“ถูกเขียนขึ้นโดยท่านโอสถบรรพกาล! มันคือตำราที่เขียนโดยท่านโอสถบรรพกาลเอง!”
“ต่อให้มันจะเป็นแค่เศษเสี้ยวของเต๋าโอสถที่โอสถบรรพกาลมีมันก็คงมากพอจะเป็นประโยชน์กับเราไปทั้งชีวิต!”
“ในงานครั้งนี้ทางสมาพันธ์โอสถสหภูมิภาคได้วางรางวัลอย่างใหญ่โตจริงๆ! อันดับหนึ่งที่ว่านี้ข้าต้องเอามันมาให้ได้!”
…
วินาทีเหล่าผู้เข้าร่วมงานทั้งหลายต่างตื่นเต้นตกตะลึงเพราะตำราที่เขียนด้วยมือของโอสถบรรพกาลนี้มันล้ำค่ากว่าสิ่งใด
ตำราเต๋าโอสถที่เขียนขึ้นโดยยอดคนอันดับหนึ่งนั้นมันย่อมจะน่าดึงดูดเกินกว่าที่นักหลอมโอสถคนใดๆ จะปล่อยผ่านไป
เวลานี้แม้แต่เย่หยวนเองก็ยังรู้สึกสนใจกับคำว่า ‘เขียนโดยโอสถบรรพกาล’ นี้เช่นกัน
หากให้พูดถึงตำนานในการโอสถแล้วบนโลกหล้ามันคงไม่มีใครเกินกว่าโอสถบรรพกาลผู้นี้ไป
เต๋าโอสถของเขานั้นมันมีค่าเหนือล้ำกว่าสมบัติใดๆ สำหรับเหล่านักหลอมโอสถ
ไม่ว่าจะเป็นสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดใดๆ มันก็ล้วนไม่อาจจะเทียบค่ากับตำราที่เขียนโดยโอสถบรรพกาลนี้ได้
ในฝูงชนนั้นหยุนยี่ที่ได้ยินก็ต้องเบิกตากว้างอย่างสนใจขึ้นมา
“หึๆ ศิษย์น้อง เจ้าคงสนใจมันมากแล้ว!” หนิงซืออวี๋กล่าวขึ้นมาพร้อมเสียงหัวเราะ
หยุนยี่เองก็ไม่คิดปิดบังตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “ทำไมเล่า? หรือเจ้าไม่สนใจ?”
หนิงซืออวี๋หยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวมาด้วยท่าทางไม่แยแส “ได้มาก็ดี ไม่ได้ก็ช่าง ข้าไม่สนใจมันมากมายนัก จะอย่างไรตำราที่โอสถบรรพกาลเขียนมันก็คงไม่ได้เหนือล้ำกว่าสิ่งที่อาจารย์สอนสั่งพวกเราไปมากมาย”
หยุนยี่พยักหน้ารับเมื่อได้ยิน “เรื่องนั้นข้าย่อมไม่เถียง แต่ทุกผู้คนนั้นมีจุดอ่อนจุดแข็งเป็นของตัวเองสิ้น การเรียนรู้จากจุดแข็งของผู้คนนั้นมันจะช่วยทำให้เราเก่งกาจขึ้นได้ในทันที ข้าว่าเวลานี้ตัวอาจารย์เองก็คงสนใจไม่น้อยไปกว่าข้าหรอก”
หนิงซืออวี๋ได้แต่ต้องส่ายหัวกล่าวขึ้น “เจ้านี่นะ ทำตัวเหมือนอาจารย์เข้าไปทุกวัน”
หยุนยี่ยิ้มรับอย่างไม่คิดปฏิเสธ
เย่หยวนนั้นสั่งสอนเขาอย่างมากล้น ความเคารพที่เขามีต่อเย่หยวนนั้นมันถูกฝังลึกลงไปในกระดูก
แต่พร้อมๆ กันนั้นเขาก็ตั้งเย่หยวนไว้เป็นเป้าหมายและคู่ปรับของชีวิต
เพราะนี่คือสิ่งที่เย่หยวนสอนให้เขาทำเช่นกัน
ที่ด้านข้างนั้นชายหนุ่มวัยกลางคนก็ได้กล่าวขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม “หึ อวดดีไม่รู้จักขอบเขตจริงๆ! เด็กน้อยสองคนกลับมาพูดจาราวกับว่าตำรานั้นมันอยู่ในมือเจ้าไปแล้ว”
ชายผู้นี้มีคลื่นพลังสุดแสนรุนแรง เขานั้นเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์และจอมเทพโอสถแปดดาวผู้หนึ่ง
อีกเสียงหนึ่งกล่าวขึ้นมาตาม “หึๆ อาจารย์ผิงชวนอย่าได้โกรธไปเลย หนุ่มสาวมันไม่เคยได้เห็นโลก มันย่อมจะไม่ได้รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินใหญ่ปานใด”
จากนั้นก็มีเด็กหนุ่มในชุดสีแดงชาดกล่าวขึ้นด้วยความโอหัง “เด็กน้อย เลิกหวังลมๆ แล้งๆ เถอะ ตำราของโอสถบรรพกาลท่านนี้เป็นของเราคนอาณาจักรทหัยเมฆา ไม่มีใครจะนำมันออกไปได้”
สีหน้าของพวกเขานั้นเปลี่ยนสีไปทันทีพร้อมๆ หันมามองดูที่เด็กหนุ่มผู้นี้
คำพูดของเขานี้มันบอกชัดเจนว่าเขานั้นเป็นยอดฝีมือจากอาณาจักรทหัยเมฆา
“ที่แท้คือโซวรุย! เขานั้นเป็นผู้เยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรทหัยเมฆา! ไม่นึกเลยว่าคนอย่างเขานี้ก็จะมาร่วมงานกับเขาด้วย!” เสียงร้องกล่าวขึ้นมาอย่างตกตะลึง
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินพวกเขาก็หน้าถอดสีไปตามๆ กัน
ยอดฝีมือที่มาเข้าร่วมงานประชุมโอสถสหภูมิภาคนั้นมันมีมากมายเหล่ายอดศิษย์จากค่ายสำนักต่างๆ ล้วนมากันสิ้น
และในหมู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นอาณาจักรทหัยเมฆาย่อมจะแข็งแกร่งที่สุด
เท่านี้คนทั้งหลายก็ได้เข้าใจแล้วว่ารางวัลนี้มันไม่ง่ายอีกต่อไป
หยุนหยี่และโซวรุยมองหน้ากันอย่างไม่คิดตอบโต้วาจาใดๆ
สภาพของหยุนยี่ในเวลานี้มันหนักแน่นกว่าแต่ก่อนไปมาก ไม่มีทางที่จะแสดงความโกรธไม่พอใจออกมาต่อหน้าผู้คนง่ายๆ
เพราะว่าเวลานี้เขามีความแข็งแกร่งที่มากพอจะทำมันได้
จะเขย่าแรงเท่าใดน้ำที่เต็มถังก็จะไม่มีทางส่งเสียง แต่หากคนผู้นั้นเป็นแค่ถังที่มีน้ำครึ่งเดียวแล้วมันก็ย่อมจะเกิดเสียงดังลั่น
แน่นอนว่าที่เขาทำตัวเช่นนี้มันก็เพราะการสั่งสอนของเย่หยวนด้วยเช่นกัน อย่างที่ตัวหนิงซืออวี๋บอกว่าหยุนยี่นั้นทำตัวเหมือนเย่หยวนเข้าไปทุกวัน
แน่นอนว่าท่าทางเช่นนี้ของเขามันย่อมจะถูกตัวโซวรุยมองว่าเขายอมแพ้ไม่คิดต่อสู้
ไม่นานนักในที่สุดงานประชุมโอสถสหภูมิภาคมันก็ได้เริ่มขึ้นพร้อมปรากฏประตูยักษ์ที่ด้านหน้าของทุกผู้คน
จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูกล่าวขึ้น “ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเจ้านั้นมันคือประตูเคลื่อนย้ายเจดีย์ใหญ่จักรพรรดิ หลังจากเจ้าผ่านประตูนี้ไปแล้วเจ้าจะถูกจับสุ่มลงในห้วงมิติที่มีแค่เจ้าและศัตรูของเจ้า หลังจากประลองกันเรียบร้อยแล้วเจดีย์ใหญ่จักรพรรดิจะตัดสินความชนะพ่ายแพ้ของเจ้าให้เอง เอาล่ะ เวลานี้ข้าขอประกาศเริ่มงานประชุมโอสถสหภูมิภาคอย่างเป็นทางการ”
เจดีย์ใหญ่จักรพรรดินั้นมันเป็นสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ชื่อดังของทางอาณาจักรทหัยเมฆา ด้วยพลังที่แทบไร้สุดของมันนั้นมันจึงได้กลายมาเป็นสนามประลองการโอสถของงานนี้
ก่อนๆ มานั้นเมื่อใดที่อาณาจักรทหัยเมฆาคิดจัดงานใหญ่ พวกเขาก็จะนำมันออกมาใช้เสมอๆ
เพียงแค่ว่างานใหญ่ระดับงานประชุมโอสถสหภูมิภาคนี้มันไม่ได้ถูกจัดขึ้นมาแสนนานแล้ว
ภายใต้คำสั่งนั้นของเขาทุกผู้คนต่างก็ได้ค่อยๆ จางหายไปจากลานกว้างเข้าไปในเจดีย์ใหญ่จักรพรรดิ
ลานกว้างที่แออัดนั้นมันได้กลายเป็นที่ว่างเปล่า
จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูชี้นิ้วขึ้นบนท้องฟ้าเผยให้เห็นจอแสงขึ้นแสดงภาพภายในเจดีย์ใหญ่จักรพรรดิต่อหน้าทุกผู้คน
เมื่อจบเรื่องจักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูก็ค่อยๆ กลับมานั่งลงพร้อมหันมองดูเย่หยวน “ข้านั้นได้ยินนามอันเลื่องลือของรองมหาปราชญ์มานาน ได้เห็นท่านวันนี้ท่านช่างสมชื่อเสียงจริงๆ”
เพราะจิตต่อสู้เมื่อสักครู่นี้ของเขานั้นแม้แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์เก้าดาวยังยากที่จะขัดขืนปัดป้องมัน แต่เย่หยวนกลับแก้ไขมันได้ในทันทีทำให้เขาสนใจขึ้น
แม้ว่าในโลกภายนอกนั้นคนทั้งหลายจะชื่นชมเย่หยวนอย่างมากมายแต่เขา จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูนั้นคือใคร?
เขานั้นคือศิษย์โดยตรงของโอสถบรรพกาลและเป็นหนึ่งในยอดคนหนึ่งมหาพิภพถงเทียนนี้อย่างแท้จริง
เขานั้นคิดว่าแค่ใช้จิตต่อสู้ของตนมันก็คงมากพอจะเอาชนะเจตจำนงของเย่หยวนได้
แต่น่าเสียดายที่เขาพลาดไป
แต่แทนที่จะเสียใจ เขานั้นกลับยิ่งสนใจในตัวเย่หยวนมากขึ้นกว่าเก่า
เย่หยวนตอบกลับไปด้วย ‘อืม’ สั้นๆ อย่างไม่คิดสนทนา
ในวินาทีนั้นอากาศในพื้นที่โดยรอบมันจึงหนักอึ้งขึ้นทันที
คำว่า ‘อืม’ นี้มันเต็มไปด้วยความท้าทายอย่างหาที่สุดไม่ได้
จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูยิ้มตอบกลับไป “ข้าได้ยินว่าศิษย์ของรองมหาปราชญ์เองก็มาร่วมในงานประชุมโอสถสหภูมิภาคนี้เช่นกัน รองมหาปราชญ์นั้นเป็นยอดคนมากพรสวรรค์ก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรโอสถเต๋าได้ด้วยอายุแค่สองพันกว่าปี สงสัยเหลือเกินว่าศิษย์ของท่านนั้นจะรอดผ่านรอบแรกไปได้หรือไม่?”
ท้าทาย นี่มันคือคำท้าทายอย่างแจ่มแจ้ง
รองมหาปราชญ์นั้นเป็นยอดอัจฉริยะอย่างแท้จริง เรื่องนี้ต่อให้จะอยากเถียงอย่างไรมันก็คงไม่มีใครเถียงได้
แต่รองมหาปราชญ์นั้นเพิ่งจะบรรลุเต๋ามาได้ไม่นาน จะมีเวลาสั่งสอนศิษย์ให้เก่งกาจได้สักเท่าใด?
ต่อให้เขาจะสั่งสอนศิษย์ทั้งวันทั้งคืนมันก็คงไม่มีทางใดที่ศิษย์ของเขาจะเก่งกาจกว่าศิษย์คนอื่นๆ ที่สั่งสอนกันมาเป็นล้านๆ ปีได้
ทุกผู้คนต่างหันมามองดูทางเย่หยวนสนใจว่าเขาจะตอบกลับไปอย่างไร
เย่หยวนจึงได้ตอบออกมา “จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูนั้นช่างมีความคิดที่ตื้นเขิน ท่านไม่เข้าใจหรือว่าศิษย์ที่เก่งกาจนั้นย่อมเกิดขึ้นมาจากอาจารย์มากฝีมือ?”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูยิ้มตอบกลับไป “โอ้? จะเก่งกาจปานใด?”
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “เก่งกว่าท่านแล้วกัน”
ทุกผู้คนต้องสูดหายใจเข้าลึกเมื่อได้ยิน คำพูดนี้มันแทบจะเป็นการประกาศสงครามก็ไม่ปาน
จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูไม่ได้แสดงท่าทีสนใจใดๆ และยิ้มตอบกลับไป “หลานศิษย์ของจักรพรรดิผู้นี้นามว่าโซวรุยเองก็ถูกยกย่องว่าเป็นยอดคนอันดับหนึ่งในรุ่นเยาว์ รองมหาปราชญ์คิดว่าศิษย์ของท่านจะเทียบเคียงเขาได้หรือไม่?”
พูดไปจอแสงบนลานกว้างมันก็ดับวูบลงไปจุดหนึ่งเผยให้เห็นร่างสองผู้คนกลับมาบนลานกว้าง
แน่นอนว่ามันย่อมเป็นโซวรุยแล้ว
กลับกลายเป็นว่าเขานั้นเอาชนะไปแล้ว
ในเวลาสั้นๆ ที่พูดคุยกันได้ไม่กี่คำนี้โอสถใดๆ ยังไม่ทันจะได้หลอมแต่ตัวเขานั้นกลับเอาชนะไปได้ก่อนแล้ว
บนที่นั่งคนดูนั้นคนทั้งหลายต่างต้องร่ำร้องขึ้นมาพร้อมๆ กัน
ดูท่าแล้วเหล่าบรรพกาลทั้งหลายเองก็คงตื่นตะลึงไม่น้อย
เวลานี้คู่ต่อสู้ของเขานั้นได้แต่ต้องนั่งคอตกอย่างหมดแรง
เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูเห็นภาพนั้นเขาก็หันหน้ามาหาเย่หยวนด้วยใบหน้าเยาะเย้ยแต่กลับพบว่าเย่หยวนไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตะลึงใดๆ
“ว่าอย่างไรเล่ารองมหาปราชญ์?” จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูยิ้มถาม
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “ไม่เท่าไหร่! หลานศิษย์ของเจ้านี้มันไม่ได้มีความหนักแน่นแสวงต่อเต๋าโอสถมากมาย ไม่มีอะไรต้องเกรงกลัวไป”
โซวรุยนั้นใช้กำลังจิตบดขยี้ศัตรูทำให้ศัตรูของเขานั้นต้องยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลงมือหลอมใดๆ
โอสถใดๆ นั้นมันยังไม่ทันจะได้หลอมตัวขึ้นแม้แต่น้อย
เรื่องราวเช่นนั้นมันเป็นการเสียของอย่างที่เย่หยวนดูถูกที่สุด
จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูยิ้มตอบกลับไป “ข้านั้นควบคุมสมุนไพรวิญญาณด้วยเต๋าของข้า มีหรือที่มันต้องแสวงหาใด?”
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “ชีวิตทั้งหลายนั้นล้วนมีวิญญาณ เจ้าต้องเคารพพวกมันก่อนเท่านั้น มันถึงจะยอมเคารพเจ้ากลับ!”
………………..