จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงนั้นมีความรู้เข้าใจโลกหล้าไม่น้อย เขาย่อมพอจะเคยได้ยินนามของโอสถเต๋ามาบ้าง
เพียงแค่ว่ามันก็แค่นามเท่านั้นที่เขารู้จัก
เพราะโอสถเต๋ามันหายากจนเกินไป!
อย่าว่าแต่ตัวเขา จักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้หนึ่งนี้ แม้แต่เหล่าเจ้าฟ้าดินทั้งหลายเองก็ยังไม่ใช่ทุกคนที่จะเคยได้พบเห็นโอสถเต๋า
ส่วนค่าของโอสถเต๋านั้นมันเหนือล้ำกว่าที่จะเอาผลึกปราณเทวะใดๆ มาเทียบวัดได้
ค่ายกลที่เย่หยวนวาดขึ้นมานั้นมันมีแต่ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงต้องเบิกตากว้างขึ้น
เพราะก่อนหน้านี้เขานั้นยังมีความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่บ้าง
จะอย่างไรคำบอกเล่าของจักรพรรดิเทพสวรรค์ชิงชานมันก็ฟังดูเหลือเชื่อเกินไป
เพราะเย่หยวนนี้มีพลังบ่มเพาะและอายุที่น้อยเสียจนเกินกว่าจะเชื่อถือได้
แต่เมื่อได้เห็นวิชาทั้งหลายของเย่หยวนนี้ตัวเขาก็เริ่มเชื่อขึ้นมาได้
เย่หยวนนี้สมแล้วที่ได้รับนามของรองมหาปราชญ์มา!
และนี่มันยิ่งทำให้เขามั่นใจในตัวเย่หยวนมากขึ้นไปกว่าเก่า
วินาทีต่อมามันก็เกิดคลื่นพลังยอดเต๋าจุติลงมาในค่ายกลนั้นทำให้ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงยิ่งต้องเบิกตากว้าง
“ค่ายกลทำงาน หลอมโอสถ!”
เย่หยวนกล่าวพร้อมส่งคลื่นพลังทำให้มหาค่ายกลนี้ทำงานขึ้นมาส่องแสงสว่างจ้า
เวลานี้คลื่นพลังยอดเต๋าทั้งหลายนั้นถูกดูดเข้าไปในค่ายกลผสานเข้ากับเหล่าสมุนไพรทั้งหลาย
“อ-โอสถเต๋า! ไม่ผิดแน่แล้ว นี่มันต้องเป็นโอสถเต๋าแล้ว! ต้องใช่แน่ๆ!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงสั่นสะท้านไปทั้งกาย
เขานั้นเป็นคนเฒ่าคนแก่อยู่มานับล้านๆ ปีแต่โอสถเต๋านี้มันก็เพิ่งจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมัน!
โอสถเต๋ามันหายากจนเกินไป!
จู่ๆ สีหน้าของเขานั้นก็ต้องเปลี่ยนสีไป “หรือว่าที่เขากล่าวมามันจะเป็นจริงแล้ว? งานประชุมโอสถสหภูมิภาคนั้นถูกจัดขึ้นเพื่อจัดการเขาผู้นี้ลงหรือ? นี่มัน… จะน่ากลัวเกินไปแล้ว! ยอดคนทั้งหลายนั้นเกิดขึ้นมาทดแทนคนจากรุ่นก่อนเสมอ แต่ละผู้คนเหล่านั้นต่างขึ้นเป็นผู้นำโลกนับล้านๆ ปี! ดูท่าครานี้โอสถบรรพกาลจะได้เจอคู่ปรับที่แท้จริงแล้ว!”
ได้เห็นเย่หยวนหลอมโอสถเต๋าต่อหน้าเช่นนั้นตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหลิงก็ต้องนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวต่างๆ ทันที
เป็นเวลานี้เองที่เขาได้เข้าใจถึงความเป็นไปได้ที่เย่หยวนจะสร้างขึ้นมา!
การจะได้คนเช่นนี้ช่วยหลอมโอสถเมฆาสวรรค์เก้าหลอมให้นั้นมันย่อมเป็นโชคลาภเหนือล้ำของเขาแล้ว
อายุขัยชีวิตใดๆ แลกกับบุญคุณที่มีต่อเย่หยวนนั้นมันย่อมล้วนคุ้มค่าจนเกินรับ
“ให้ตายสิวะ จักรพรรดิผู้นี้มีโชคเสียจริงๆ!” จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงอดไม่ได้ที่จะร้องกล่าวขึ้น
ไม่นานนักแสงสว่างนั้นก็จางหายไปเหลือไว้เพียงแค่โอสถเม็ดสีทองกลางอากาศ
เย่หยวนยื่นมือออกมารับมันไว้ในทันที
เวลานี้ตัวไป่หลี่ชิงหยานนั้นสิ้นสติลงไปแล้ว เย่หยวนจึงต้องใช้นิ้วอ้าปากของนางออกก่อนจะยัดโอสถลงไป
“อาจารย์เย่ นี่มันคือโอสถใดหรือ?” จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงถามขึ้น
“ไม่มีชื่อ!” เย่หยวนตอบไปอย่างไม่คิดสนใจ
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงต้องเบิกตาขึ้น “โอสถมันจะไม่มีชื่อได้อย่างไร?”
“ทำไมโอสถต้องมีชื่อด้วยเล่า?”
“อ่า! ที่นั่งสมาธิเมื่อกี้ หรือว่าเพื่อจะสร้างสูตรโอสถชนิดใหม่ขึ้นมา?” จักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงอ้าปากค้าง
เย่หยวนไม่คิดตอบใดๆ กลับไป เวลานี้เขายังคงใช้พลังที่มีรักษาดึงพลังโอสถเข้าร่างของไป่หลี่ชิงหยาน
ที่ด้านข้างนั้นตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงต้องนั่งนิ่งไม่อาจพูดจา
นั่งสมาธิแค่ร้อยอึดใจก็สร้างสูตรโอสถเต๋าขึ้นมาได้
นี่มันสัตว์ประหลาดพันธุ์ใดกัน?
“อ่า…”
ไป่หลี่ชิงหยานร้องขึ้นมาแสดงท่าเริ่มได้สติ
“ข้า… ยังไม่ตาย?” นางนั้นกล่าวขึ้นด้วยความตกตะลึง
ตอนที่นางเห็นว่าเย่หยวนเดินผ่านม่านหมอกไป นางก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเย่หยวนคงจะกลับออกมาทางเมืองชะตาสวรรค์แล้ว
เพราะฉะนั้นนางจึงได้ลงเขามาและต่อสู้ตั้งแต่ปากทางเข้าเมืองก่อนหน้า
แต่คนทั้งหลายนั้นก็มีฝีมือที่เหนือล้น นางจึงต้องใช้ทุกสิ่งอย่างที่มีระหว่างทางไต่ขึ้นมาจนสิ้น
เมื่อนางได้พบเจอเย่หยวนนั้นตัวนางก็เต็มไปด้วยบาดแผลมากล้นแล้ว บวกกับการที่นางใช้กำลังออกมาอย่างฝืนตัวนางจึงแทบสิ้นใจลง
แต่วิชาการโอสถของเย่หยวนกลับดึงวิญญาณของนางกลับมาจากมือยมทูต
“มีข้าอยู่ด้วย มีหรือที่เจ้าจะตายได้?” เย่หยวนยิ้ม
ไป่หลี่ชิงหยานนั้นพยายามยิ้มตอบกลับมา “ไม่ได้เจอกันเกือบสองพันปี ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเก่งกาจได้ปานนี้แล้ว!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เจ้าเองก็เก่งกาจขึ้นมาก”
ไป่หลี่ชิงหยานมองดูเย่หยวนด้วยความรู้สึกโหยหาอย่างไม่อาจอธิบาย “ข้านึกว่าชีวิตนี้จะไม่ได้เจอเจ้าอีกแล้ว สวรรค์ยังมีตาให้ข้าได้เจอเจ้าอีกครั้งในสถานการณ์สุดสิ้นหวังเช่นนี้”
เย่หยวนได้แต่ต้องถอนหายใจยาว “เด็กโง่เอ้ย”
ไป่หลี่ชิงหยานยิ้มตอบกลับมา “ข้ารู้ว่าตัวข้าโง่เง่า ข้ารู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้แต่ก็ยังไม่อาจห้ามตัวเองได้ เพราะฉะนั้นตอนที่พวกเจ้าออกมาข้าจึงได้ตามออกมาด้วย ข้านึกว่าจะตามเจ้าไปได้ทันที ไม่นึกไม่ฝันว่าการจากลานี้มันจะกินเวลาไปกว่าสองพันปี!”
เย่หยวนนั้นยิ้มตอบกลับไปด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน “สองพันปีมานี้เจ้าไปเจอเรื่องราวใดมา? ใครกันคือคนที่ตามล่าเจ้านี้?”
โอสถเต๋านั้นมันก็คือโอสถเต๋า เมื่อได้รับพลังของมันไปตัวไป่หลี่ชิงหยานก็เริ่มกลับมามีสีหน้าปกติอีกครั้งด้วยเวลาสั้นๆ นี้
เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงที่ด้านข้างได้เห็นดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง
นางผู้นี้ใกล้ตายเต็มทน ในพริบตาเดียวนั้นกลับลุกขึ้นมามีสีหน้าเหมือนคนปกติได้?
นี่หรือคือพลังของโอสถเต๋า?
โอสถเต๋านี้เดิมทีเขาย่อมเคยแต่จะได้ยินถึงความวิเศษของมัน
แต่เวลานี้เขาได้เข้าใจถึงความวิเศษนั้นด้วยตาตัวเองแล้ว
นี้มันเหมือนการเปลี่ยนสิ่งที่เน่าเหม็นกลับให้เห็นของดีงามได้ในพริบตา
หากมีเย่หยวนอยู่ด้วยแล้ว ต่อให้จะอยากตายมันก็คงไม่อาจตายลงได้!
ไป่หลี่ชิงหยานค่อยๆ ลุกยันตัวนั่งด้วยสายตาหนักแน่น
เดิมทีตอนที่นางได้เห็นเย่หยวนครั้งแรก สายตาของนางนั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยความอ่อนโยนที่โหยหา
แต่เวลานี้เมื่อบาดแผลของนางเริ่มหายดีดวงตาของนางก็ปรากฏความมุ่งมั่นหนักแน่นขึ้นมา
เย่หยวนนั้นเข้าใจได้ทันทีว่าไป่หลี่ชิงหยานนั้นไม่ใช่ไป่หลี่ชิงหยานคนเดิมอีกต่อไป
ตอนที่ยังอยู่ในมิติอนัตตากอไผ่นั้นแม้ว่านางจะเป็นยอดอัจฉริยะไร้ต้านแต่สุดท้ายนางก็เป็นแค่อัจฉริยะ เป็นได้แค่นกน้อยในกรง
เวลานี้นางได้พัฒนาตัวไป สายตาของไป่หลี่ชิงหยานนั้นมันแฝงไปด้วยจิตสังหารเบาๆ
สภาพเช่นนี้มันแสดงถึงประสบการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายที่ผ่านๆ มาของนางในเวลาสองพันปีนี้
ไป่หลี่ชิงหยานนั้นไม่เร็วและไม่ช้า ค่อยๆ บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาในช่วงเวลาที่แยกจาก
แต่สีหน้าของเย่หยวนมันกลับหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
เพราะสิ่งเลวร้ายที่ไป่หลี่ชิงหยานได้เจอในช่วงสองพันปีมานี้มันเหนือล้ำจนเกินกว่าที่จะจินตนาการได้
สำหรับเด็กสาวคนหนึ่งแล้ว การที่นางรอดมาจนทุกวันนี้ได้มันนับว่าเป็นปาฏิหาริย์
“หลายครั้งที่ข้าคิดอยากตายให้พ้นๆ ไป แต่เมื่อคิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้เจอเจ้าอีกข้าก็ไม่อาจปล่อยวางมันได้ ความดื้อด้านนี้แหละที่ทำให้ข้าก้าวเดินมาจนถึงวันนี้ ได้เห็นเจ้านั้นเดิมทีข้าก็คิดว่าคงได้ตายตากลับ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เจ้าช่วยเหลือชีวิตไว้อีก”
พูดมาถึงตรงนี้ดวงตาของไป่หลี่ชิงหยานก็เริ่มหม่นหมองลง
“ตอนที่อยู่ในมิติอนัตตากอไผ่กันนั้นข้าไม่อาจห้ามใจไม่ให้รักได้และไม่ได้คิดเรื่องราวให้มากมาย แต่หลังมาถึงมหาพิภพถงเทียนนี้ ได้พบเจอเรื่องราวเฉียดเป็นเฉียดตายมากมายข้าจึงได้เข้าใจว่าเราสองนั้นอยู่กันคนละโลกอย่างแท้จริง แต่จะอย่างไรข้าก็ยังคิดอยากพบเจ้าอยู่ในใจอย่างไม่อาจควบคุม มันเหมือนกับว่าความรู้สึกนี้ได้ควบคุมข้าไว้จนทำให้ข้าไม่อาจหลุดพ้นไปจากมันได้เลย”
“เดิมทีข้านั้นคิดว่าการตายคงเป็นทางเลือกที่ไม่เลว ทำเช่นนั้นแล้วเจ้าก็อาจจะยังจดจำข้าไว้ในใจบ้าง แต่สุดท้ายเจ้าก็เรียกข้ากลับมาจากความตาย”
เวลานี้ตัวไป่หลี่ชิงหยานนั้นมิใช่ไป่หลี่ชิงหยานคนเดิมอีกต่อไป
แต่แม้ตัวนางจะเปลี่ยนแปลงไปเท่าใด หัวใจของนางนั้นกลับไม่เคยเปลี่ยน
เย่หยวนเองก็ไม่ตอบใดๆ กลับไป เพราะตัวเขาย่อมจะไม่อาจสัญญาใดๆ กับไป่หลี่ชิงหยานได้
อย่างที่ไป่หลี่ชิงหยานบอก หัวใจของเขานั้นมันไม่มีที่ว่างอีกแล้ว!
เว้นเสียแต่ว่าเรื่องราวทั้งหมดทั้งหลายที่ไป่หลี่ชิงหยานได้เจอนี้สุดท้ายมันก็เพราะตัวเขา
ในเรื่องนั้นแล้วเขาย่อมจะไม่อาจปล่อยสหายที่ลำบากไปได้อย่างไม่คิดทำอะไร
เย่หยวนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “ศิษย์พี่ไป่หลี่ นำทางไปเถอะ”
ไป่หลี่ชิงหยานได้แต่ต้องถามขึ้น “ไปที่ใด?”
“ไปฆ่า!” เย่หยวนกัดฟันร้องขึ้นมาด้วยจิตสังหารหนักแน่น
………………