ฟู่!
หลังจากคิดอีกนานนับเดือนเย่หยวนก็ได้วางหมากอีกครั้ง
ตราหยินหยางนั้นปรากฏขึ้นมาพร้อมด้วยพลังของยอดเต๋าที่ก่อตัว
ฟู่!
โอสถบรรพกาลนั้นวางหมากลงอีกครั้งทันทีทำลายตราหยินหยางของเย่หยวนทันที
ไม่สนใจฟ้าดิน!
เหนือล้ำอย่างไม่ต้องสนใจฟ้าดินใด!
พื้นฐานใดๆ นั้นล้วนถูกเย่หยวนก่อสร้างขึ้นมาสิ้น ทุกสิ่งอย่างมันควรจะเป็นของเย่หยวนมาแต่แรก
แต่โอสถบรรพกาลกลับแข็งแกร่งจนเกินไป
มันคือพลังความแข็งแกร่งที่ทำให้ผู้คนต้องสิ้นหวัง
มีเพียงตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อเท่านั้นที่ยังยิ้มออกมาได้ราวกับมันเป็นเรื่องปกติ
โอสถบรรพกาลนั้นไม่ได้ลงมือต่อหน้าผู้คนมานานแสนนานและได้กลายเป็นเสาหลักของโลก
ทุกผู้คนนั้นรู้ว่าเขานั้นเก่งกาจแต่ไม่มีใครรู้แน่ว่าเขาเก่งกาจเท่าใด
แต่วันนี้เมื่อเขาลงมือแล้วมันย่อมจะทำให้มหาพิภพต้องสั่นสะท้าน!
เขานั้นมีพลังที่ไร้ต้าน มีพลังเหนือล้ำกว่าทุกยุคสมัย!
เขานั้นคือกฎ
เขานั้นคือเต๋าโอสถ
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเก่งกาจมากพรสวรรค์ปานใด ไม่ว่าจะมีวิชาฝีมือที่เหนือล้ำปานใด ต่อหน้าพลังที่เหนือล้ำเช่นนี้แล้วมันก็ย่อมจะไร้ค่า
จุดที่เขายืนอยู่นี้มันสูงส่งกว่าเย่หยวน สูงส่งกว่าดาวรุ่งผู้นี้ไปอย่างสิ้นเชิง
ความแตกต่างมันมากจนเกินกว่าจะเอาอะไรมาปิดกลบ!
โลกที่เย่หยวนค่อยสร้างขึ้นมานี้มันกลับไม่มีค่าใดต่อหน้าโอสถบรรพกาลเลย
แค่มองครั้งเดียวคนทั้งหลายก็เข้าใจ
โลกของเย่หยวนนี้ถูกโอสถบรรพกาลปกครองสิ้น!
ยอดคนอันดับหนึ่งนั้นมันช่างแข็งแกร่งไม่สนใจฟ้าดิน!
“รองมหาปราชญ์อยู่ในอันตรายแล้ว! หลังจบการต่อสู้นี้ไป เขาคงต้องร่วงตกลงสู่ดินแน่”
“รองมหาปราชญ์นั้นมีพรสวรรค์เหนือล้ำกว่าใครๆ ตั้งแต่อดีตกาลมา ข้าคิดว่าต่อให้เขาจะแพ้เขาก็คงแพ้อย่างสมศักดิ์ศรี ไม่นึกว่าจะแพ้พ่ายได้ย่อยยับปานนี้!”
“น่าอนาทเกินไปแล้ว ไม่มีกำลังจะต่อต้านได้แม้แต่น้อย! ต่อให้เทียบกับท่านศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเขานั้นก็ยังอ่อนแอกว่ามาก”
“ข้านึกว่าจะได้เห็นการประลองน่าตื่นตา ไม่นึกเลยว่ามันจะย่อยยับได้ขนาดนี้ ไม่มีอะไรน่าสนใจให้ดูแล้ว”
…
หลังจากหายตื่นเต้นคนทั้งหลายก็เริ่มรู้สึกเฉยชา
ตำนานยิ่งใหญ่ของเย่หยวนนั้นมันคงได้มาจบลงเท่านี้แล้ว
โอสถบรรพกาลนั้นจะอย่างไรก็เป็นโอสถบรรพกาล เป็นที่หนึ่งของวงการโอสถในมหาพิภพถงเทียน
แน่นอนว่าแม้มันจะน่าเบื่อแค่ไหนพวกเขาก็ยังคงดูต่อ
เพราะนี่คือการลงมือของโอสถบรรพกาล งานยิ่งใหญ่ที่สิบล้านปีอาจจะมีขึ้นมาได้สักครั้ง มีหรือที่ใครจะพลาด?
ยอดเต๋าในระดับนี้หากเข้าใจแม้แต่เศษเสี้ยวมันก็มากพอจะเป็นประโยชน์ไปทั้งชีวิต
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นมองดูเรื่องราวอย่างหนักใจ เวลานี้จิตใจของเขานั้นเต้นรัวอย่างไม่เป็นจังหวะไม่อาจควบคุม
โอสถบรรพกาลเก่งกาจขึ้นอีกขั้นแล้ว!
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือมันมิใช่แค่ขั้นเล็กๆ!
ต่อให้จะเป็นเขาที่ปะทะกับโอสถบรรพกาลในเวลานี้ เขาก็คงไม่ได้มีสภาพดีกว่าเย่หยวนไปมากมายนัก
หลังจากผ่านไปสิบล้านปีขณะที่ตัวเขานั้นยังก้าวย้ำอยู่ที่เดิมตัวโอสถบรรพกาลกลับกระโดดพัฒนาสู่เต๋าโอสถ
“อาจารย์ รองมหาปราชญ์คงไม่อาจทนได้แล้ว! นี่มัน… เส้นทางสู่หายนะโดยแท้!” จีโมบอก
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เคยเห็นเย่หยวนลำบากขนาดนี้
ทุกย่างก้าวของเขานั้นมันถูกวางลงอย่างยากลำบาก
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลยิ้มตอบกลับไป “ข้าทำร้ายเจ้าเด้กคนนี้แล้ว!”
จีโมจึงหันหน้ามาถาม “ทำไมอาจารย์พูดเช่นนั้นเล่า?”
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลตอบกลับมาด้วยใบหน้าหนักใจ “อาจารย์เจ้านี้คิดมาเสมอว่าเจ้าเฒ่านี่มันจิตใจความคิดคับแคบคิดกดหัวศัตรูทั้งหลายลงไว้สิ้น แต่เมื่อได้เห็นเขาในวันนี้แล้วข้าจึงได้เข้าใจว่าข้ามองเขาผิดไป!”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่ได้ยินต้องหันหน้ามาฟังเมื่อได้ยินอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
อาจารย์ของพวกเขาและโอสถบรรพกาลนั้นเป็นศัตรูกันมาอย่างยาวนาน มันเป็นสิ่งที่คนทั้งวิหารนักบวชรู้กันดี
แต่คำพูดนี้ของอาจารย์มันจะหมายถึงเรื่องใด?
“อาจารย์หมายความว่าอย่างไร?” จีโมถาม
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลตอบกลับไป “เจ้าเฒ่านั่นมันมีจิตใจคับแคบจริงแต่มันก็เป็นยอดอัจฉริยะที่ไร้เปรียบเช่นกัน! การประลองกันครั้งก่อนนั้นมันได้ทำลายจิตเต๋าของข้าลงจริงแต่หลายล้านปีมานี้มันก็ได้เอาเต๋าของข้าไปเสริมยอดเต๋าของตัวมัน! ทำให้เวลานี้พลังฝีมือของมันเหนือล้ำกว่าที่เคยประลองกันไปอย่างมากล้น!”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างสั่นสะท้านไปทั้งกาย ในที่สุดก็ได้เข้าใจความหมายของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล
ยอดคนอันดับหนึ่งในเต๋าโอสถนี้กลับแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนไปมาก!
มันย่อมจะหมายความว่าโอสถบรรพกาลนั้นก้าวเข้าใกล้โอสถเต๋าแท้ไปอีกขึ้น
โอสถบรรพกาลในเวลานี้มันได้ก้าวล้ำตัวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลไปอย่างไม่เห็นฝุ่น
แล้วใครกันเล่าจะยังเทียบเคียงโอสถบรรพกาลได้?
เป็นเวลานั้นเองที่คนทั้งหลายได้เข้าใจว่ามันมิใช่เย่หยวนที่อ่อนแอ แต่มันเป็นโอสถบรรพกาลที่แข็งแกร่งจนเกินไป!
เมื่อก้าวขึ้นมาถึงระดับของโอสถบรรพกาลแล้วการจะพัฒนาใดๆ มันย่อมแทบเป็นไปไม่ได้
แต่ใครจะไปคิดว่าคนอย่างเขานี้กลับยังเรียนรู้จากผู้คนและเอามันมาใช้พัฒนาฝีมือตัวเองได้?
เมื่อโอสถบรรพกาลก้าวล้ำตัวมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลไปได้แล้วมันจะยังมีใครที่ตามเขาได้ทัน
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นไม่อาจตามทัน เย่หยวนยิ่งไม่ต้องพูดถึง!
จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อยิ้มขึ้นมา “อาจารย์นั้นเป็นยอดคนอันดับหนึ่งในเต๋าโอสถ และมิใช่แค่อันดับหนึ่งในเรื่องของฝีมือแต่รวมไปถึงเรื่องพรสวรรค์ด้วย! คนทั้งโลกนั้นต่างคิดว่าอาจารย์ไม่อาจพัฒนาฝีมือไปได้อีกแล้วแต่แท้จริงเขานั้นยังคงพัฒนาขึ้นทุกๆ วัน รองมหาปราชญ์นั้นมีพรสวรรค์มากล้นอาจจะเหนือล้ำกว่าอาจารย์จริง แต่น่าเสียดาย… ที่เขานั้นยังไม่อาจจะมีเวลาบ่มเพาะมากพอ”
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าซีดขาว “ข้าทำร้ายเจ้าหนุ่มนี่แล้ว! หลังจากวันนี้ไปจิตเต๋าของเขา…”
เย่หยวนนั้นหนักแน่นอย่างมาก เหนือล้ำกว่าเหล่าบรรพกาลทั้งหลายไปสิ้นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นเข้าใจ
เพียงแค่ว่าโอสถบรรพกาลนั้นแข็งแกร่งจนเกินไป!
ฝีมือของเขานี้มันเหนือล้ำกว่าที่ใครจะเข้าใจได้
เย่หยวนนั้น… จะอย่างไรก็ยังไร้ประสบการณ์จนเกินไป
แต่ละหมากนั้นเย่หยวนยังคงพยายามฝืนทนต่อไป
แต่ยิ่งเล่นไปนานหมากตาหลังๆ เย่หยวนยิ่งต้องใช้เวลาคิดนานขึ้นและนานขึ้น
จากหนึ่งเดือนเป็นสองเดือน จากนั้นก็กลายเป็นสามเดือน
พริบตาเวลาก็ผ่านได้ไปหลายปี แต่เย่หยวนยังคงวางหมากไปได้แค่ไม่กี่ตัว
แต่จะอย่างไรเย่หยวนก็ไม่ได้แสดงท่าทีกังวลออกมา เขานั้นยังคงตั้งสมาธิอยู่กับการสร้างโครงสร้างของโลกนั้น
โอสถบรรพกาลนั้นมีเต๋าที่ไม่คิดสนใจใครหน้าไหน ทำลายเต๋าของเย่หยวนเหมือนดั่งขุนเขาที่กดลงบดทับ
นี่มันคือความแตกต่างระหว่างคนทั้งสอง!
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนได้พบเจอถึงสุดยอดพลังของโอสถเต๋า
นี่เป็นครั้งแรกที่เขานั้นรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้พลังในการโอสถ
เวลาผ่านไปได้กว่าห้าสิบปี หมากตานี้เย่หยวนใช้เวลาคิดมากว่าสิบปีแล้ว
ฟู่!
เย่หยวนนั้นวางหมากลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
ฟู่!
โอสถบรรพกาลนั้นวางหมากลงตามทันทีทำลายตราหยินหยางของเย่หยวนอย่างไร้ปรานี
“อ่อก!”
เย่หยวนนั้นต้องกระอักเลือดออกมาใส่กระดานหมาก
นั่นทำให้เกิดเสียงแตกตื่นฮือฮาขึ้นทั่ว ทุกผู้คนเข้าใจแล้วว่าเย่หยวนคงพ่ายแพ้แล้ว
สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันเหมือนไม้เสียบผีดวงตาลึกโบ๋ ราวกับว่าร่างกายของเขานั้นแห้งเหี่ยวลงป่วยใกล้ตาย
“เขายังกลับทนทานไว้ได้! แท้จริงเขาน่าจะยอมแพ้ไปนานแล้ว!”
“เย่หยวนนั้นยังอ่อนแอเกินไป! เขานั้นไม่มีพลังพอจะต้านทานโอสถบรรพกาลเลย แต่ตัวเขาเองนั้นกลับไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้”
“เส้นทางเดินของเขานั้นมันราบรื่นจนเกินไปไม่เคยพ่ายแพ้ เมื่อต้องมาเจอความพ่ายแพ้เช่นนี้เขาจึงไม่อาจจะทำใจยอมแพ้ลงได้”
…
ในสายตาของคนทั้งหลายนั้นเย่หยวนย่อมจะแพ้มาตั้งแต่เริ่ม
การที่ทนทานมาจนถึงวันนี้มันก็เพื่อจะรักษาหน้าตัวเองสิ้น
หนิงซืออวี๋นั้นดึงเสื้อของหยุนยี่ไว้อย่างแรงจนมันแทบฉีกขาด
นางนั้นกัดฟันแน่นกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “อาจารย์ท่าน… จะไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หยุนยี่เองก็มีดวงตาแดงก่ำตอบกลับมาพร้อมส่ายหัว “ข้าไม่รู้ อาจารย์นั้น… อาจจะเป็นอันตรายจริงๆ แล้ว!”
“ทำไม? ทำไมถึงยังไม่ยอมแพ้? ด้วยพรสวรรค์ของอาจารย์นี้มีหรือที่วันหน้าท่านจะไม่อาจก้าวล้ำโอสถบรรพกาลไป ทำไมต้องฝืนทนตัวเองมาจนถึงป่านนี้ด้วย?” หนิงซืออวี๋กล่าวขึ้นด้วยน้ำตา
“เฮ้อ บางที… อาจารย์ท่านอาจจะมีแผนใดอยู่!”
เวลานี้ดวงตาทั้งสองของเย่หยวนมันยิ่งจมลงลึกร่างกายผอมบางขึ้นทุกทีๆ เป็นสภาพที่ใกล้ตายเต็มทน
แต่เขานั้นกลับยังไม่เคยคิดถึงเรื่องการยอมแพ้ใดๆ
…………………………