเฟิงที่ได้เห็นสีหน้านั้นกลับรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาในใจ
ในเวลาเดียวกันนั้นเองมันก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งออกมารายงาน “ผู้อาวุโสสาม เรื่องใหญ่แล้ว! อาจารย์ท่าน… ถูกพิษ!”
เด็กหนุ่มคนนั้นพูดกล่าวยังไม่ทันจบมันก็เกิดควันสีดำปะทุออกจากปากส่งร่างของเขาลงไปนอนดิ้นกับพื้นทันที
ไม่นานจากนั้นเขาก็หยุดหายใจลง
เมื่อได้เห็นเช่นนั้นหรูเฟิงก็สั่นสะท้านไปทั้งกาย
เด็กหนุ่มคนนี้มันคือเด็กรับใช้ห้องยาของหลินยี่!
หลินยี่ถูกพิษ!
ก่อนที่เขาจะทันได้ร้องพูดใดๆ มันก็มีเด็กหนุ่มห้องยาอีกคนวิ่งมารายงานเรื่องราวเดียวกัน
และพริบตาต่อมาเขาก็ตายลง
หรูเฟิงหันหน้ากลับมาร้องลั่นใส่เย่หยวน “เจ้าทำอะไรลงไป?!”
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “ผู้ที่กลืนโอสถทุกข์ล่าชีวีเข้าไปนั้นจะมีร่างกายทุกส่วนเป็นพิษร้ายจากหัวจรดเท้าและกลายเป็นพาหะนำพิษ คนใดก็ตามที่สัมผัสตัวพาหะนั้นจะถูกพิษนี้เข้าแทรกซึมผิวหนังเข้าทั้งร่างกายและเมื่อมันกระจายออกถึงที่สุดแล้วพิษนั้นก็จะแสดงอาการรุนแรงกว่าอาการของพาหะไปนับร้อยเท่า! ที่สำคัญไปกว่านั้นพิษนี้เมื่อมันเริ่มกระจายแล้วมันจะกระจายผ่านทางพลังงานฟ้าดินด้วย! เจ้าวางใจเถอะ ด้วยพลังของเผ่าเทวานั้นพวกที่ขึ้นถึงระดับแปดลายขั้นกลางแล้วมันคงไม่เป็นอะไรไป แต่คนที่ยังขึ้นไม่ถึงระดับนั้น… หึๆ”
คำว่า ‘หึๆ’ สั้นๆ นี้มันได้ทำให้หรูเฟิงสั่นสะท้าน
เวลานี้เขาได้เข้าใจแล้วว่าที่เย่หยวนท้าทายเขาก่อนหน้านมันก็เพื่อจะให้เขาพาตัวยอดฝีมือทั้งหลายมารักษาหรงซีเยว่
มันก็เพื่อเวลานี้!
พิษที่กระจายผ่านพลังงานฟ้าดินหรือก็คือกระจายผ่านอากาศได้ ทั้งยังไร้สีไร้กลิ่นแม้แต่ยอดฝีมือด้านโอสถอย่างหลินยี่ก็ยังไม่อาจรับรู้ถึง
มันเป็นพิษร้ายที่น่ากลัวเกินไปแล้ว!
“เจ้า… ข้าจะฆ่าเจ้า!” หรูเฟิงร้องลั่นออกมาคิดลงมือสังหาร
แต่เย่หยวนกลับตอบสวนกลับไป “ทุกวินาทีที่เจ้าเสียเวลาอยู่นี้มันย่อมจะมีคนตระกูลลายเลือดเร้นตายลงมากเท่านั้น ที่สำคัญไปกว่านั้นหากเจ้ามั่นใจว่าตัวเองมีปัญญารักษาพิษ เจ้าก็ลองฆ่าข้าลงเถอะ”
ตูม!
ฝ่ามือของหรูเฟิงนี้ถูกตบลงที่ข้างๆ ตัวเย่หยวนจนพื้นโถงปลิวว่อน
แต่เย่หยวนยังคงยืนมองหน้าเขาอย่างไม่กระพริบตา มองดูหรูเฟิงด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
หรูเฟิงได้แต่กัดฟันแน่นกล่าวออกมา “เจ้าจำเรื่องนี้ไว้ให้ดีเถอะ!”
พูดจบตัวเขาก็พุ่งตัวหายไปทันที
เย่หยวนนั้นเดินต่อไปอย่างไม่คิดสนใจเพื่อมุ่งหน้าสู่ห้องโอสถ
สำหรับเย่หยวนแล้วห้องโอสถควรอยู่ที่ใด เขารู้ถึงมันได้สิ้น
หรงซีเยว่นั้นยืนหน้าซีดขาวไร้สีเลือดใดๆ เป็นเวลานี้เองที่นางได้เข้าใจถึงความน่ากลัวของเย่หยวนอย่างแท้จริง
นางได้แต่ด่าตัวเองในอดีตที่ไปท้าทายตัวตนระดับนี้!
และราวกับว่ามันเป็นเรื่องสุดแสนธรรมชาติ นางได้ค่อยๆ เดินตามหลังเย่หยวนกลับไปยังห้องโอสถ
เย่หยวนเข้ามาถึงห้องโอสถและวางตัวหนิงเทียนปิงลงบนเตียงนอนก่อนจะหันหน้ามองดูภายในห้องอยย่างคุ้นเคยราวกับว่ามันเป็นห้องของตัวเขาเอง
หนิงเทียนปิงนั้นมีอาการสาหัสอย่างมาก!
ตะปูทั้งสี่นั้นมันคือสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มีพลังทำลายล้างร่างกายหนิงเทียนปิงอย่างต่อเนื่อง
แต่มันจะไม่ปล่อยให้เขาได้ตาย
หนิงเทียนปิงนั้นถูกทำให้อยู่ในสภาพที่ใกล้ตายเต็มทนแต่ก็ไม่อาจตายลง
โชคยังดีที่ผู้รักษานั้นคือเย่หยวน ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้จะช่วยหนิงเทียนปิงออกมาได้มันคงไม่มีทางรักษา
แต่แม้จะด้วยฝีมือของเย่หยวน การจะชุบชีวิตหนิงเทียนปิงขึ้นมาจากสภาพนี้มันก็ยังต้องเหนื่อยยากอย่างมาก
โชคยังดีที่ห้องโอสถนี้มันมีโอสถและสมุนไพรมากมายให้เย่หยวนได้ใช้มันรักษาหนิงเทียนปิงอย่างไร้กังวล
………….