“เขา… เขาเดินเข้าหมอกไป?”
“หรือว่าเขามาที่เขาแห่งถงเทียนเพื่อฆ่าตัวตาย?”
“อ่า! ข้าจำได้แล้ว! เขา… คือคนผู้นั้น!”
จู่ๆ ก็มีชายชุดเทาผู้หนึ่งร้องกล่าวขึ้นมาอย่างกับว่าจำเรื่องราวสุดเหนือธรรมชาติขึ้นมาได้
คนทั้งหลายที่บ่มเพาะศึกษาเต๋าอยู่นั้นต่างต้องหันหน้ามามองดูที่ต้นเสียงผู้ร้องลั่นนั้น
ชายชุดเทานั้นกลับไม่ได้แสดงสีหน้าหวั่นไหวใดๆ
คนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน “ใครกันเล่า มาทำเสียงดังรบกวนคนไปได้?! เขาเดินเข้าม่านหมอกไปแล้วมีหรือยังรอดชีวิตได้?”
ชายชุดเทานั้นหยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “รอดสิ! ข้านั้นเดิมทีก็ยังจดจำเขาไม่ได้แต่เมื่อได้เห็นเขาเดินเข้าม่านหมอกไปข้าก็จดจำได้ขึ้นมาว่าเมื่อราวสองพันปีก่อนมันได้มีคนที่เข้าม่านหมอกไปเช่นนี้เหมือนกันและยังกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย! และเขาคนนั้นก็คือชายคนที่เราได้เห็นเมื่อกี้! แต่ว่าคลื่นพลังของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ข้าไม่อาจจะจดจำเขาได้จนเห็นเขาเดินเขาม่านหมอกไปนั่นแหละ!”
“หะ?! มันเป็นไปไม่ได้หรอก!”
ชายชุดเทานั้นยิ้มรับออกมา “มันจะมีอะไรเป็นไปไม่ได้? คนที่ได้เห็นเรื่องราวในวันนั้นมันมิใช่แค่ข้าคนเดียว! ในตอนนั้นมันกลายเป็นเรื่องสุดโด่งดังในระยะสิบกิโลเมตรเรา! แต่หลังจากเราลงไปแล้วมันย่อมจะไม่มีใครเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นมา ในตอนนั้นข้ายังเป็นแค่ราชันพระเจ้าสามดาว เวลานี้สองพันปีผ่านไปข้าบรรลุขึ้นอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวได้ แต่ดูท่าทางของเขานี้ ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเขาไปถึงระดับใดแล้ว!”
พร้อมๆ กันนั้นมันก็มีคนกล่าวขึ้นมา “หรือว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในอาณาจักรราชันพระเจ้าแล้ว? แต่ข้าไม่อาจมองถึงพลังที่แท้ของเขาได้เลย!”
ชายชุดเทาจึงร้องบอก “หึๆ ด้วยพรสวรรค์ของคนผู้นั้นสองพันปีนี้มีหรือที่เขาจะยังอยู่แค่อาณาจักรราชันพระเจ้า? ดูท่าเขาคงขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้แล้วด้วยซ้ำ!”
แต่มันกลับมีเสียงไม่เห็นด้วยดังขึ้นมา “โม้ไปเถอะเจ้า! มีหรือที่เทพถ่องแท้จะมาขึ้นเขาด้วยทางนี้?”
ชายชุดเทาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “เจ้าจะไปรู้อะไร? คนผู้นั้นมิใช่สิ่งที่สามัญสำนึกจะเข้าใจได้! ตอนนั้นที่เขาขึ้นเขาแห่งถงเทียนมานี้เขายังเป็นแค่บรรพชนพระเจ้าด้วยซ้ำ! เวลานั้นเขามาเพื่อจะบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้า! เวลานี้เขาอยู่ในอาณาจักรเทพถ่องแท้ คงเข้ามาทางนี้เพื่อที่จะทบทวนเรื่องราวที่เคยได้เรียนรู้ไป มันจะมีอะไรแปลกตรงไหน?”
ชายชุดเทานั้นได้กล่าวเรื่องที่ทำลายกฎทุกอย่างของเขาแห่งถงเทียนลงสิ้น
แน่นอนว่าหลายต่อหลายคนย่อมไม่คิดเชื่อ
เพราะจะอย่างไรเสียคำของชายชุดเทานี้มันก็ไม่มีหลักฐานใดมารองรับ!
…
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ…
ภายในม่านหมอกนั้นมันก็ยังคงมีสายฟ้าสีครามพุ่งผ่านไปมา
เย่หยวนที่ได้เข้ามานั้นปล่อยให้สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์นี้ปะทะร่างอย่างไม่คิดปัดป้องใด
เพราะเหล่าสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์นี้มันไม่เป็นภัยใดๆ แก่ตัวเย่หยวนสิ้น
แต่เย่หยวนนั้นยังสามารถสัมผัสถึงพลังเต๋าของเขาแห่งถงเทียนได้เพราะพวกมัน!
หลังจากค่อยๆ วิเคราะห์ไปเย่หยวนก็ยิ่งเริ่มร่างภาพได้แจ่มชัดขึ้น
หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆ เดินผ่านม่านหมอกขึ้นไปจากระยะสิบกิโลเมตรขึ้นสู่เขตของอาณาจักรนภาสวรรค์
เหล่านักยุทธทั้งหลายต่างต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามีคนเดินขึ้นมาจากม่านหมอก
ม่านหมอกนั้นมันเป็นดินแดนแห่งความตายไม่มีใครจะออกมาได้อย่างแน่นอน
คนทั้งหลายที่เข้ามานั้นย่อมจะเข้ามาผ่านทางขึ้นเขาของอาณาจักรนภาสวรรค์
แต่เวลานี้มันกลับมีคนผู้หนึ่งเดินผ่านขึ้นมาจากม่านหมอก มีหรือที่คนทั้งหลายจะไม่ตกตะลึง?
แต่เย่หยวนก็ไม่คิดสนใจสายตาตื่นตะลึงใดๆ เดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ด้วยท่าทางครุ่นคิด
เย่หยวนไม่เคยก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้
แต่หลังจากเย่หยวนขึ้นมาได้ เขาก็รู้สึกได้ถึงอีกเรื่องหนึ่ง
เพราะจากระยะสิบกิโลเมตรขึ้นมานี้เขาได้ใช้วรยุทธบ่มเพาะที่สร้างขึ้นมาจากเต๋าของเขาน้อยแห่งถงเทียนและได้รับรู้ว่าคนทั้งหลายในโลกหล้าคิดผิดไปจริงๆ!
ทางเดินของเขานี้ต่างหากคือทางที่ถูก!
หากเปิดสร้างโลกขึ้นมาในตอนที่ยังอยู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้านั้นมันจะเหมือนเป็นการปิดกั้นทางพัฒนาทางตนไปสิ้น
หากลองเทียบกันแล้วอาณาจักรราชันพระเจ้ามันไม่อาจจะเทียบเคียงอาณาจักรวายุพระเจ้าของเขาได้เลย
หากไม่นับเรื่องของแนวคิดใดๆ แล้ววัดกันแค่ที่พลังบ่มเพาะอาณาจักรวายุพระเจ้าของเขานั้นมันจะเหนือล้ำกว่าอาณาจักรราชันพระเจ้าไปมากล้น
แม้ว่าเย่หยวนจะมีพลังแนวคิดช่วยเหลือมาตลอดทางแต่หากวัดกันจริงๆ แล้วอาณาจักรวายุพระเจ้าของเย่หยวนมันก็จะเหนือล้ำกว่าอาณาจักรราชันพระเจ้าของคนทั้งหลายไปทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณปราณเทวะ
และความแตกต่างนี้มันจะยิ่งขยายออกในอาณาจักรนภาสวรรค์!
หากเรื่องราวมันเป็นไปตามที่เย่หยวนคาดเดา ยิ่งบ่มเพาะไปสูงพลังของเขาและผู้คนมันก็จะยิ่งแตกต่างมีช่องว่างที่ห่างล้ำ
เพราะฉะนั้นเวลานี้ที่เขาบ่มเพาะมาถึงอาณาจักรพิภพโกลาหลขั้นสุดแล้วเขาจึงมีพลังเหนือล้ำกว่าเทพสวรรค์ขั้นสุดทั้งหลายไปหลายขุมอย่างไม่เห็นฝุ่น
บางทีหากวัดกันแค่ที่พลังบ่มเพาะนั้นเขาอาจจะยังไม่ถึงระดับของจักรพรรดิเทพสวรรค์หนึ่งดาว แต่มันก็คงไม่ห่างไกลกันมาก
เพราะฉะนั้นด้วยแนวคิดที่เหนือล้ำและเต๋าที่ลึกซึ้งของเขา เขาจึงสามารถสังหารจักรพรรดิเทพสวรรค์ลงถึงสองคนได้อย่างง่ายดาย
แต่สิ่งที่เขาใช้นั้นมันมิใช่แค่พลังแห่งต้นกำเนิดหรือพลังแห่งแนวคิด แต่มันเป็นพลังบ่มเพาะของเขาด้วยที่ไม่ได้อ่อนแอกว่าคนทั้งสองไปมากนัก
เย่หยวนนั้นยังคงก้าวเดินขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อยืนยันเรื่องที่เขาคาดเดานี้
แต่ภาพการปรากฏตัวของเขามันย่อมทำให้นักยุทธในระยะสิบกิโลเมตรขึ้นไปตื่นตระหนก
“เจ้าเด็กคนนี้มันมาจากไหนกัน?”
“เฒ่าผู้นี้บ่มเพาะบนเขามานานปีแต่กลับไม่เคยจะได้ยินเลยว่ามีใครออกมาจากม่านหมอกเช่นนี้ได้!”
“เขาเป็นใครกันแน่? ดูท่าแล้วเขาคงไม่ได้ขึ้นมาจากทางเข้าต่ำกว่าสิบกิโลเมตรใช่หรือไม่?”
…
ทุกผู้คนต่างตกตะลึงมองดูเย่หยวนอย่างไม่วางตาและเย่หยวนก็ไม่ทำให้คนทั้งหลายผิดหวัง
ภายใต้สายตาทั้งหลายนั้นเย่หยวนได้เดินผ่านเข้าม่านหมอกระยะร้อยกิโลเมตรไปเป็นที่เรียบร้อย
จากนั้นเขาก็ไปโผล่ที่เขตเหนือร้อยกิโลเมตร!
ที่ใดที่เย่หยวนเดินผ่านนั้นมันจะเกิดความยุ่งเหยิงวุ่นวายขึ้นอย่างมาก
เพราะเจ้าหมอนี่มันเดินผ่านหมอกมาทุกชั้น
ก่อนหน้านั้นทุกคนต่างคิดว่าม่านหมอกคือดินแดนแห่งความตายไม่มีใครเข้าไปแล้วออกมาได้
แต่หลังจากเย่หยวนเดินเข้าไปแล้วคนทั้งหลายย่อมจะไม่มีจิตใตจะบ่มเพาะใดๆ ต่อ
พวกเขานั้นอยากจะรู้ว่าเย่หยวนจะออกมาได้หรือไม่
จากนั้นบนเขาแห่งถงเทียนนั้นมันก็ไม่มีใครบ่มเพาะศึกษาเต๋าใดๆ อีก มีแต่เสียงพูดคุยกันไปถึงคนผู้นี้
แต่แน่นอนว่าราคาของความสงสัย บางครั้งมันก็ต้องจ่ายด้วยความตาย
เมื่อเห็นว่าเย่หยวนเดินผ่านเข้าม่านหมอกไปผู้กล้าหลายต่อหลายคนก็ไม่อาจอดทนไหวอยากลองทำตามบ้าง
แน่นอนว่าผลลัพธ์มันย่อมไม่ต้องพูดถึง
ระหว่างที่เย่หยวนเดินขึ้นไปคนมากมายคิดจะลองทำตามแบบอย่างของเขา
แต่หลังจากเข้าม่านหมอกไปพวกเขาก็ได้พบว่ามันมิใช่สิ่งที่ควรเข้ามาเลย
เว้นเสียแต่ว่าจะถอยมันก็คงไม่ทันแล้ว
เย่หยวนนั้นไม่ได้สนใจและรู้ถึงเรื่องราวของคนทั้งหลายนั้น เวลานี้จิตใจของเขากำลังมุ่งมั่นอยู่กับการศึกษาเต๋า
ที่แห่งนี้มันคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในการศึกษาเต๋า การศึกษาในแหล่งกำเนิดนี้มันให้ประโยชน์มากกว่าศึกษาจากเขาน้อยแห่งถงเทียนไปมาก!
สำหรับจิตแสวงเต๋าของเย่หยวนแล้วมันย่อมจะเป็นสิ่งที่น่าหลงใหลจนเกินทน
เวลานี้คลื่นพลังบนกายของเขานั้นมันยิ่งพุ่งทะยานขึ้นอย่างไม่มีหยุด
ภายในพิภพโกลาหลนั้นเมฆลมต่างพัดพาเอาลายพระเจ้าทั้งหลายเคลื่อนย้ายตำแหน่งอย่างไม่สิ้นสุด
จนผ่านระยะพันกิโลเมตรมาถึงเขตเทพถ่องแท้!
จนผ่านระยะหมื่นกิโลเมตรมาถึงเขตเทพสวรรค์!
เมื่อผ่านขึ้นมาถึงระยะเหนือหมื่นกิโลเมตรสายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมองดูเย่หยวนอย่างตกตะลึง
เพราะเวลานี้บนร่างกายของเย่หยวนมันยังมีรอยไหม้จากสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์
ร่างกายของเขานั้นยังคงมีสายฟ้าบินวนรอบทำให้คนทั้งหลายรู้สึกขนลุกไปทั้งกาย
ภาพนี้มันเป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่าเขาคนนี้เดินออกมาจากม่านหมอกจริงๆ
แต่เย่หยวนก็ไม่ได้สนใจเพราะเวลานี้วรยุทธบ่มเพาะระดับต่อไปของเขามันใกล้จะเสร็จสมบูรณ์เต็มที
ตราบเท่าที่เขาเดินผ่านระยะหมื่นกิโลเมตรไปได้นี้วรยุทธบ่มเพาะของเขามันย่อมจะสมบูรณ์ได้แน่
ถึงเวลานั้นโลกของเขาเองก็จะได้กลายเป็นโลกจริงๆ เสียที!
เป็นมหาพิภพที่มีเขาปกครองอย่างแท้จริง!
ใช่แล้ว เพราะสิ่งที่เย่หยวนกำลังจะสร้างขึ้นมานั้นมันคือมหาพิภพ! มิใช่โลกใบน้อยใด!
มหาพิภพที่เทียบเคียงระดับมหาพิภพถงเทียนได้!
แม้ว่าขนาดของมหาพิภพที่เขาสร้างขึ้นมานั้นมันจะไม่อาจเทียบมหาพิภพถงเทียน แต่หากวัดกันที่คุณภาพแล้ว เย่หยวนรู้สึกได้ว่ามันจะไม่ด้อยไปกว่ากันเลย!
“ย-เย่หยวน?”
จู่ๆ มันก็เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดความคิดของเย่หยวน
………………