“โอสถเก้าม่านหมอกฟ้าขั้นเทวะโมฆะ!”
“โอสถยอดจักรพรรดิเจิ้งยี้ขั้นเทวะโมฆะ!”
…
ไม่นานจากนั้นคนทั้งสี่ที่เหลือก็ได้หลอมโอสถเสร็จสิ้นตามๆ กันมา
แต่ละครั้งที่คนทั้งหลายเปิดหม้อหลอมออกนั้นมันได้ทำให้เกิดเสียงโห่ร้องอย่างตื่นเต้นขึ้นในฝูงชน
เพราะโอสถที่คนทั้งหลายนี้หลอมออกมามันกลับเป็นขั้นเทวะโมฆะสิ้น!
แน่นอนว่าในด้านคุณภาพแล้วมันก็ยังเป็นของจ้าวซีซวนที่เหนือล้ำที่สุด เหนือล้ำกว่าของคนอื่นๆ ไปได้เล็กน้อย
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเมื่อเหล่าโอสถทั้งหลายมันออกมาจากหม้อหลอมแล้วตัวฟางเทียนเหรินก็จะซื้อมันไปด้วยราคาสูงลิ่ว
ศาลากระจกจ้านั้นร่ำรวยมหาศาล พวกเขานั้นใช้ผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมไปถึงหมื่นห้าพันล้านผลึกในการซื้อโอสถทั้งห้าเม็ดนี้
ค่าของเจ้าผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมนี้ หนึ่งผลึกมันมีค่าเท่าผลึกปราณเทวะขั้นสูงถึงหนึ่งหมื่นชิ้น
เพราะฉะนั้นปริมาณขนาดนี้มันมากล้นเกินกว่าที่จะประเมินได้
แต่จะอย่างไรนี่ก็เป็นถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดขั้นเทวะโมฆะ หากมันขายได้แล้วมันคงสร้างกำไรกลับมามหาศาล
เพราะจะอย่างไรเสียเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายก็ไม่มีใครที่ยากจน ตราบเท่าที่มีโอสถขาย พวกเขาย่อมมีกำลังพร้อมซื้อ
เพียงแค่ว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดนั้นมันหายากเกินไป ต่อให้จะมีเงินคนทั้งหลายก็ไม่อาจจะซื้อมันได้
“รองมหาปราชญ์ พวกเราทั้งหลายได้แสดงฝีมืออกมาให้คนอื่นได้เรียนรู้แล้ว มันถึงเวลาของท่านแล้ว! คนดูมากมายปานนี้ท่านคงไม่คิดปล่อยให้พวกเขาผิดหวังหรอกใช่หรือไม่?” จ้าวซีซวนยิ้มเย้ย
เย่หยวนมองดูด้วยหางตา “อืม พวกเจ้าน่าจะยังมีสมุนไพรวิญญาณเหลืออยู่ในมือกันใช่หรือไม่?”
สมุนไพรวิญญษณระดับแปดนั้นมันล้ำค่าอย่างมากและโอสถแต่ละอย่างที่หลอมครั้งนี้มันก็ใช้แค่สมุนไพรที่หายากสิ้น
จ้าวซีซวนยิ้มตอบกลับไป “ย่อมมีแล้ว รองมหาปราชญ์คิดหลอมโอสถให้เราดู เราย่อมจะมอบมันให้ท่านแน่นอน”
เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัด “เอาของเจ้าฟรีๆ ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหากโอสถออกมาแล้วพวกเจ้าจะไม่มาถามหาส่วนแบ่งหรือ?”
สมุนไพรวิญญาณของพวกเขา หากให้พูดแล้วสิทธิในโอสถนั้นมันย่อมจะเป็นของพวกเขา แต่มีหรือที่เย่หยวนจะเอาโอสถของตนไปให้คนทั้งหลายนี้ฟรีๆ?
จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “หมายความว่ารองมหาปราชญ์จะซื้อมัน?”
เย่หยวนไม่คิดสนใจและหันไปหาตัวมู่เถี่ยเฉิงแทน “เจ้าจ่ายซื้อสมุนไพรวิญญาณทั้งหลายนี้ แล้วโอสถที่ข้าหลอมมาจะเป็นของเจ้า สนใจหรือไม่?”
มู่เถี่ยเฉิงผงะไป เรื่องราวดีๆ เช่นนั้นมันจะยังมีอยู่ด้วยหรือ?
แต่ระหว่างที่เขากำลังลังเลนั้นเสียงของฟางเทียนเหรินก็ดังขึ้นที่ข้างหู “รีบๆ ตอบรับไปสิ! นี่รองมหาปราชญ์ลงมือเองเชียวนะ มันอาจจะเหนือล้ำกว่าขั้นเทวะโมฆะก็ได้ เรื่องราวเช่นนี้พลาดแล้วก็คงพลาดเลย! ฮ่าๆๆ…”
พูดจบตัวฟางเทียนเหรินก็หัวเราะขึ้นมา
เทียบกับโอสถแล้วสมุนไพรวิญญาณมันย่อมจะมีราคาถูกกว่ากันมาก
แต่โอกาสที่เย่หยวนจะหลอมโอสถห้าอย่างนี้สำเร็จนั้นมันเป็นสิ่งที่เขากังวล
หากคุณภาพมันออกมาไม่สูงนัก มันคงทำให้ตัวเขาเสียหน้าที่ทำข้อตกลงเช่นนี้
แต่จะอย่างไรรอยยิ้มเย้ยหยามของฟางเทียนเหรินมันก็ทำให้เขาตจัดสินใจ
มู่เถี่ยเฉิงกัดฟันตอบไปด้วยรอยยิ้ม “บูชาพระต้องใช้ธูปเทียน บูชาคนต้องใช้ความเคารพ! ข้าไม่กลัว! รองมหาปราชญ์ ข้ามู่เถี่ยเฉิงจะขอตอบรับข้อเสนอนี้!”
เย่หยวนที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้นมา “ตัดสินใจได้ดี!”
ฟางเทียนเหรินหัวเราะขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน “ช่างเป็นข้อตกลงที่ได้ประโยชน์กันทุกฝ่ายเสียจริงๆ เยี่ยมๆ!”
สุดท้ายมู่เถี่ยเฉิงก็จ่ายค่าสมุนไพรนั้นไปด้วยราคาถึงหนึ่งหมื่นห้าพันล้านผลึกปราณเทวะขั้นเยี่ยมและซื้อสมุนไพรมาจากมือของยอดคนทั้งห้า
เวลานี้ตัวจ้าวซีซวนก็กล่าวพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ด้วยตำแหน่งของรองมหาปราชญ์แล้วข้าว่าหม้อหลอมโอสถของเขาคงเป็นถึงเครื่องรางเต๋าเลยล่ะมั้งนี่? ท่านจะช่วยนำมันออกมาให้เราได้เบิกหูเบิกตาหรือไม่?”
เขานั้นย่อมรู้ว่าเย่หยวนจะไม่มีเครื่องรางเต๋าใดๆ ติดตัวจึงได้กล่าวขึ้นมาเพื่อกดดันเย่หยวน
มีหรือที่เครื่องรางเต๋ามันจะหาง่ายปานนั้น?
หม้อหลอมโอสถที่พวกเขามีนี้ต่างล้วนเป็นสุดยอดสมบัติที่ทุกผู้คนอิจฉาอยากได้ไปครอง
เพราะฉะนั้นรองมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องไม่พ่ายแพ้ในเรื่องของหม้อหลอมโอสถ
เย่หยวนตอบกลับมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “หม้อหลอมโอสถ? มันมีค่าใด? มีแค่ขยะอย่างพวกเจ้าเท่านั้นที่คิดว่าหม้อหลอมโอสถมันเป็นสมบัติล้ำค่า”
จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “ไม่มีหม้อหลอมโอสถแล้วท่านจะเสกโอสถขึ้นจากอากาศหรือ? รองมหาปราชญ์นั้นสมชื่อเป็นรองมหาปราชญ์จริงๆ เราได้เบิกหูเบิกตาแล้ว!”
“ฮ่าๆๆ…”
เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบด้าน
แต่ในวินาทีนั้นเองเย่หยวนก็ขยับมือ
จากนั้นเขาก็แตะลงกลางอากาศวาดสร้างมหาค่ายกลขึ้นมาอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด
ระหว่างที่เย่หยวนวาดสร้างค่ายกลนั้นไปเขาก็ได้โยนสมุนไพรต่างๆ เข้าไปภายในอย่างรวดเร็วเหนือล้ำ
“เต๋าค่ายกลหลอมโอสถ! เขา… เขากลับคิดใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปด!”
“ช่างเป็นค่ายกลที่ลึกล้ำนัก! ข้าไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าเขากำลังทำอะไร!”
“นี่มัน… โอสถทั้งห้าชนิดนี้มันไม่เคยมีใครจะใช้เต๋าค่ายกลหลอมขึ้นมาก่อน! หรือว่าเขา… จะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดได้ด้วยวิธีนี้จริง?”
…
หลังจากหายตื่นเต้นคนทั้งหลายก็เริ่มจะสงสัยขึ้นมา
เพราะจะอย่างไรการใช้เต๋าค่ายกลในการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดนั้นมันก็เป็นสิ่งที่เหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายไม่อาจทำได้ด้วยซ้ำ
เพราะจะอย่างไรเต๋าค่ายกลและเต๋าโอสถมันก็เป็นยอดเต๋าที่แตกต่างกันสิ้นเชิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดเช่นนี้มหาค่ายกลที่ใช้มันจะยิ่งซับซ้อนยุ่งยากเกินกว่าที่นักหลอมโอสถใดๆ จะทำได้
เพราะฉะนั้นเมื่อได้เห็นเย่หยวนใช้ค่ายกลหลอมโอสถนี้คนทั้งหลายจึงตื่นตะลึงเป็นอย่างแรก
จากนั้นมันก็คือความไม่เชื่อ!
จ้าวซีซวนหัวเราะขึ้นมา “คิดหลอกตาผู้คนด้วยการทำเรื่องเหนือจริง! ความยากของโอสถทั้งห้านี้มันสูงล้ำที่สำคัญมันยังลึกลับอย่างมาก มีหรือที่จะใช้ค่ายกลในการหลอมมันได้!”
แต่จะอย่างไรเขาก็ไม่ได้เข้าใจถึงต้นกำเนิดของเต๋าค่ายกล
สิ่งที่เรียกว่าต้นกำเนิดเต๋าค่ายกลนั้นมันคือสิ่งที่มาจากรากฐาน ใช้ในการวิเคราะห์ค่ายกลต่างๆ นาๆ ได้สิ้น
หากรู้แค่เต๋าโอสถไม่รู้เต๋าค่ายกลพวกเขาก็ย่อมจะไม่อาจหลอมโอสถได้
หากรู้เต๋าค่ายกลไม่รู้เต๋าโอสถ พวกเขาก็ย่อมจะไม่อาจหลอมสิ่งใดๆ ได้สิ้น
แต่ทว่าบนมหาพิภพถงเทียนนี้มันจะมีใครทำได้อย่างไรเย่หยวน? สามารถเข้าถึงต้นกำเนิดของสองยอดเต๋าได้พร้อมๆ กัน?
ค่ายกลที่เย่หยวนสร้างขึ้นมานั้นมันยิ่งดูซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับการโยนสมุนไพรวิญญาณต่างๆ นาๆ เข้าไปในค่ายกลนั้น
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือสมุนไพรวิญญาณที่เขาโยนเข้าไปนั้นมันมิใช่เพียงแค่สมุนไพรที่ใช้หลอมโอสถเจ็ดสมบัติเร้นโลหิต มันดูยุ่งเหยิงวุ่นวาย
บางครั้งเขาก็โยนสมุนไพรที่ใช้ในโอสถเจ็ดสมบัติเร้นโลหิต บางทีก็ใช้สมุนไพรของโอสถยอดจักรพรรดิเจิ้งยี้ มันไม่มีลำดับขั้นตอนใดๆ ให้ผู้คนเรียนรู้
เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้น พวกเขาก็ยิ่งจะดูถูกหนักไปกว่าเก่า
ต่อให้จะใช้ค่ายกลหลอมโอสถ มันก็ต้องมีลำดับขั้นตอนของมันมิใช่หรือ?
ไม่ใช่ว่าจะโยนมั่วๆ ได้!
ฟางเทียนเหรินหัวเราะลั่นขึ้นมาเมื่อได้เห็น “ฮ่าๆๆ… บูชาคนต้องใช้ความเคารพ! มู่เถี่ยเฉิง ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะยังมีใครเคารพเจ้า! สิ่งที่เขาทำนี้มันคงทำให้เจ้าต้องเสียหนึ่งพันห้าร้อยล้านฟรีๆ แล้ว! รองมหาปราชญ์ใด ไร้สาระ!”
มู่เถี่ยเฉิงเองก็มีสีหน้าหนักหัวใจ เพราะเวลานี้เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้ถูกหลอกแล้ว
เย่หยวนทำเช่นนี้เขาคงต้องเสียทุกอย่างไปสิ้น!
นอกจากรองมหาปราชญ์นี้จะไม่สมชื่อแล้ว เขายังมีแต่คำหลอกลวง!
ตัวเขาไปหลงเชื่อได้อย่างไรกัน?
ได้ยินคำว่าของฟางเทียนเหรินสุดท้ายเขาก็ไม่อาจจะหาคำใดมาตอบกลับไป
เมื่อหมดหวังเขาจึงได้แต่ต้องถอนหายใจยาวเดินหันหน้ากลับ
แต่ในเวลานั้นเองค่ายกลของเย่หยวนมันก็ได้เสร็จสมบูรณ์ลง
“ห้าค่ายกลเชื่อม จงทำงาน! หลอมโอสถ!”
จู่ๆ เย่หยวนก็ร้องบอกขึ้นมาทำให้ค่ายกลยักษ์นี้สั่นสะเทือนขึ้น
วินาทีนี้มันเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมากลางอากาศ!
ความเจิดจ้านี้มันสว่างทะลุฟ้า สว่างจนคนทั้งหลายไม่อาจจะมองดูภาพตรงหน้าได้เสียด้วยซ้ำ
พร้อมๆ กันนั้นมันก็เกิดคลื่นพลังลึกลับสั่นสะเทือนไปทั้งเมืองหทัยเมฆา
ค่ายกลที่หลอมโอสถขึ้นมาพร้อมๆ กันห้าชนิดนี้มันจะต้องก่อให้เกิดพลังรุนแรงปานใด?
ทุกผู้คนต่างต้องอ้าปากค้างมองดูค่ายกลยักษ์ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เวลานี้เหมือนว่าพวกเขาทั้งหลายจะลืมเลือนเรื่องเวลาไป หลังจากที่แสงนั้นค่อยๆ จางลงมันก็ปรากฏเม็ดโอสถสีใสห้าเม็ดลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ
……………..