ท่านซินหยู่ผู้นั้นกลับกำลังก้มหัวขอโทษเทพสวรรค์!
ในจิตใจของเหล่าลูกน้องทั้งหลายนั้นท่านซินหยู่ผู้นี้ย่อมจะเป็นตัวตนที่สูงล้ำฟ้าดินควบคุมชีวิตของผู้คนได้ด้วยแค่ลมหายใจ
แต่ตัวตนเช่นนั้นกลับกำลังก้มหัวขอโทษเทพสวรรค์!
ที่สำคัญนี่ยังเป็นเทพสวรรค์ที่เพิ่งสังหารจักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้เป็นลูกน้องเขาลงถึงสองคน
หากตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์ซุนหยูและจักรพรรดิเทพสวรรค์เฟิงหวู่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งพวกเขาก็คงต้องอกแตกตายเมื่อได้เห็นภาพนี้
พวกเขานั้นมั่นใจเต็มที่ว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ซินหยู่จะทวงถามแก้แค้นให้
แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์ซินหยู่กลับมาขอโทษแทน!
พื้นที่รอบเขาแห่งถงเทียนนี้มันอยู่ห่างไกลจากแดนใต้ไปมากมายเหล่าคนทั้งหลายย่อมจะไม่อาจเข้าถึงข้อมูลตัวตนยิ่งใหญ่ของรองมหาปราชญ์ได้
ที่ด้านข้างนั้นตัวเฒ่าขี้เมาไม่อาจจะหุบปากที่อ้าค้างลงได้พักใหญ่ๆ แล้ว
จักรพรรดิเทพสวรรค์สามดาวกลับมาก้มหัวขอโทษยอมรับผิดต่อเย่หยวน
เรื่องราวก่อนหน้านี้เองเขาก็ยังไม่อาจจะทำใจเชื่อลงไปได้
เขานั้นคิดว่าแค่การฆ่าสังหารพวกจักรพรรดิเทพสวรรค์ซุนหยูลงมันก็คงเป็นที่สุดที่เย่หยวนจะทำได้แล้ว
แต่การขอโทษของจักรพรรดิเทพสวรรค์ซินหยู่นี้มันยิ่งทำให้สมองของเขาไม่อาจเข้าใจเรื่องราวได้อีก
“ช่างเถอะ พวกมันก็ตายไปแล้ว เรื่องราววันนี้ก็ให้มันจบเท่านี้! เป็นเรื่องของเฒ่าขี้เมาคนนี้ต่างหากที่ข้ากังวล เขานั้นเป็นสหายเก่าแก่ของเย่ผู้นี้ เย่ผู้นี้อยากขอร้องให้พี่ซินหยู่คืนประทับเสี้ยวจิตให้เขาได้หรือไม่?” เย่หยวนถามขึ้น
ซินหยู่หันมามองที่เฒ่าขี้เมาจนทำให้ร่างกายของเฒ่าขี้เมาสั่นสะท้าน
เมื่อถูกจักรพรรดิเทพสวรรค์สามดาวจ้องมองเช่นนั้นตัวเขาย่อมจะรู้สึกหวาดกลัวเป็นธรรมดา
“ได้แน่นอน!” จักรพรรดิเทพสวรรค์ซินหยู่ยิ้มตอบ
เฒ่าขี้เมานั้นมองดูภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง นี่เขาจะได้ประทับเสี้ยวจิตกลับมาง่ายๆ เช่นนี้?
เขานั้นต้องทนอยู่มานับสิบๆ ปีอย่างที่แม้อยากไปที่อื่นก็ไม่อาจไปได้
ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับจะแก้ไขมันได้ด้วยคำพูดเดียว
นี่มันแตกต่างจากสิ่งที่เขาเข้าใจจนเกินไปแล้ว!
เพราะแท้จริงแล้วถังยู่เฉิงก็เข้าใจโลกได้ถูก
ต่อหน้าจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้ว นักยุทธทั้งหลายย่อมเป็นแค่มดปลวกไร้ค่า
จะช่วยหรือฆ่ามันก็ไร้ซึ่งปัญหาใดๆ เพียงแค่ว่าคนที่จะพูดกล่าวขอคนเช่นนี้ได้มันย่อมต้องเป็นคนระดับเดียวกัน
ดูท่าตัวเย่หยวนคงก้าวขึ้นไปถึงจุดนั้นแล้ว
เฒ่าขี้เมานั้นมองดูเย่หยวนและพยายามนึกย้อนกลับไปถึงเด็กหนุ่มเมื่อสองพันปีก่อน
เขานั้นได้เห็นอย่างชัดเจนว่านี่ยังเป็นคนเดียวกัน แต่กลับเปล่งประกายแตกต่างจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง
มันมิใช่ตัวเย่หยวนที่เปลี่ยน แต่เป็นมุมมองของตัวเขาเองที่เปลี่ยนไป!
“ท่านรองมหาปราชญ์มาที่นี่คงเพื่อจะขึ้นเขาแห่งถงเทียนไปศึกษาเต๋าแล้ว?” ซินหยู่ถาม
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว ข้ามาเพราะคิดจะขึ้นเขา”
ซินหยู่จึงกล่าวขึ้น “ในเมื่อรองมหาปราชญ์ท่านอยากขึ้นเขาก็มาที่เมืองบัวเขียวเถอะ ที่แห่งนั้นมันเป็นที่สำหรับเหล่าคนที่อยู่เหนือราชันพระเจ้าขึ้นไป”
แต่เย่หยวนกลับตอบไปด้วยท่าทางไม่สนใจ “ไม่ต้องหรอก ข้าจะขึ้นไปจากตรงนี้แหละ”
ซินหยู่ผงะไปเล็กน้อยก่อนจะร้องขึ้น “รองมหาปราชญ์ ท่านขึ้นไปจากทางนี้ไม่ได้”
เย่หยวนยิ้มรับแต่ก็ไม่คิดจะพูดกล่าวใดๆ กับซินหยู่และหันไปหาเฒ่าขี้เมาแทน “ผู้อาวุโสขี้เมา ท่านเดินทางไปกับพวกเขา ไปเอาประทับเสี้ยวจิตคืนและรอข้ากลับลงเขามา”
พูดจบเย่หยวนก็ไม่คิดสนใจใครๆ เดินมาถึงทางขึ้นเขาแห่งถงเทียนทันที
จากนั้นเย่หยวนก็เดินทะลุผ่านทางขึ้นนั้นไป
โดยที่เขาแห่งถงเทียนไม่แสดงท่าทีปฏิเสธใดๆ แม้แต่น้อย
ซินหยู่เบิกตากว้างขึ้นอย่างประหลาดใจ
“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน? การไม่คิดสนใจกฎของเขาแห่งถงเทียนนี้มันคงมีแต่เหล่าเจ้าฟ้าดินที่ทำได้! เขา… จะดูอย่างไรเขาก็แค่เทพสวรรค์แท้ๆ! หรือว่าเต๋าของเขานั้นมันลึกล้ำจนถึงระดับนั้นไปแล้ว? แต่ในเมื่อเขาขึ้นถึงระดับนั้นไปแล้วเหตุใดยังต้องขึ้นเขาด้วยทางนี้อีก?” ซินหยู่มองดูอย่างมึนงง
เวลานี้ตัวซินหยู่มีแต่ความสงสัยอยู่เต็มอก
เขานั้นได้รับรู้อย่างชัดเจนแล้วว่าความลับของรองมหาปราชญ์นี้มันมากเกินกว่าจะเข้าใจ
หลังจากยืนนิ่งไปนานตัวเขาก็ยิ้มแห้งๆ ออกมา “ก็จริง หากทำไม่ได้ถึงขั้นนี้มีหรือที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลจะตั้งเขาเป็นรองมหาปราชญ์ด้วยอายุเพียงเท่านี้?”
พูดจบเขาก็หันไปมองหน้าเฒ่าขี้เมาด้วยรอยยิ้ม “น้องขี้เมา? หึๆ ได้มีโชคติดตามรองมหาปราชญ์เช่นนี้เจ้าคงทำบุญมาเยอะจริงๆ! อย่าได้ปล่อยให้โอกาสนี้มันหลุดมือไปเล่า!”
เฒ่าขี้เมานั้นได้แต่ก้มหัวบอกมิกล้าๆ อย่างหวาดกลัว
จักรพรรดิเทพสวรรค์ซินหยู่นั้นกลับเรียกเขาเป็นน้อง!
คำพูดนี้มันแสดงความใกล้ชิดอย่างมาก
จักรพรรดิเทพสวรรค์ซินหยู่นั้นหัวเราะลั่นขึ้น “ไม่ต้องกลัวไปน่า นี่เป็นโอกาสดีของเจ้าแล้ว! จะว่าไปจักรพรรดิผู้นี้ก็มีเรื่องอยากขอร้องให้เจ้าช่วยอยู่พอดี”
เฒ่าขี้เมานั้นก้มหัวลงจรดพื้นกล่าวขึ้นด้วยปากสั่น “ท่านซินหยู่อย่าได้ล้อข้าเล่นเลย ข้า… ข้าไม่กล้า!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์ซินหยู่ยิ้มตอบกลับมา “ที่เจ้าเป็นอย่างนี้เพราะเจ้ายังไม่รู้ว่าเขานั้นเป็นใคร! เขานี้คือรองมหาปราชญ์แห่งวิหารนักบวช ยอดคนดาวรุ่งในวงการโอสถมีสถานะสูงส่งล้ำฟ้าดิน! เวลานี้ใครๆ ต่างก็กล่าวกันว่าวันหน้าเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นโอสถบรรพกาลที่สอง! โอสถของเขาแต่ละเม็ดนั้นมันมีค่ายิ่งเสียกว่าภูเขาทองคำ! หากเขายังเป็นแค่เทพสวรรค์จักรพรรดิผู้นี้ก็คงยังไม่คิดจะพูดกล่าวเรื่องราวทั้งหลายนี้ แต่ดูท่าแล้วที่เขามาครั้งนี้คงเพื่อจะขึ้นเขาแห่งถงเทียนหาทางบรรลุอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์! เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่เขาบรรลุขึ้นอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันหมายถึงสิ่งใด?”
เฒ่าขี้เมานั้นเหมือนคนไร้สติฟังเรื่องราวอย่างไม่อาจเข้าใจ
โอสถบรรพกาล!
ตัวตนนั้นอยู่ในระดับใด?
ตัวตนเช่นนั้นแม้จะหลับฝันเขาก็ยังไม่กล้าฝันถึง!
มหาพิภพถงเทียนนี้ แม้แต่นักยุทธอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าหรืออาณาจักรปฐมพระเจ้าก็ยังรู้จักนามของโอสถบรรพกาลนั้น!
เขานี้คือผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นอันดับหนึ่งแห่งการโอสถ!
เย่หยวนกลับสามารถขึ้นไปเทียบเคียงคนเช่นนั้นได้แล้ว?
จักรพรรดิเทพสวรรค์ซินหยู่นั้นเข้าใจว่าด้วยระดับของเฒ่าขี้เมาแล้วเขาย่อมไม่รู้เรื่องราวใดๆ มากมาย ไม่รู้ว่าเย่หยวนมีตัวตนยิ่งใหญ่คับฟ้าดินปานใดจึงไม่คิดสนใจท่าทางตื่นตะลึงนั้นและกล่าวพูดต่อ “เมื่อเขาบรรลุขึ้นอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้จริงๆ แล้วมันก็จะหมายความว่าเขาได้กลายเป็นจอมเทพโอสถแปดดาว! ถึงเวลานั้นแล้วเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งมหาพิภพถงเทียนต่างต้องมาก้มหัวขอร้องเขาสิ้นและมันก็เพราะว่าเวลานี้เขายังขึ้นไปไม่ถึงระดับนั้นจักรพรรดิผู้นี้จึงอยากจะสานสัมพันธ์กับเขาไว้ก่อนใครๆ น้องขี้เมา หลายวันนี้เข้ามาพักที่บ้านข้า ข้าจะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหลายของโลกเบื้องบนให้ฟัง”
พูดจบจักรพรรดิเทพสวรรค์ซินหยู่ก็พาตัวเฒ่าขี้เมาเดินหายไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
เหล่าลูกน้องของจักรพรรดิเทพสวรรค์ซุนหยูนั้นต้องอ้าปากค้าง เป็นเวลานี้เองที่เขาได้รู้ว่านายของตนไปท้าทายตัวตนเช่นใดไว้
ถังยู่เฉิงนั้นช่างโง่จนน่าชังเสียจริงๆ!
…
เมื่อขึ้นเขาแห่งถงเทียนมาเย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นความคิดหนึ่งในใจ
เพราะแม้แต่ในระยะต่ำกว่าสิบกิโลเมตรนี้เอง เมื่อเขาได้มองดูมันอีกครั้งมันก็ยังดูแตกต่างไปจากครั้งก่อน
ครั้งแรกที่เขามานั้นเขายังไม่มีพลังบ่มเพาะสูงส่งใดๆ ทำให้ไม่อาจจะเข้าใจความลึกล้ำของเขาแห่งถงเทียนได้จริงๆ
แม้แต่ในระยะต่ำกว่าสิบกิโลเมตรนี้เองมันก็ยังเปี่ยมล้ำไปด้วยคลื่นพลังต้นกำเนิดยอดเต๋า
เย่หยวนนั้นค่อยๆ ยืนยันพลังของมันนี้กับเขาน้อยแห่งถงเทียนไปเรื่อยๆ จนค่อยๆ ก่อร่างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนระดับต่อไปขึ้นมา
เย่หยวนนั้นค่อยๆ เดินก้าวขึ้นไปเรื่อยๆ พร้อมสมองที่คิดไม่หยุด
“พวกเจ้าดูสิ เจ้าเด็กคนนั้นมันกลับเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่คิดหยุดตัวลงศึกษาเต๋าใดๆ ทำเช่นนั้นมันจะได้ประโยชน์ใด?”
“หึๆ ข้าว่ามันก็แค่คนโง่”
“บางทีเขาอาจจะเป็นยอดอัจฉริยะก็ได้ สิ่งที่พวกเราใช้เวลาหลายปี เขานั้นอาจจะใช้แค่เสี้ยววินาทีในการเข้าใจจึงไม่ได้หยุดเท้าลง”
…
ท่าทางนั้นของเย่หยวนมันย่อมทำให้เกิดเสียงเยาะเย้ยขึ้นรอบด้าน
เวลาที่คนทั้งหลายศึกษาเต๋า พวกเขาย่อมจะต้องค่อยๆ แยกมันมาวิเคราะห์และทำความเข้าใจทีละน้อย
หากขึ้นไปเช่นนี้แล้วมันย่อมจะเหมือนเป็นการจำอย่างไม่เข้าใจความรู้ใดๆ สิ้น
เพียงแค่ว่าพวกเขานั้นไม่ได้รู้เลยว่าเย่หยวนนั้นเข้าใจเต๋าในระยะต่ำกว่าสิบกิโลเมตรสิ้นแล้ว
สิ่งที่เขากำลังศึกษาอยู่ในเวลานี้มันแตกต่างจากคนทั้งหลายไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเดินไปเรื่อยๆ สุดท้ายเย่หยวนก็เดินเข้าผ่านม่านหมอกไป
ทุกผู้คนที่ได้เห็นเช่นนั้นต่างต้องอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
…………………