รูปปั้นทั้งแปดนั้นเหมือนว่าถูกเชื่อมต่อกันด้วยพลังวิเศษ
พวกมันทั้งหลายนี้แม้จะเป็นแค่สิ่งของไร้ชีวิตแต่มันกลับทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับกำลังอยู่ต่อหน้ายอดฝีมือที่มีชีวิตจริง
เมื่อดวงตาของรูปปั้นทั้งหลายได้มองจ้องมา มันก็ราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังจ้องมองลงมาที่ตัวของหนิงเทียนปิงทำให้เขารู้สึกหนักหน่วงไปทั้งร่างกายจนต้องกระอักเลือดออกมา
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองมันก็มีคลื่นพลังอ่อนสายหนึ่งเข้ามาประคองร่างของเขาไว้
หนิงเทียนปิงจึงหันมามองที่เย่หยวนด้วยความตื่นตกใจก่อนจะพบว่าเย่หยวนนั้นยืนนิ่งราวกับว่าไม่มีเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้นตรงหน้า
“เจ้าศึกษามันไปเถอะ ไม่ต้องสนใจสิ่งอื่นใด ไม่ว่ามันจะมีคลื่นพลังหนักหน่วงแข็งแกร่งปานใดมันก็ทำร้ายเจ้าไม่ได้มากมาย” เย่หยวนบอก
หนิงเทียนปิงพยักหน้ารับคำนายพร้อมค่อยๆ ปล่อยให้จิตใจสงบลงและเริ่มศึกษาเรียนรู้เต๋าตรงหน้า
แต่เต๋านั้นมันมิใช่สิ่งที่จะเข้าใจเรียนรู้ได้ง่ายๆ
กำลังฝีมือของหนิงเทียนปิงนั้นมันเหนือล้ำกว่าคนในระดับเดียวกันไปมหาศาล
แต่จะอย่างไรเขาก็ยังไม่ได้สร้างเต๋าของตัวเองขึ้นมา
มีแต่เหล่าผู้ที่สร้างเส้นทางเต๋าของตัวเองขึ้นมาได้เท่านั้นที่จะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของโลกา
แต่การจะก้าวเดินไปในเส้นทางนี้มันช่างเย็นยากเสียเหลือเกิน
หนิงเทียนปิงนั้นมีพรสวรรค์ไม่น้อย แต่จะอย่างไรเขาก็เป็นแค่คนที่เกิดมาในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์
หากไม่มีเย่หยวนและปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปตามปกติแล้ว ตัวเขาคงไปหยุดอยู่แค่ที่อาณาจักรนภาสวรรค์
แต่เวลานี้เขากลับก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้ เหตุผลหลักๆ ของมันนั้นมิใช่การสอนของโม่ลี่เฟยแต่เป็นเพราะโอสถทั้งหลายของเย่หยวนเสียมากกว่า
โอสถของเย่หยวนนั้นได้เปลี่ยนแปลงร่างกายของเขาไปในทุกครั้งที่กินทำให้ตัวเขาทลายขีดจำกัดของตนลงเรื่อยๆ อย่างไม่จบสิ้น
แต่จะอย่างไรการสร้างเต๋าของตนเองมันก็มิใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้ด้วยแค่พลังโอสถ
เต๋านั้นสามารถเรียนรู้ได้แต่ไม่สามารถสั่งสอนได้
ต่อให้เย่หยวนจะรู้ว่าตนเองสร้างเต๋าของตนขึ้นมาได้อย่างไร เขาก็ไม่อาจจะสั่งสอนให้ผู้คนรอบข้างของเขาสร้างและตรัสรู้เต๋าของตนเองขึ้นมาได้
แต่รูปปั้นทั้งแปดนี้มันมีคลื่นพลังคล้ายคลึงกับเขาน้อยแห่งถงเทียน เพียงแค่ว่ามันยังไม่รุนแรงเท่าเขาน้อยแห่งถงเทียนเท่านั้น
สำหรับตัวหนิงเทียนปิงแล้วมันย่อมจะเป็นสุดยอดแหล่งในการเสาะหาเต๋าของตนเอง
แน่นอนว่าด้วยกำลังของหนิงเทียนปิงเองแล้วมันย่อมจะไม่มีทางได้ตรัสรู้สร้างเต๋าใดๆ
เพราะเต๋าทั้งหลายนี้มันเป็นสิ่งที่เหล่าแปดบรรพบุรุษของเผ่าเทวาได้สร้างไว้ให้ผู้มีร่างกายเป็นเผ่าเทวา ร่างกายของคนทั่วๆ ไปนั้นมันย่อมจะไม่อาจรับพลังนั้นได้
แต่เย่หยวนได้ใช้พลังของเขาน้อยแห่งถงเทียนออกมาช่วยเหลือหนิงเทียนปิงต่อต้านพลังนั้นไว้ทำให้เขาสามารถเรียนรู้และสร้างเต๋าของตนเองได้อย่างไม่ต้องกังวลให้มากมายนัก
“เต๋านั้นอยู่ที่ใจ เจ้าจงทำตามใจของตนเองเถอะ ชีวิตของเจ้านี้พบเจอความพ่ายแพ้น้อยจนเกินไป ประสบการณ์เฉียดตายครั้งนี้แหละที่มันจะช่วยให้เจ้าได้เข้าใจถึงสัจธรรม หากเมื่อเจ้าเปิดใจรับตัวตนที่แท้ของตนเองได้แล้วเจ้าก็จะสามารถหายอดเต๋าที่เป็นของเจ้าเองได้!” คำพูดของเย่หยวนนั้นดังกังวานในหัวหนิงเทียนปิง
หนิงเทียนปิงนั้นสั่นสะท้านไปทั้งร่างกายด้วยดวงตาที่เหมือนจะเข้าใจถึงโลกได้มากขึ้น
จนสุดท้ายเขาก็ค่อยๆ ปล่อยร่างกายลงรับพลังจากเต๋า
เดิมทีนี่ย่อมจะเป็นขั้นตอนที่อันตรายที่สุด
พลังของเต๋านั้นมันยิ่งใหญ่ปานใด? มีหรือที่คนทั้งหลายจะกล้าและจะทนมันได้?
หากเมื่อจิตแสวงเต๋าดับลงแล้วพวกเขาทั้งหลายก็คงทิ้งการบ่มเพาะใดสิ้น
แต่เย่หยวนนั้นช่วยเขารับพลังส่วนมากเอาไว้ปล่อยให้เขาสามารถศึกษาเต๋าได้อย่างไม่เป็นอันตรายใด
ที่ด้านข้างตัวหรูเฟิงต้องเบิกตากว้างสั่นสะท้านไปทั้งใจ!
“เจ้าเด็กคนนี้มันกลับไม่กลัวยอดเต๋าของเผ่าเทวาแม้แต่น้อย! นี่มัน… มันทำได้อย่างไรกัน?”
“ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเหตุใดเต๋าของมันจึงสูงล้ำได้ปานนี้? ข้าเกรงว่าแม้แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายก็ยังไม่เข้าใจเต๋าได้เท่ามัน!”
“บ้าไปแล้ว สัตว์ประหลาดชัดๆ ตัวตนเช่นนี้ไปปรากฏขึ้นในเผ่ามนุษย์ได้อย่างไร?”
หรูเฟิงนั้นเริ่มมีจิตสังหารอ่อนๆ แผ่ออกมาอีกครั้ง เวลานี้เขาคิดอยากจะสังหารเย่หยวนลงให้สิ้นไป
เพราะความอันตรายของเย่หยวนนี้มันมากจนเกินรับ
คนอย่างเย่หยวนนี้กลับไปเกิดขึ้นในฝั่งตรงข้ามมันย่อมจะเป็นภัยร้ายที่ไม่อาจปล่อยลอยนวล
แต่พอลองคิดดูอีกครั้งเขาก็ยังต้องกดจิตสังหารของตนเองลง
เขาอาจจะฆ่าสังหารเย่หยวนได้ แต่มันจะต้องแลกมาด้วยชีวิตคนตระกูลสายเลือดเร้นนับสิบๆ ล้าน
มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่มีทางจะเท่าเทียมได้
เผ่าเทวานั้นกำลังจะกลับมาเรืองอำนาจและยุคสมัยแห่งสงครามจะได้กลับมาอีกครั้ง พวกเขาทั้งหลายนี้ต่างล้วนเป็นกำลังสำคัญของเผ่าเทวาที่ไม่อาจทิ้งไปได้!
ในเวลานี้หนิงเทียนปิงได้เดินเข้าไปนั่งขัดสมาธิหน้ารูปปั้นหนึ่ง
เย่หยวนยิ้มและพยักหน้ารับเมื่อได้เห็น
บางทีในความโชคร้ายนั้นมันจะมีความโชคดีแฝงมาด้วย!
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มันกลับทำให้หนิงเทียนปิงบรรลุเป้าหมาย ลืมตาตื่นต่อโลกขึ้นแทน
การตายลงของโม่ลี่เฟยนั้นมันทำให้หนิงเทียนปิงต้องเจ็บช้ำอย่างมากแต่มันก็ช่วยเหลือเขามากเช่นกัน
หนิงเทียนปิงนั้นจะเริ่มเข้าสู่สภาวะการสร้างเต๋าของตนเองในอีกไม่ช้านี้แล้ว!
เรื่องราวที่เคยยากก่อนหน้ามันกลับกลายเป็นง่าย!
การสร้างเส้นทางเต๋านั้นสิ่งที่ยากที่สุดมันก็คือก้าวที่จะเริ่ม
คนทั้งหลายนั้นไม่อาจจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้แม้ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต
“โม่ลี่เฟย ท่านหลับให้สบายเถอะ!” เย่หยวนกล่าว
เพราะมันมีแต่ห้วงความเป็นความตายเท่านั้นที่คนเราจะลืมตาตื่นขึ้นถึงสัจธรรมของโลก
แต่ว่าสิ่งที่เย่หยวนคิดไม่ถึงก็คือการที่หนิงเทียนปิงก้าวขึ้นมาได้ถึงจุดนี้มันมิใช่แค่เพราะความเป็นความตายในครั้งนี้แต่เป็นเพราะการทำตามแบบอย่างของเย่หยวน
หลายต่อหลายปีมานี้เขาติดตามเย่หยวนไปไหนมาไหนด้วยเสมอ เห็นถึงปาฏิหาริย์ที่เย่หยวนสร้างขึ้นมาตลอดเวลา
ทุกคนรู้ว่าเย่หยวนนั้นคือเจ้าแห่งการโอสถในแดนใต้ รู้ว่าเขาคือรองมหาปราชญ์ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะได้พวกมันมา
ความทุกข์ยากที่เย่หยวนได้พบเจอนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่คนทั้งหลายจะจินตนาการได้
แต่เย่หยวนกลับไม่เคยกลัวหดหัวหนี
จิตแสวงเต๋าของเย่หยวนนั้นหนักแน่นปานใด หนิงเทียนปิงคงเป็นหนึ่งในคนไม่กี่คนที่รับรู้ถึงมัน
แม้ว่าตัวเขาจะมีโม่ลี่เฟยเป็นอาจารย์สั่งสอนวิชา แต่คนที่เปลี่ยนชีวิตของหนิงเทียนปิงไปมากที่สุดก็ยังเป็นเย่หยวน
หนิงเทียนปิงนั้นตั้งเย่หยวนไว้เป็นเป้าหมายชีวิต จึงได้พยายามลอกเลียนความคิดของเย่หยวนไปอย่างไม่รู้ตัว
คำพูดที่เย่หยวนกล่าวออกมาแต่ละครั้งนั้นมันส่งผลต่อจิตใจของเขาอย่างมาก
ไม่เช่นนั้นแล้วด้วยนิสัยของหนิงเทียนปิง เขาคงไม่อาจจะฟื้นสติกลับมาสงบลงได้ง่ายๆ หลังการตายของโม่ลี่เฟย
หากมิใช่เพราะเย่หยวน เวลานี้เขาคงไม่เป็นอันจะใช้ชีวิตใด
แต่เพราะหลายต่อหลายปีมานี้จิตใจของหนิงเทียนปิงได้พัฒนาขึ้นจนแข็งแกร่ง
จะอย่างไรเสียมันก็ต้องยอมรับว่าเย่หยวนมีพลังวิเศษที่ทำให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นได้
คนรอบๆ ตัวเขานั้นมักจะได้รับอิทธิพลจากตัวเขาอยู่เสมอ
เวลาผ่านไปวันต่อวัน ดวงตาของหนิงเทียนปิงนั้นมันก็มีแต่จะแจ่มจ้าขึ้น
ส่วนเย่หยวนเองก็ค่อยๆ ดึงพลังปกป้องกลับมาเรื่อยๆ ปล่อยให้หนิงเทียนปิงได้สัมผัสถึงพลังของยอดเต๋ามากขึ้น
คลื่นพลังจากร่างของหนิงเทียนปิงนั้นมันก็ค่อยๆ รุนแรงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ พลังเต๋าที่เขาสามารถทนรับไว้ได้เองมันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดจะไปศึกษาเต๋าใดๆ
เพราะนี่มันมิใช่เต๋าของเขา!
รูปปั้นทั้งหลายนี้มันเป็นแค่สิ่งที่แปดบรรพบุรุษสลักขึ้นมา
หากมันเป็นตัวอวตารเต๋าสวรรค์ที่แท้จริงแล้วตัวเย่หยวนอาจจะยังพอเรียนรู้อะไรได้บ้าง
เพราะเย่หยวนรู้สึกได้ว่าสิ่งนั้นมันคือเส้นทางที่แท้จริง!
ส่วนเหล่ารูปปั้นเหล่านี้เขาไม่คิดสนใจใดๆ
สามปีต่อมาหนิงเทียนปิงก็ลุกขึ้นมาร่ายรำด้วยท่าทางแปลกๆ
และท่าทางที่ว่านี้มันก็คือท่าทางของเหล่ารูปปั้นเทวาทั้งหลายนั้นเอง
มันเป็นเรื่องยากมากที่หนิงเทียนปิงจะเรียนรู้มัน ตอนแรกๆ เขานั้นไม่อาจทนทานพลังของมันได้จนต้องกระอักเลือดออกมาหลายครั้งระหว่างที่ทดลอง
แต่เขาก็ไม่ได้กังวลหรือคิดกลัวใดๆ พยายามลองใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลังจากผ่านไปได้สิบปี ในที่สุดเขาก็สามารถทำกระบวนท่าแรกได้สำเร็จ
หลังจากนั้นอีกห้าปี เขาก็ได้สำเร็จกระบวนท่าที่สอง
สามสิบปีจากนั้น เขาก็สามารถสำเร็จทั้งแปดกระบวนท่าได้!
ส่วนตัวเย่หยวนนั้นก็เฝ้าดูหนิงเทียนปิงอย่างใกล้ชิดมาถึงสามสิบสามปีเต็ม!
เวลานี้ลานศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าเผ่าเทวามันได้เปลี่ยนแปลงไปสิ้นเชิง
เพราะมันเกิดมีคลื่นพลังแห่งแนวคิดร่วงลงมาปกคลุม!
ทะเลแห่งแนวคิด!
เย่หยวนเบิกตาขึ้นทันทีด้วยความตื่นตะลึง
เพราะครั้งนี้หนิงเทียนปิงทำได้เหนือความคาดหมายเขาไปมาก!
เขานั้นได้ตรัสรู้บรรลุขึ้นมาสร้างเส้นทางเต๋าของตนเอง!
ทะเลแห่งแนวคิดตกลงปกคลุม! มันทำให้ทั้งลานศักดิ์สิทธิ์นี้เปลี่ยนไปสิ้น
คนทั้งหลายที่เดิมทีต่างกำลังศึกษาเต๋าอยู่ต้องหยุดมือลงและหันมามองดูที่ตัวหนิงเทียนปิงเป็นสายตาเดียว
…………….