มาเมืองตีนใต้อีกครั้งนี้เวลามันก็ผ่านไปได้แล้วกว่าสองพันปี
มาถึงในครั้งนี้เขารู้สึกแตกต่างไปจากก่อนอย่างสิ้นเชิง
ก่อนนั้นเขามายังที่แห่งนี้เพราะไม่อาจจะบรรลุขึ้นอาณาจักรวายุพระเจ้าได้ต้องฝ่าฟันอันตรายมากมายกว่าจะมาถึงและได้รับการดูแลจากเฒ่าขี้เมาคนนั้น จึงสามารถจะบรรลุผ่านคอขวดที่ยาวนานที่สุดในชีวิตนั้นมาได้
เมื่อนึกย้อนกลับไปเวลานี้เมื่อได้เห็นเหล่าทหารอาณาจักรราชันพระเจ้าทั้งหลายรอบๆ กายเย่หยวนก็รู้สึกเหมือนว่าโลกมันได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เวลานี้เขานั้นปิดกั้นพลังของตัวเองลงเพื่อจะไม่ดึงดูดความสนใจให้มากมายนัก
“ไม่ได้เจอกันนาน ไม่รู้เฒ่าขี้เมาจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
เย่หยวนเดินมือไพล่หลังเข้ามาถึงเมืองอย่างเชื่องช้าและมาจนถึงหอผู้ดูแล
เฒ่าขี้เมานั้นยังคงนั่งดื่มเหล้าอย่างไม่สนสายตาใคร ดูท่าแล้วคงเมาไม่น้อยเหมือนเดิม
เมื่อสัมผัสได้ว่ามีคนมาถึงเฒ่าขี้เมาก็โยนแผ่นไม้ออกมาและกล่าวไล่ “รีบๆ ไปให้พ้นเสีย อย่าได้มาขวางการดื่มของเฒ่าผู้นี้!”
เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับไป “หึๆ ผู้อาวุโสท่านยังคงมีนิสัยท่าทางเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน!”
เฒ่าขี้เมานั้นสะดุ้งตัวขึ้นทันทีก่อนจะหันหน้ามาหาอย่างตื่นตะลึง
“เป็นเจ้า!”
เขานั้นมองดูเย่หยวนตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไม่เลวๆ! ท่านหวู่เฉินมีสายตาที่ไม่ผิดจริงๆ บ่มเพาะจนขึ้นมาถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าขั้นสุดด้วยเวลาแค่สองพันปีนี้มันเป็นความเร็วที่เหนือฟ้าดินนัก! ก่อนนั้นแม้แต่ท่านนิรันดร์เองก็ยังไม่เร็วได้เท่านี้ ที่เจ้ามาวันนี้คงเพื่อหาทางบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์แล้ว?”
เย่หยวนในเวลานี้หากเขาคิดปกปิดพลังของตัวเองนั้นอย่าว่าแต่เฒ่าขี้เมาใดๆ นี้ ต่อให้จะเป็นเทพสวรรค์ทั้งหลายก็คงไม่อาจจะมองมันออกได้เลย
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ก็ประมาณนั้น ผู้อาวุโสหลายปีมานี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
เฒ่าขี้เมาตากระตุกขึ้นมาก่อนจะยิ้มรับ “ดี ดีมากๆ! ข้าดูแลเมืองตีนใต้นี้อยู่มันจะยังมีเรื่องใดไปได้ ฮ่าๆๆ…”
เขานั้นคิดว่าตนเองปิดบังไว้อย่างดีแต่ไม่ได้รู้เลยว่าสีหน้าของตนนั้นมันถูกเย่หยวนจับได้สิ้น
แต่เย่หยวนก็ไม่คิดจะถามล้วงลึกใดๆ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดบอก เขาก็ไม่คิดจะถามใดๆ
การพบเจอของคนทั้งสองนั้นมันย่อมจะไม่มีทางจบลงได้ด้วยการทักทายแค่สองสามคำ
แต่ระหว่างที่พูดคุยถามถึงเรื่องราวกันไปฝ่ายเฒ่าขี้เมานั้นก็เหมือนจะอยากไล่เย่หยวนไปให้พ้นๆ
เย่หยวนเองก็เข้าใจได้และขอบคุณเรื่องราวในครั้งก่อน ก่อนจะที่กลับไปหาที่พักด้านนอก
วันต่อมาเขาก็รีบเดินทางขึ้นเขาแห่งถงเทียนไป
เมื่อเฒ่าขี้เมาดูเย่หยวนเดินจากขึ้นเขาไปแล้วเขาก็หันหน้ากลับมายังเมืองตีนใต้
หลังจากกลับมาถึงที่พักผู้ดูแลนั้นเขาก็ได้พบว่าภายในห้องมันมีผู้คนอยู่เต็มห้อง
ตรงกลางของคนทั้งหลายนั้นมันมีชายหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมมองดูเฒ่าขี้เมาด้วยสายตาเหยียดหยาม
ส่วนที่ด้านหลังชายหนุ่มนั้นมีสองสาวใช้กำลังนวดบ่าทั้งสองข้างของเขาไว้ด้วยท่าทางสุดแสนสุขสบาย
“เจ้าชั่ว ทำไมเจอนายน้อยแล้วยังไม่คิดคุกเข่าอีก!”
ปัง!
ที่ด้านหลังเฒ่าขี้เมานั้นมีนักยุทธผู้หนึ่งเตะเท้าออกมาหักเขาของเฒ่าขี้เมาทำให้เขาต้องคุกเข่าลงกับพื้น
นายน้อยผู้นั้นกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าไร้กังวลใด “เฒ่าขี้เมา เจ้ารู้ความผิดของตนหรือไม่?”
เฒ่าขี้เมาไม่ได้แสดงสีหน้ารู้สึกผิดใดๆ ตอบกลับไปพร้อมยกเหล้าขึ้นมาจิบ “เฒ่าผู้นี้ไปทำอะไรผิดหรือ?”
ชายหนุ่มจึงตอบกลับมา “จะตีหมาใครก็ดูหน้าเจ้าของด้วย! นายน้อยผู้นี้ส่งตัวหลินซิ่วมาเป็นผู้ช่วยเจ้าแต่เจ้ากลับสังหารมันลง! คิดจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?”
เฒ่าขี้เมาหัวเราะเย้ยออกมา “หลินซิ่วมาเป็นผู้ช่วย? วินาทีที่มันมาถึงมันก็ใช้ชื่อนายน้อยๆ สั่งให้เฒ่าคนนี้กลายเป็นแค่หัวโขน! แต่เรื่องนั้นมันย่อมไม่เป็นปัญหา เฒ่าคนนี้ชอบที่จะอยู่สบายๆ อยู่แล้ว! แต่สิบปีที่เจ้าหลินซิ่วมันมีอำนาจนี้มันกลับเรียกราคาผู้คนจนสูงล้ำฟ้าทั้งยังขื่นใจฆ่าสังหารนักยุทธหญิงไปนับร้อย! เฒ่าผู้นี้ต้องยั้งมือไม่ให้ฆ่ามันไปหลายครั้งแต่มันกลับเปลี่ยนจากเลวเป็นร้ายคิดสังหารเฒ่าผู้นี้แทน! เฒ่าผู้นี้ย่อมจะไม่อาจทนท่าทางนั้นได้จึงสังหารมันลงด้วยอารมณ์โกรธ มันมีความผิดใดเล่า?”
เฒ่าขี้เมานั้นกล่าวออกมาด้วยสีหน้าท่าทางหนักแน่นในความถูกต้องของตนเอง แต่ชายหนุ่มนั้นกลับมีใบหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
ราวกับว่าเหล่านักยุทธหญิงที่ตายไปนั้นมันเป็นแค่หมูแค่หมา
หากให้พูดถึงเวลาที่ผ่านๆ มานั้นเฒ่าขี้เมาเองก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
จนเมื่อสิบปีก่อน
สิบปีก่อนนั้นเฒ่าขี้เมาได้ใช้เวลาแต่ละวันอย่างหนักหน่วงหัวใจ
เจ้าหลินซิ่วนั้นมันชั่วช้าหื่นกาม
นักยุทธหญิงผู้ใดที่มีหน้าตาสะสวยล้วนไม่อาจหนีจากมือของมันได้สิ้น
และนอกจากจะขื่นใจผู้คนแล้วมันจะสังหารพวกนางทิ้งหลังเสร็จกิจ!
เขานั้นเป็นคนที่ยึดถือความยุติธรรมเกลียดชังเรื่องราวเช่นนี้อย่างที่สุด
สิบปีมานี้เขาจึงแทบอยากจะสังหารมันลงให้รู้แล้วรู้รอดไปหลายครา
แต่ตัวหลินซิ่วนั้นเป็นญาติของนายน้อยผู้นี้ ใช้พลังของนายน้อยนี้ทำให้ไม่คิดสนใจใดๆ ตัวเฒ่าขี้เมานี้เลย
เพราะสุดท้ายเฒ่านี้เมานั้นก็เป็นแค่เทพถ่องแท้คนหนึ่ง
เขานั้นย่อมจะเก่งกาจมากมายล้ำกว่าที่เหล่าราชันพระเจ้าจะเทียบเคียงได้ แต่สุดท้ายแล้วเมื่ออยู่ต่อหน้าคนผู้นี้เขาก็เป็นแค่มดปลวก
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นเขาจึงได้แต่ต้องพยายามห้ามด้วยวาจา
แต่ตัวหลินซิ่วนอกจากจะไม่ฟังแล้วยังกลับเปลี่ยนจากเลวเป็นร้ายได้ใจขึ้นทุกวี่วัน
จนสุดท้ายเฒ่าขี้เมาอดทนไม่ไหวต้องลงมือช่วยเหลือหญิงสาวที่จะตกเป็นเหยื่อของหลินซิ่วแต่ภายใต้ความไม่พอใจนั้นของหลินซิ่วมันกลับคิดจะสังหารเฒ่าขี้เมา
เขานั้นคิดว่าเฒ่าขี้เมาคงไม่กล้าตอบโต้แต่ใครจะไปคิดว่าความโกรธแค้นนับสิบปีของเฒ่าขี้เมาเองก็ระเบิดออกมาพร้อมกัน ฆ่าสังหารหลินซิ่วลงด้วยฝ่ามือเดียว
หลินซิ่วนั้นทั้งเมาและหื่นกาม มีหรือที่จะมีฝีมือเทียบเคียงเฒ่าขี้เมานี้ได้?
เพียงแค่ว่าเรื่องนั้นมันย่อมทำให้นายน้อยนั้นไม่พอใจ
เฒ่าขี้เมานั้นรู้ว่านายน้อยผู้นี้จะมาถึงในอีกสองวันจึงไม่คิดอยากให้เย่หยวนอยู่นานไปกว่านั้นและไม่ได้พูดกล่าวถึงเรื่องนี้ใดๆ
“เพียงแค่มดปลวก หลินซิ่วนั้นชื่นชอบพวกมันถือว่าเป็นโชคของพวกมันแล้ว มันใช่หน้าที่เจ้าไปกล่าวว่าหรือ?” นายน้อยกล่าว
ตัวเฒ่าขี้เมานี้เองก็รู้มาแต่แรกว่ามันคงจบลงเช่นนั้น เขาจึงยกเหล้าขึ้นมาดื่มอีกครั้งก่อนจะหุบปากเงียบลง
ทั้งถังยู่เฉิงทั้งหลินซิ่วนั้นมันต่างก็ชั่วช้าไม่แพ้กัน!
ไม่ว่าเขาจะพูดกล่าวใดๆ ออกไปมันก็คงไม่อาจหลบพ้นความตายได้
เหล่าคนทั้งหลายที่มาในวันนี้ แค่นับเหล่าเทพสวรรค์มันก็มีไม่น้อยแล้ว ตัวเขาย่อมไม่มีทางหนีรอดได้
เมื่อได้เห็นเฒ่าขี้เมาปิดปากเงียบเช่นนั้นถังยู่เฉิงก็สั่งออกมา “ดูท่าเจ้าจะยังพอรู้ตัว ส่งมันไปเสีย! ชิงเหอ จากวันนี้ไปเจ้าเป็นผู้ดูแลเมืองตีนใต้แทน”
ที่ด้านข้างของถังยู่เฉิงลูกน้องของเขาก็คนหนึ่งก็กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณนายน้อยที่ทรงเมตตา!”
ถังยู่เฉิงนั้นยกมือขึ้นสั่งลูกน้องอีกคนให้จัดการเรื่องราว
เทพสวรรค์ผู้หนึ่งเดินออกมาตรงหน้าเฒ่าขี้เมาที่ยังคุกเข่าอยู่
เฒ่าขี้เมานั้นหัวเราะลั่นเปิดปากยกเหล้าขึ้นดื่มอย่างไม่สนใจโลก
เทพสวรรค์ผู้นั้นเองก็ไม่พูดกล่าวใดๆ ผลักฝ่ามือลงกลางหัวเขา
แต่ก่อนที่ฝ่ามือนั้นมันจะประทับลงถึงมันกลับเกิดเสียงดาบแหวกอากาศขึ้นมาจากด้านบน
ฉัวะ!
เทพสวรรค์ผู้นั้นถูกสับขาดเป็นท่อนทันที ตายอย่างไม่ต้องตรวจสอบใดๆ
พร้อมๆ กันนั้นมันก็มีเงาร่างหนึ่งเดินออกมาข้างกายเฒ่าขี้เมา
ลูกน้องของถังยู่เฉิงทั้งหลายต่างแตกแยกกันออกมาล้อมตัวเย่หยวนไว้
เฒ่าขี้เมานั้นมองดูเย่หยวนอย่างตกตะลึงไม่อาจกล่าวพูดใดๆ ได้
เขานั้นไม่ทันได้เห็นว่าเหตุใดเทพสวรรค์ผู้นั้นจึงตายลงได้ด้วยดาบเดียว
หรือว่า… พลังของเย่หยวนในเวลานี้มันจะมิใช่แค่ราชันพระเจ้า?
ไม่สิ จะอย่างไรเขาก็มองส่งเย่หยวนผ่านเส้นทางขึ้นเขาไปแล้ว เหตุใดเขาจึงปรากฏกายออกมาได้อีกครั้ง?
เฒ่าขี้เมานั้นพยายามเบิกตามองดูเย่หยวนแต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่อาจจะเห็นใบหน้าของเย่หยวนได้ชัดเจนนัก
มันราวกับว่าที่อยู่ตรงหน้าของเขานี้คือเขาแห่งถงเทียนที่สูงส่งลึกลับ!
“เย่หยวน เจ้า… เจ้า…”
เฒ่าขี้เมานั้นไม่อาจจะพูดกล่าวใดๆ ได้นอกจากนั้น
เย่หยวนยิ้มรับ “ผู้อาวุโสท่านจะคิดกับข้าเหมือนคนอื่นคนไกลเกินไปแล้ว! วางใจเถอะ มีข้าอยู่ด้วยย่อมจะไม่มีใครทำอะไรท่านได้!”
ถังยู่เฉิงยกเหล้าขึ้นมาดื่มก่อนจะกล่าวอย่างดูถูก “ทำอะไรมันไม่ได้? เมื่อข้าถังยู่เฉิงคิดสังหารใครมันก็ย่อมต้องตาย ไม่มีใครจะหยุดข้าได้!”
เย่หยวนจึงมองดูไปที่ใบหน้าของเขาด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ต้องขอโทษด้วย วันนี้คงเป็นครั้งแรกที่เจ้าต้องได้เจอข้อยกเว้นแล้ว”
……………