“น-นายท่าน! ท-ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่?”
เมื่อหนิงเทียนปิงได้สติกลับมานั้นและพบว่ามีเย่หยวนอยู่ตรงหน้าเขาก็ย่อมจะตื่นตะลึงอย่างสุดใจพยายามฝืนตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนแต่เย่หยวนกลับรีบเดินมากดตัวเขาลง “นอนไปดีๆ! อย่าได้ขยับ!”
หนิงเทียนปิงนั้นเพิ่งตื่นขึ้นมาได้แน่นอนว่าบาดแผลของเขามันยังห่างไกลจากคำว่าหายดีนัก
เพราะครั้งนี้หนิงเทียนปิงบาดเจ็บอย่างสาหัสจนแทบจะตายลง มันย่อมไม่มีทางใดที่จะรักษาได้หายอย่างทันท่วงที
เมื่อเริ่มตั้งสติขึ้นมาได้หนิงเทียนปิงก็เริ่มเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในเวลานี้
หนิงเทียนปิงนั้นได้แต่นอนนิ่งกัดฟันแน่น “นายท่าน ข้า… ข้าสร้างปัญหาให้ท่านแล้ว!”
เขานั้นมาเพื่อจะแก้แค้นให้แก่อาจารย์แต่กลับกลายเป็นการเดินเข้ามากลางดงกับดักของประตูวิญญาณมรณาแทน
เสี้ยววิญญาณของโม่ลี่เฟยนั้นต้องดับสูญลงเพราะคิดปกป้องตัวเขา
หลังจากนั้นเขาก็ถูกตัวหรงซีเยว่นั้นจับมาทรมานอย่างหนักหน่วงคิดรีดข้อมูลเกี่ยวกับเย่หยวนออกมา
แต่เขาไม่ได้คิดบอกเรื่องราวใดๆ
เย่หยวนจึงกล่าวออกมา “เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว เวลานี้มีความแค้นใดก็ค่อยมาสะสางกัน!”
แต่จู่ๆ สายตาของหนิงเทียนปิงก็หันไปเห็นหรงซีเยว่ที่มุมห้องจนต้องอ้าปากค้าง
“นายท่าน นาง… นาง…”
“นางนั้นเป็นคนเผ่าเทวา ที่แห่งนี้มันคือโลกใบน้อยของตระกูลสายเลือดเร้นแห่งเผ่าเทวา อ่า เจ้าไม่ต้องกังวลไป เวลานี้พวกมันทั้งหลายคงกำลังวุ่นวายกันยกใหญ่” เย่หยวนกล่าว
ระหว่างที่พูดคุยกันไปประตูห้องโอสถมันก็ถูกเปิดขึ้นเผยให้เห็นหรูเฟิงที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าหนักใจ
ดูท่าแล้วเขาคงต้องเสียเวลาและกำลังอย่างหนักหน่วงไปกับการจัดการหยุดยั้งการกระจายตัวของพิษ
เขานั้นต้องเสียเวลาและกำลังมหาศาลกว่าที่จะหยุดการไหลของพลังฟ้าดินในโลกใบน้อยนี้ได้ นั่นคือวิธีที่เขาใช้ในการหยุดการแพร่กระตายตัวของพิษ
เพราะนอกจากวิธีนี้เขาก็ไม่อาจจะนึกถึงวิธีอื่นได้แล้ว
เพียงแค่ว่านี่มันคือวิธีหยุดการแพร่กระจาย มิใช่วิธีการรักษาใดๆ ทั้งสิ้น
สุดท้ายการรักษานั้นมันก็คงมีแต่ต้องก้มหัวขอร้องเย่หยวน
หลังจากที่ต่อสู้กับมันยาวนานในที่สุดหรูเฟิงก็ได้เข้าใจถึงความน่ากลัวของเจ้าพิษร้ายนี้
ในเวลาสั้นๆ นี้ความเร็วการแพร่กระจายของพิษมันเหนือล้ำกว่าที่เขาคิดไปมาก
แม้ว่าเผ่าเทวานั้นจะมีจำนวนน้อยนิดแต่ตระกูลสายเลือดเร้นของพวกเขานี้ก็ใช้เวลามากมายหลายต่อหลายล้านปีในการรวบรวมผู้คนของเผ่าเทวามาอยู่ในโลกใบน้อยนี้
โชคยังดีที่เขาลงมือรวดเร็วมีสมาชิกเผ่าเทวาต้องตายลงไปแค่ไม่กี่พัน
เหล่ายอดฝีมือที่อยู่ในระดับเต๋าสวรรค์เจ็ดลายนั้นยังพอจะเอาชีวิตรอดได้แต่สุดท้ายก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน
ส่วนเหล่าที่ขึ้นถึงระดับเต๋าสวรรค์แปดลายนั้นแม้พิษจะไม่อาจเอาชีวิตพวกเขาได้แต่พวกเขาก็คงต้องใช้ชีวิตไปพร้อมๆ กับการกดดันการแพร่กระจายของพิษนี้
พลังงานในชีวิตของพวกเขาแทบทั้งหมดมันต้องเสียไปกับเจ้าพิษตัวนี้
มันเป็นพิษที่น่ากลัวจนเกินไป!
“เด็กน้อย ส่งยาแก้พิษมา!” หรูเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าหนักใจ
เย่หยวนหันมามองด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “นี่คือวิธีที่เจ้าใช้ขอร้องคน? หากข้าให้ยาแก้พิษไปทั้งอย่างนี้ข้าคงไม่มีค่าใดแล้ว?”
หรูเฟิงนั้นเข้าใจได้ทันทีว่าเจ้าเด็กคนนี้มันมากเล่ห์ไม่อาจจะจัดการลงได้แม้แต่น้อย
ตระกูลสายเลือดเร้นนั้นหลบซ่อนอยู่ในโลกนี้มานานนับล้านปีแต่ก็อยู่กันอย่างสงบสุขมาเสมอ
เจ้าเด็กคนนี้มาถึงแค่วันเดียวกลับทำให้โลกทั้งใบแทบแตกสลายลง
ที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือต่อให้จะมีฝีมือมากแค่ไหนมันก็ไม่อาจจะทำอะไรเจ้าเด็กน่ารังเกียจคนนี้ได้!
น่าเจ็บแค้นนัก!
แม้ว่าการสังหารเย่หยวนนั้นจะง่าย แต่หากพิษนี้กระจายออกไปแล้วทั้งโลกใบน้อยนี้มันคงได้กลายเป็นดินแดนแห่งความตาย
ถึงเวลานั้นมันคงจะเหลือแต่เหล่าเต๋าสวรรค์แปดลายทั้งหลายที่รอดชีวิตได้
หรูเฟิงกัดฟันแน่นก่อนจะพยายามฝืนทำหน้าตาอ่อนโยน “สหายหนุ่มเย่ เรื่องราวของสหายผู้นี้เราต้องขอโทษด้วยจริงๆ! หลังจากจบเรื่องราวแล้วข้าจะหาวิธีชดเชยให้แน่ๆ ช่วยมอบยาแก้พิษนั้นให้ข้าด้วยเถอะ!”
เมื่อเขาพูดออกไปเขาก็แทบอยากจะตบปากตัวเอง
ตัวเขานี้คือใคร?
เขาคือหนึ่งในเก้าผู้อาวุโสแห่งสายเลือดเร้น!
สถานะของเขานี้สูงล้ำปานใด? มีหรือที่เขาจะเคยมาก้มหัวพูดจาขอร้องต่อมนุษย์เช่นนี้
เย่หยวนมองดูด้วยท่าทางเย้ยหยัน “น้ำเสียงยังแข็งไปอยู่ แต่ก็พอทนรับได้ แต่… คนอย่างเจ้านั้นมันยังไม่มีค่าพอ!”
หรูเฟิงกล่าวออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เด็กน้อย เจ้าได้คืบแล้วจะเอาศอกหรือ?”
เย่หยวนตอบกลับไป “ให้ผู้อาวุโสใหญ่เจ้ามา ต้องเป็นเขานั้นถึงค่อยมีค่าพอจะขอร้องข้าได้!”
หรูเฟิงหน้าแดงก่ำจนแทบกลายเป็นสีดำ “ผู้อาวุโสใหญ่นั้นเป็นใคร? คนอย่างเขาไม่มีทางจะมาขอโทษเจ้าได้แน่!”
เย่หยวนจึงยักไหล่ตอบกลับไป “เช่นนั้นเจ้าก็ฆ่าข้าสิ แล้วให้เผ่าเทวานับสิบๆ ล้านนั้นตายไปกับข้าด้วย จะได้ถือว่าหายๆ กันไป แล้วเจ้าก็สบายใจได้เลย เพราะข้านั้นไม่ได้มียาแก้พิษติดตัวใดๆ ทั้งสิ้น”
จำนวนนับสิบๆ ล้านนั้นมันอาจจะฟังดูเหมือนเยอะ แต่หากเทียบกับประชากรของเผ่ามนุษย์หรือเผ่าอสูรแล้วมันไม่อาจจะเทียบได้แม้แต่เส้นขน
หรูเฟิงนั้นคิดอยากสังหารอีกฝ่ายลงให้มันรู้แล้วรู้รอดไป!
สายเลือดเร้นของพวกเขานี้ต้องเสียเวลาและทรัพยากรไปมากมายเท่าใดกว่าที่จะมาถึงทุกวันนี้ได้?
แต่เย่หยวนกลับปล่อยระเบิดพิษสังหารผู้คนทั้งหลายในคราเดียว!
แน่นอนว่ามันยังมีอีกวิธีหนึ่งนั่นคือการอพยพย้ายถิ่นฐาน
แต่ในเวลานี้เหล่ายอดฝีมือเผ่ามนุษย์เองก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติและรอจะจัดการพวกเขาทั้งหลายอยู่ หากต้องอพยพด้วยจำนวนคนนับล้านนี้มันย่อมจะไม่มีทางหลบรอดสายตาของพวกเขาทั้งหลายนั้นไปได้
ถึงเวลานั้นมันย่อมจะมีแต่ตายกับตาย
ก่อนหน้านี้หรูเฟิงย่อมไม่เคยคิดว่าเผ่าเทวาอันสูงล้ำนั้นจะต้องก้มหัวให้กับมนุษย์คนหนึ่ง
มันควรเป็นมนุษย์ที่ก้มกราบพวกเขา
หรูเฟิงได้แค้กัดฟันแต่สุดท้ายก็ต้องหันหน้าเดินกลับออกจากห้องโอสถไป
ที่ด้านข้างตัวหรงซีเยว่และหนิงเทียนปิงต่างอ้าปากค้างอย่างตื่นตะลึง
ยอดฝีมือระดับนั้นกลับไม่กล้าจะเถียงเย่หยวนแม้สักคำ
น่ากลัว!
หนิงเทียนปิงนั้นคิดว่าตนต้องตายลงแน่แล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่าวินาทีที่นายท่านของเขามาถึงมันกลับเป็นฝ่ายศัตรูที่ต้องก้มหัวลงจรดพื้น!
หากไม่มีอะไรผิดคาดผู้อาวุโสใหญ่ที่ว่านั้นจะต้องมาขอร้องเย่หยวนด้วยตัวเองแน่
ไม่เช่นนั้นแล้วหากคนเผ่าเทวานับสิบๆ ล้านนี้ตายลงสิ้นแล้วพวกเขาทั้งหลายคงได้กลายเป็นแม่ทัพที่ไร้ทหาร
แต่ในระหว่างที่หรูเฟิงกำลังไปตามตัวผู้อาวุโสใหญ่มานั้นลุงซ่งที่ได้รับคำสั่งแรกไปก็ได้นำเอาตัวหลี่จ้าวชิงมา
เมื่อหนิงเทียนปิงเห็นหลี่จ้าวชิงเขาก็แทบจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง
หลี่จ้าวชิงนั้นมีใบหน้าขาวซีด เมื่อเขาได้เห็นหรงซีเยว่เขาก็ต้องรีบวิ่งเข้าไปกอดขานางร้องไห้ขอชีวิต “บุตรีศักดิ์สิทธิ์ ช-ช่วยข้าด้วย! ข้าน้อยนั้นรับใช้ประตูวิญญาณมรณามานานนับแสนๆ ปีและไม่เคยละเลยหน้าที่! ท่าน… ท่านจะทิ้งข้าไม่ได้นะ!”
หลี่จ้าวชิงนั้นเป็นแค่ผู้น้อยในประตูวิญญาณมรณาและย่อมไม่ได้รู้ถึงเรื่องราวของเผ่าเทวาใดๆ ตัวตนของหรงซีเยว่ในประตูวิญญาณมรณานั้นมันเป็นบุตรีศักดิ์สิทธิ์
แต่หรงซีเยว่กลับยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไปด้วยความสงสาร “มันมิใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยเจ้า แต่เวลานี้ข้าเองยังเอาตัวไม่รอด! เจ้า… ภาวนาเถอะ”
พูดจบนางก็หันหน้าหนีไป
เย่หยวนนั้นยกดาบขึ้นมาตัดที่ขอบโต๊ะออกมาเหมือนเป็นแผ่นระลึกถึงคนตาย
จากนั้นเขาก็ขยันิ้วขีดตัวอักษรลงไปสร้างแผ่นระลึกถึงคนตายขึ้นมาจริงๆ
เมื่อสลักแล้วเสร็จเขาก็วางมันลงบนโต๊ะและกล่าวบอกหลี่จ้าวชิง “คุกเข่า!”
หลี่จ้าวชิงนั้นหันไปมองที่อักษรบนแผ่นนั้นและได้เห็นว่ามันเขียนไว้ว่า ‘ระลึกถึงอาจารย์ผู้ล่วงลับ โม่ลี่เฟย’
หลี่จ้าวชิงสั่นสะท้านไปทั้งกายเขานั้นไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าแค่เด็กน้อยเทพสวรรค์คนหนึ่งแห่งใดจึงยังไม่มีใครมาจับจัดการมันไปอีก?
หรือว่าประตูวิญญาณมรณานั้นจะหวาดกลัวเด็กน้อยเทพสวรรค์คนหนึ่งนี้?
เพราะยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเทพสวรรค์ที่สังกัดอยู่กับประตูวิญญาณมรณามันก็มีไม่น้อย!
ตุบ!
แต่หลี่จ้าวชิงก็ไม่คิดลังเลคุกเข่าลงตามที่ได้รับคำสั่ง
“กราบคารวะและขออภัย!” เย่หยวนสั่งออกมาด้วยท่าทางไม่เปิดช่องให้ต่อรองใดๆ
“น-นายท่านไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้าจะกราบคารวะ! ข้าขอกราบ! พี่โม่ ข้านั้นทำการไปตามคำสั่งผู้คน มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ข้าต้องการทำด้วยตัวเองเลยจริงๆ!”
พูดไปหลี่จ้าวชิงก็ก้มหัวลงโขกพื้นต่อหน้าป้ายระลึกนั้น
หนิงเทียนปิงนั้นรู้สึกตื้นตันขึ้นในหัวใจ หากมิใช่เพราะนายท่านเขานี้แล้วความแค้นใดๆ มันก็คงไม่มีทางจะสะสางได้
…………….