เย่หยวนหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะบอก “หากท่านคิดหาสมุนไพรวิญญาณแล้วสนใจเดินทางไปยังอาณาจักรหทัยเมฆากับข้าหรือไม่? เวลานี้ทางสมาพันธ์โอสถสหภูมิภาคกำลังจะจัดงานประชุมโอสถสหภูมิภาคขึ้นและข้าว่าภายในงานมันคงมีสมุนไพรวิญญาณระดับแปดมาไม่ขาดสายแน่”
แม้ว่าเขานั้นจะไม่ได้ตั้งใจรบกวนการบรรลุของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงแต่เรื่องราวมันก็เกิดขึ้นเพราะตัวเขาจริง
ด้วยนิสัยของเย่หยวนแล้วเขาย่อมพร้อมที่จะชดเชยความเสียหายนั้นให้
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือเรื่องราวนี้มันไม่ได้ยุ่งยากใดๆ แก่เย่หยวนเลย
อาณาจักรหทัยเมฆานั้นมันคือวังพำนักของโอสถบรรพกาล
โอสถบรรพกาลนั้นได้เปิดโลกขึ้นมา อยู่เหนือทุกสิ่งอย่างในหล้า
เหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายในมหาพิภพถงเทียนนั้นต่างถือว่าการได้ไปยังอาณาจักรหทัยเมฆานั้นเป็นเกียรติอย่างมาก
เพียงแค่ว่าข้อจำกัดการเข้าสู่อาณาจักรหทัยเมฆานั้นมันสุดแสนยุ่งยากเกินกว่าที่นักหลอมโอสถทั่วๆ ไปจะผ่านเข้าไปได้
อาณาจักรหทัยเมฆานั้นมันสมชื่อว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งแห่งการโอสถในมหาพิภพถงเทียนอย่างแท้จริง!
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงนั้นเบิกตากว้างขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน “มันกลับมีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นหรือ? อาณาจักรหทัยเมฆานั้นไม่ได้ออกหน้าเคลื่อนไหวง่ายๆ อยู่นิ่งเงียบมาแสนนาน! ทำไมโอสถบรรพกาลจึงได้คิดเปิดมันต้อนรับผู้คนจัดงานใหญ่โตเช่นนี้เล่า?”
เขานั้นเก็บตัวบ่มเพาะบนเขาแห่งถงเทียนมานับแสนๆ ปีย่อมจะไม่ได้รู้เรื่องราวใดๆ ทั้งหลายนี้
แต่ด้วยตำแหน่งของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงแล้วเขาย่อมจะเข้าใจถึงตัวตนของอาณาจักรหทัยเมฆาดี
อาณาจักรหทัยเมฆานั้นมันอยู่เหนือโลกหล้าไม่สนใจสิ่งใด ไม่ได้คิดจะออกมาเพื่อจัดงานใหญ่เช่นนี้แน่นอน
ต่อให้จะมีงานการประชุมโอสถใดๆ มันก็ย่อมจะถูกจัดขึ้นโดยเหล่าลูกศิษย์ของเขาในโลกภายนอก ไม่มีทางใดที่จะไปจัดขึ้นในอาณาจักรหทัยเมฆา
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมา “หากข้าบอกว่างานนี้จัดขึ้นเพื่อจัดการข้าเล่า ท่านจะเชื่อหรือไม่?”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงหัวเราะลั่นขึ้นมา “ต่อให้เจ้าจะทุบตีข้าจนตายข้าก็ไม่คิดเชื่อหรอก! ตัวตนของโอสถบรรพกาลนั้นยิ่งใหญ่ปานใด? มีหรือที่เขาต้องลงมือจัดการเด็กน้อยอย่างเจ้าด้วยตัวเอง? ต่อให้เจ้าจะเป็นรองมหาปราชญ์แห่งวิหารนักบวชแต่กำลังของเจ้าก็คงไม่อาจจะต่อต้านได้แม้แต่เหล่าลูกศิษย์ของเขาด้วยซ้ำ ทำไมต้องทำเรื่องราวใหญ่โตเช่นนั้นเพื่อเจ้าแค่คนเดียวด้วย?”
เพราะต่อให้เขาจะรู้ถึงสถานะของเย่หยวนแล้วตัวเขาก็ยังไม่ได้เข้าใจถึงฝีมือของเย่หยวนอย่างแท้จริง
ต่อให้เย่หยวนจะหลอมโอสถเมฆาสวรรค์เก้าหลอมได้ มันก็ยังห่างไกลจากระดับของโอสถเต๋าไปมาก
โอสถเต๋านั้นมันคือจุดสูงสุดของเต๋าโอสถ!
และก้าวย่างนี้มันก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครจะก้าวขึ้นไปได้
ตั้งแต่โบราณกาลมามียอดนักหลอมโอสถมากมายปานใดแล้วที่คิดอยากก้าวขึ้นไปให้ถึงระดับของโอสถเต๋า?
แต่พวกเขาทั้งหลายกลับไม่มีใครทำได้สำเร็จ
เวลานี้เหล่ายอดฝีมือที่หลอมโอสถเต๋าขึ้นมาได้ในมหาพิภพถงเทียนนี้มันมีน้อยจนเกินไป
เย่หยวนนั้นยังต้องพยายามอีกมากหากคิดอยากพิสูจน์ฝีมือของตน!
เพียงแค่ว่าตัวเจิ้งหมิงนั้นไม่ได้รู้เลยว่าแท้จริงเย่หยวนนั้นหลอมโอสถเต๋าได้แล้ว!
หากมิใช่เพราะเรื่องนี้มีหรือที่โอสถบรรพกาลจะต้องจัดการใหญ่โตอย่างงานประชุมโอสถสหภูมิภาคขึ้นมา?
แต่เย่หยวนเองก็ไม่คิดจะอธิบายให้ยุ่งยากใดๆ เขาเพียงแค่ยักไหล่บอก “ไปเถอะ”
คนทั้งสองเดินทางจากเมืองชะตาสวรรค์ออกมาได้ไม่นานพวกเขาก็พบว่ามีกลุ่มคนกำลังยืนอยู่ที่สุดขอบฟ้า
เมื่อได้ลองเพ่งดูดีๆ แล้วพวกเขาก็เห็นว่าคนกลุ่มนั้นกำลังรุมโจมตีคนผู้หนึ่งอยู่
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว “แค่พวกมดปลวกทั้งหลายต่อยตีกัน อย่าได้ไปสนใจเลย ไปเถอะ”
เขานั้นหันกลับมาบอกเย่หยวนแต่กลับพบว่าเย่หยวนนั้นเพ่งมองไปด้วยสายตาเขม็งก่อนจะก้าวเท้าออกไปยังจุดที่เกิดการปะทะในทันที
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงต้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกตะลึง “แนวคิดแห่งห้วงมิติ! ช่างเป็นความเร็วที่เหนือล้ำนัก! เจ้าเด็กคนนี้มันผิดมนุษย์เสียจริง!”
ฟุบ ฟุบ ฟุบ!
พริบตาเดียวที่คลื่นดาบทั้งหลายปะทะเข้ากับกลุ่มคนนั้นจนคนที่เหลือยืนมีชีวิตอยู่ในสนามรบนั้นมีเพียงแค่คนเดียว
นางในชุดสีฟ้าครามนั้นมองดูเย่หยวนด้วยร่างกายที่เหนื่อยอ่อนก่อนจะร่วงตกลงไปกับพื้นดิน
เย่หยวนหน้าถอดสีต้องรีบพุ่งเข้าไปอุ้มร่างนางไว้ทันที
เวลานี้เขาได้แต่ต้องตื่นตะลึงอยู่ในใจเพราะนางผู้นี้คือศิษย์พี่ไป่หลี่ชิงหยานแห่งนิกายเงาจันทร์ที่เขาได้พบเจอในมิติอนัตตากอไผ่!
นางผู้ที่น่าจะอยู่ในมิติอนัตตากอไผ่กลับมาปรากฏตัวขึ้นบนมหาพิภพถงเทียน!
เมื่อได้เห็นไป่หลี่ชิงหยานนี้เย่หยวนก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งใจ
ตอนที่เขากำลังศึกษาเต๋าอยู่บนเขาแห่งถงเทียนนั้นแท้จริงแล้วมันมีจังหวะหนึ่งที่ไป่หลี่ชิงหยานเรียกนามของเขาขึ้นมา
เพียงแค่ว่าในตอนนั้นจิตของเขาทั้งหมดมันกำลังตั้งมั่นอยู่กับการศึกษาพัฒนาบัญญัติเทพแห่งถงเทียน
แต่เมื่อเย่หยวนได้ผสานจิตเข้ากับเต๋าสวรรค์แล้วเขาก็ย่อมจะรับรู้ถึงทุกสิ่งอย่างรอบกายได้อย่างแจ่มชัด
นึกย้อนกลับไปแล้วคนที่เรียกเขาบนระยะหมื่นกิโลเมตรนั้นมันจะเป็นใครไปได้นอกจากไป่หลี่ชิงหยาน?
นางมาตามหาเขา!
เย่หยวนนั้นตัดสินใจลงทันที
หากมิได้พบเจอไป่หลี่ชิงหยานในตอนนี้ เย่หยวนคงลืมเลือนนางไปเสียแล้วด้วยซ้ำ
เรื่องความรักใคร่ที่ไป่หลี่ชิงหยานมีให้นั้นตัวเย่หยวนย่อมจะสัมผัสถึงมันได้
แต่หัวใจของเขานั้นมันไม่มีที่ให้ใครคนอื่นอีกแล้ว
เพียงแค่ว่าตัวเย่หยวนเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าไป่หลี่ชิงหยานนั้นจะหนักแน่นบ้ารักจนถึงขั้นตามเขาออกมายังมหาพิภพถงเทียนเช่นนี้
ที่สำคัญไปกว่านั้นนางน่าจะออกมาได้นานพอสมควรแล้ว
ไม่เช่นนั้นแล้วด้วยพรสวรรค์ความสามารถของไป่หลี่ชิงหยานนางย่อมจะไม่มีทางบ่มเพาะถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้ด้วยเวลาสั้นๆ แค่นี้แน่หากยังอยู่แค่ในมิติอนัตตากอไผ่
มีเพียงแค่การออกมายังมหาพิภพถงเทียนและออกเดินทางพบเจอโชคลาภมากมายเท่านั้นที่นางจะสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์มาได้ด้วยเวลาสั้นๆ แค่นี้
พริบตาเดียว เย่หยวนก็นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวมากหลาย
เมื่อตัวไป่หลี่ชิงหยานได้เห็นหน้าเย่หยวนนางก็ยิ้มออกมาก่อนจะใช้แรงเฮือกสุดท้ายร้องบอก “ได้ตายในอ้อมอกเจ้านั้น ข้า… ข้าคงตายตาหลับแล้ว!”
เย่หยวนหรี่ตาลงอย่างหนักแน่น “มีข้าอยู่แล้วมีหรือที่เจ้าจะตายลงได้!”
สภาพของไป่หลี่ชิงหยานเวลานี้มันกำลังสูญเสียพลังชีวิตไปเรื่อยๆ เต๋าเริ่มจางหาย
เวลานี้ในที่สุดตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงก็ได้ตามมาจนถึงที่ก่อนจะมองดูไป่หลี่ชิงหยานที่มีสภาพใกล้ตายพร้อมส่ายหัว “เปล่าประโยชน์แล้ว พลังชีวิตของนางนั้นถูกตัดขาดสิ้น ต่อให้เจ้าจะเป็นรองมหาปราชญ์ใดมันก็คงไม่มีทางช่วยเหลือได้! เว้นเสียแต่ว่า… เจ้าจะไปเชิญตัวโอสถบรรพกาลมาช่วยเหลือ!”
เย่หยวนหันกลับมามองด้วยสายตาดุดัน “หุบปากเถอะท่าน! มานี่ ช่วยใช้พลังชีวิตของท่านต่อชีวิตนางไว้ที!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงหรี่ตาลง “บ้าบอ! จักรพรรดิผู้นี้ใกล้จะถึงเวลาทุกข์ทลายเต็มทน ให้เอาพลังงานชีวิตมาใช้กับนางนี้มันจะไม่เป็นการรนหาที่ตายหรือ? ที่สำคัญต่อให้ข้าจะยื้อชีวิตของนางไว้นั้นสุดท้ายมันก็แค่ยื้อให้นางได้ทรมานเพิ่ม ไม่มีทางใจจะช่วยเหลือได้! การแลกเปลี่ยนที่เสียเปล่านี้ข้าขอไม่ยุ่งด้วยจะดีกว่า!”
เย่หยวนกัดฟันแน่น “เลิกพูดได้แล้ว! พลังชีวิตใดที่เสียไปวันนี้ข้าจะช่วยเอาคืนมาให้สิ้น! นอกจากนั้นแล้วหลังจบเรื่องการหลอมโอสถเมฆาสวรรค์เก้าหลอมให้ ข้ายังจะนับว่าข้านี้ติดหนี้บุญคุณท่านด้วย!”
เมื่อตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงได้ยินเขาก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นถาม “เอาจริง?”
“เลิกพูดจาไร้สาระเสียเวลาได้แล้ว เจ้าเชื่อหรือไม่ล่ะว่าข้าพร้อมที่จะไม่หลอมโอสถเมฆาสวรรค์เก้าหลอมให้เจ้าเลย?” เย่หยวนตะโกนลั่นขึ้นด้วยน้ำเสียงสุดจะทน
ไป่หลี่ชิงหยานนั้นกำลังเสียพลังชีวิตไปเรื่อยๆ ยิ่งปล่อยไว้มันมีแต่จะยิ่งลำบากในการรักษา
เขานั้นกังวลอย่างหนักหน่วงหัวใจแต่อีกฝ่ายกลับมาเล่นท่ามากลีลา มีหรือที่เย่หยวนจะทนได้?
เมื่อได้เห็นสีหน้านั้นของเย่หยวนจักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงก็ไม่คิดพูดจาใดๆ อีกรีบเข้ามารีบร่างของไป่หลี่ชิงหยานไว้และส่งพลังชีวิตไว้ประคองสภาพของนาง
เย่หยวนปล่อยไป่หลี่ชิงหยานให้จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงก่อนจะรีบนั่งลงเข้าสู่สภาวะนิ่งสงบทันที
เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงเห็นเช่นนั้นเขาก็ต้องร้องถามขึ้น “เจ้าเด็กคนนี้มันคิดทำอะไรกัน? แค่นั่งสมาธิก็ช่วยเด็กสาวคนนี้ได้หรือ? เจ้าเด็กนี่คงไม่ได้หลอกข้าเล่นแล้วใช่ไหม?”
อึดใจผ่านไป!
สิบอึดใจ!
ร้อยอึดใจ!
หลังผ่านไปได้ราวร้อยอึดใจเย่หยวนก็เบิกตาโพลงขึ้นมาพร้อมวาดมือขึ้นบนอากาศ
พร้อมๆ กันนั้นมันก็ได้เกิดค่ายกลซับซ้อนขึ้นในมิติรอบด้าน
ได้เห็นเช่นนั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงก็ต้องอ้าปากค้าง!
เพราะค่ายกลใหญ่ที่ซับซ้อนปานนี้มันมิใช่สิ่งที่จอมเทพค่ายกลแปดดาวทั้งหลายจะทำได้เสียด้วยซ้ำไป!
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงนั้นไม่เคยได้เห็นเย่หยวนหลอมโอสถจุติฟื้นโกลาหลมาก่อน ไม่เช่นนั้นเขาคงเข้าใจได้ทันทีว่าเย่หยวนคิดจะทำอะไร
เวลานี้เย่หยวนกำลังคิดจะหลอมโอสถเต๋า!
………………