“ผู้อาวุโสจีโม ตัวตนระดับโอสถบรรพกาลนั้นจะมาจัดงานยิ่งใหญ่ขนาดนี้เพียงเพื่อตัวอาจารย์ข้าหรือ?” หยุนยี่ร้องถาม
ในมหาพิภพถงเทียนนี้โอสถบรรพกาลนั้นเป็นดั่งเทพเจ้าของนักหลอมโอสถทุกผู้คน!
ในเต๋าโอสถนั้นมันไม่เคยมีใครก้าวข้ามโอสถบรรพกาลไปได้
เขานั้นเป็นดั่งเสาหลักที่ปักไว้มั่น ไม่มีใครกล้าจะท้าทาย
แม้ว่าตัวเย่หยวนนั้นจะเป็นดั่งเทพเจ้าในจิตใจของพวกหยุนยี่ทั้งหลายก็ตาม
แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นแค่จอมเทพโอสถเจ็ดดาว
พวกเขานั้นไม่เคยสงสัยว่าเย่หยวนจะก้าวขึ้นถึงระดับของโอสถบรรพกาลหรือมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้หรือไม่
แต่มันยังมิใช่ในเวลานี้
สภาพของเย่หยวนในเวลานี้หากไปปะทะกับโอสถบรรพกาลแล้วมันย่อมจะไม่ได้ต่างไปจากการเอาไข่ไปทุบหิน
จีโมยิ้มตอบกลับมาเมื่อได้ยิน “โอสถบรรพกาลนั้นย่อมเหนือล้ำฟ้าดิน เขานั้นไม่ได้ด้อยกว่าเหล่าเต๋าบรรพกาลเสียด้วยซ้ำในด้านการโอสถ! ก่อนหน้านั้นอาจารย์ข้าเองก็คิดกับเขาเหมือนดั่งเป็นเทพเจ้า แต่ตั้งแต่ ‘อย่าถาม’ นั้นมาท่านอาจารย์ข้าก็ทิ้งความรู้สึกเช่นนั้นทิ้งสิ้น ก็จริงที่ว่าโอสถบรรพกาลนั้นเก่งกาจล้ำฟ้าแต่เขานั้นเป็นคนจิตใจคับแค้นไม่ปล่อยให้ใครก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันได้! ท่านอาจารย์ข้าเองก็ต้องจิตตกไปหลายสิบล้านปีหลังจบ ‘อย่าถาม’ นั้นและไม่อาจจะลุกขึ้นยืนได้ง่ายๆ หากมิใช่เพราะเรื่องนั้นแล้วเวลานี้ฝีมือของท่านอาจารย์อาจจะไม่ด้อยกว่าโอสถบรรพกาลไปแล้ว!”
“บ้าน่า!” สีหน้าของพวกหยุนยี่ทั้งหลายถอดสีไป
พวกเขาทั้งหลายย่อมจะไม่มีทางยอมรับได้ง่ายๆ ว่าเทพเจ้าที่พวกเขานับถือนั้นกลับเป็นคนนิสัยเช่นนั้น!
โอสถบรรพกาลนั้นคือเสาหลักแห่งวงการโอสถ เมื่อใดก็ตามที่เกิดสิ่งใดขึ้นกับเสาหลักนี้ความคิดแรกของผู้คนย่อมจะเป็นความไม่เชื่อ
พลังและตำแหน่งนั้นบางครั้งมันก็ปิดซ่อนอะไรไว้หลายอย่าง
เขานั้นเก่งกาจจึงมีสิทธิทำทุกสิ่งอย่าง
ต่อให้มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลจะเอาเรื่องของโอสถบรรพกาลไปกล่าวว่าในที่ใดมันก็คงถูกผู้คนคิดว่าเขาพูดจาไร้สาระคิดกล่าวหาทำลายชื่อเสียงโอสถบรรพกาลเพราะตัวเองพ่ายแพ้
เวลานี้เมื่อได้ยินจีโมกล่าวว่าเช่นนี้พวกหยุนยี่ทั้งหลายต่างก็แสดงสีหน้าท่าทางเช่นนั้นออกมา
จีโมนั้นไม่ได้คิดจะกล่าวว่าใดๆ อธิบายเรื่องราว
แต่เย่หยวนกลับยิ้มออกมา “คนเราจะอย่างไรก็เป็นคน! ไม่ว่าจะเป็นเหล่าเจ้าฟ้าดินทั้งหลายเองก็ตาม พวกเขาต่างมิใช่เทพเจ้าใดๆ ทั้งสิ้น สุดท้ายพวกเขาก็ยังมีเจ็ดอารมณ์หกความอยาก แม้ว่าโอสถบรรพกาลนั้นจะเป็นยอดคนในการโอสถแต่ก็น่าเสียดายที่ในความเป็นจริงเขากลับเป็นคนเช่นนี้ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทั้งหลายคงไม่คิดอยากเชื่อแต่ข้านั้นเชื่อเพราะว่าตัวข้านั้นได้เผชิญกับเศษเสี้ยวของตัวเขาใน ‘อย่าถาม’ มาแล้ว”
“นี่มัน… เรื่องนั้น…”
พวกหยุนยี่ย่อมไม่รู้ต้องพูดอะไรเพราะรู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบที่เคยเชื่อว่ามีอยู่มันกลับเป็นแค่ความว่างเปล่า
จีโมกล่าวขึ้น “สิ่งที่เรียกว่างานประชุมโอสถสหภูมิภาคนี้แท้จริงมันก็จัดขึ้นเพื่อทำลายความมั่นใจของรองมหาปราชญ์ คิดบั่นทอนจิตแสวงเต๋าของเขา ทำเช่นนี้แล้วรองมหาปราชญ์จะได้ไม่ทำให้ชื่อเสียงของโอสถบรรพกาลตกต่ำ”
หยุนยี่และพวกต่างหันไปมองเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึง
ทีแรกพวกเขาทั้งหลายยังคิดว่าเป็นเกียรติที่เย่หยวนได้รับเชิญ แต่เวลานี้พวกเขากลับอดไม่ได้ที่จะห่วงเย่หยวนขึ้นมา
หากพวกเขาต้องเลือกระหว่างโอสถบรรพกาลและเย่หยวนแล้ว พวกเขาย่อมจะเลือกเย่หยวนอย่างไม่ต้องสงสัย
“อาจารย์ ท่าน… ปฏิเสธคำเชิญไปจะดีหรือไม่?” หยุนยี่ถาม
แต่เย่หยวนกลับยิ้มกว้างขึ้น “ตั้งแต่ที่ข้ามาถึงมหาพิภพถงเทียนนี้ข้าก็เข้าใจอยู่แล้วว่าสักวันจะต้องได้ปะทะกับโอสถบรรพกาลเข้า เวลานี้มันมีโอกาสอยู่ตรงหน้ามีหรือที่ข้าจะพลาดมันไปได้?”
“ต-แต่นั่นมันโอสถบรรพกาลเลยนะ!” หยุนยี่ร้อง
เย่หยวนตอบกลับไป “โอสถบรรพกาลแล้วทำไมเล่า? หยุนยี่ มีแต่ผู้ไม่นับถือเทพเท่านั้นที่จะกลายเป็นเทพได้! หากเจ้าคิดว่าอาจารย์ของเจ้านี้เป็นดั่งเทพเจ้าต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตเจ้าก็จะไม่มีวันก้าวข้ามอาจารย์ไปได้! พรสวรรค์ของเจ้า ความมุ่งมั่นของเจ้า นิสัยของเจ้านั้นล้วนแล้วแต่เหนือล้ำ! แต่หากเจ้าไม่อาจเอาชนะความกลัวในหัวใจได้เจ้าก็จะเป็นได้แค่ศิษย์ของข้าไปตลอดกาล! ในหัวใจของยอดคนนั้นมันมีแค่ความเคารพ ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด!”
หัวใจของยอดคนนั้นมันมีแค่ความเคารพ ไร้ซึ่งความหวาดกลัว!
คำพูดนี้มันเหมือนดั่งสายฟ้าฝ่าลงกลางใจของคนทั้งหลาย
แม้แต่จีโมเองก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย
เขานั้นไม่ได้มีจิตใจที่นับถือโอสถบรรพกาลเป็นเทพใดๆ แต่เขานั้นนับถือตัวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเป็นดั่งพระเจ้า!
ความเคารพนับถือนี้มันฝังแน่นในใจลงถึงกระดูกจากการบ่มเพาะฝึกฝนภายใต้การสั่งสอนของเขามานับสิบล้านปี
การก้าวข้ามอาจารย์นั้นมันไม่เคยปรากฏขึ้นในความคิดของเขาเลย!
แต่วินาทีนั้นเองเขาก็ต้องนึกถึงคำพูดที่ยี่เคยกล่าวและได้เข้าใจว่าเหตุใดเย่หยวนจึงก้าวมาถึงจุดนี้ได้
เย่หยวนยิ้มขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “ข้านั้นเคยบอกว่าข้ามีมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเป็นคู่ปรับ แต่มันมิใช่คำพูดอวดตัวใดๆ มันเป็นคำพูดที่ข้ากล่าวบอกตัวเองและประกาศถึงความกล้าที่จะก้าวข้ามเขาไป! แม้ฝีมือของข้าจะยังต่ำต้อยกว่าเขาไปมากมายแต่แล้วทำไมเล่า? ข้านั้นจะพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อทำให้คำพูดของข้านั้นเป็นจริง! ต่อให้จะล้มเหลวข้าจะก็ไม่เสียใจที่กล่าวพูดเช่นนั้นออกไป! ข้าคิดว่าตัวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็คงไม่ได้แตกต่างจากข้าไปนัก เขานั้นกำลังนั่งรอให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างตื่นเต้น! ข้านั้นเคารพมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเพราะความช่วยเหลือที่เขามีให้ข้ามากมาย แต่ก็เพราะว่าเขานี้คือศัตรูที่ควรค่าจะแสดงความเคารพ! น่าเสียดายที่โอสถบรรพกาลนั้นมิใช่!”
จีโมลืมแม้แต่จะหายใจ!
คำพูดนี้ของเย่หยวนมันราวกับเป็นคำพูดของอาจารย์เขาในวันนั้น!
หรือว่านี่คือความลับที่ยอดคนทั้งหลายรู้กัน?
อาจารย์เขานั้นเคยบอกไว้ว่าตัวเองไม่กลัวที่จะล้มเหลวหรือพ่ายแพ้!
สิ่งที่เขากลัวคือจะไม่มีใครเป็นคู่มือด้วย!
แม้ว่าเวลานี้เย่หยวนจะยังมีฝีมือต่ำต้อยกว่าอาจารย์เขาไปมาก
แต่เย่หยวนกลับมีความคิดเหนือล้ำจนเขาไม่กล้าจะเอาตัวไปเทียบ!
ที่ด้านข้างนั้นหยุนยี่เองก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างเช่นกัน
เขานั้นได้เข้าใจว่านี่คือคำสอนที่อาจารย์ของเขาสอนเส้นทางสู่การเป็นยอดคนให้
การสั่งสอนนี้มันไม่ใช่วิชาใดๆ มันคือการสั่งสอนถึงจิตใจของยอดคน!
มีเพียงคนที่ไม่นับถือเทพเท่านั้นที่จะกลายเป็นเทพได้!
เขานั้นคิดว่าตัวเองเคารพกราบไหว้คนทั้งหลายได้ถูกต้อง
แต่เป็นเวลานี้เองที่เขาได้รู้ว่าตนเองผิดพลาดไปแค่ไหน
เคารพก็คือเคารพ กลัวก็คือกลัว
จงเคารพแต่อย่าหวาดกลัว!
หยุนยี่นั้นหายใจเข้าลึกพยักหน้ารับ “ท่านอาจารย์ ข้าเข้าใจแล้ว!”
เย่หยวนยิ้มออกมา “หากเจ้าเข้าใจแล้วก็จงฝึกฝนจิตใจให้หนักแน่น! รู้มันก็รู้ไป แต่การจะทำตามสิ่งที่รู้จริงๆ นั้นยากเย็นดั่งการขึ้นสวรรค์!”
จีโมเองก็ลุกขึ้นก้มหัวลงต่อเย่หยวนอย่างสุดตัว “ขอบคุณรองมหาปราชญ์ที่ชี้แนะ!”
เย่หยวนรับมันไว้ด้วยรอยยิ้ม “ที่โอสถบรรพกาลเคลื่อนไหวนี้คงเพราะโอสถจุติฟื้นโกลาหลแล้ว?”
จีโมพยักหน้ารับก่อนที่จะปล่อยให้เย่หยวนกล่าวขึ้นต่อ “การหลอมโอสถจุติฟื้นโกลาหลขึ้นมานั้นมันทำให้ข้าสัมผัสได้ถึงรากกำเนิดของเต๋าโอสถ ดูท่าแล้วมันจะยังมีอีกระดับเหนือกว่าอาณาจักรบรรพกาลขึ้นไป! ทั้งโอสถบรรพกาลทั้งมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็คงอยู่ในระดับนี้กัน”
จีโมหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะถามขึ้นมา “รองมหาปราชญ์มั่นใจในศึกนี้เพียงใด?”
เย่หยวนส่ายหัวตอบกลับมาอย่างทันที “ไม่ถึงหนึ่งในสิบ!”
นั่นทำให้คนทั้งหลายหน้าถอดสีไปตามๆ กันแต่เย่หยวนกลับหัวเราะขึ้น “แต่หากโอสถบรรพกาลคิดจะใช้วิธีนี้ทำลายจิตแสวงเต๋าของข้าแล้วเขาก็คงคิดการเสียเปล่า เอาล่ะ ท่านกลับไปก่อนเถอะ ข้าจะแวะไปยังเขาแห่งถงเทียนก่อน หลังจากบรรลุอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้วข้าจะไปหาท่านที่วิหารนักบวชเอง”
จีโมก้มรับคำก่อนจะเดินทางจากไป
เย่หยวนนั้นมีความมั่นใจแต่เขาก็ประเมินตัวเองเป็น
ศัตรูในครั้งนี้คือยอดคนอันดับหนึ่งในวิชาการโอสถแห่งมหาพิภพถงเทียน!
คนผู้นี้ยืนหยัดอยู่บนจุดสูงสุดของเส้นทางโอสถแห่งมหาพิภพถงเทียนมานับล้านๆ ปี ไม่เคยมีใครจะสั่นคลอนตำแหน่งนี้ลงได้
ฝีมือของเขานั้นเป็นเช่นใดคงไม่ต้องอธิบายกัน
การเป็นที่หนึ่งมันย่อมจะหมายถึงว่าต้องเอาชนะทุกคำท้าทาย!
และผู้ท้าทายนั้นมันก็ไม่ได้มีแต่ตัวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล
การที่โอสถบรรพกาลจะยืนหยัดมาได้จนถึงวันนี้อย่างไม่พ่ายแพ้ลง มันย่อมจะหมายถึงว่าเขานั้นมีฝีมือที่เด็ดขาดไม่มีใครโค่นลงได้
เมื่อเจอศัตรูในระดับนั้น มีหรือที่เย่หยวนจะมั่นใจว่าจะเอาชนะได้?
แต่แล้วทำไม?
เย่หยวนผู้นี้รู้จักคำว่าพ่ายแพ้แต่ไม่รู้จักคำว่ายอมแพ้!
………………….