“คำพูดนั้นข้าจะขอคืนมันให้เจ้า! เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดอยากยุ่งใดๆ คิดปล่อยพวกเจ้าไป แต่ตอนนี้… เตรียมตัวตายเถอะ!” เย่หยวนกล่าวออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจ
คำพูดนี้มันย่อมทำให้เกิดเสียงหัวเราะขึ้นมาจากทั้งแปดยอดฝีมือ
จักรพรรดิเทพสวรรค์สองดาวคนหนึ่งกลับมากล่าวพูดเช่นนี้ออกมา มันช่างน่าขัน
ชายวัยกลางคนชุดขาวผู้หนึ่งจึงหัวเราะตอบกลับมา “หึๆ เจ้าคิดว่าแค่มีกายทองคำสัมบูรณ์ระดับแปดก็จะเก่งกาจเหนือฟ้าดินในมิติสงครามดึกดำบรรพ์แล้ว? เด็กน้อย เจ้ามันยังขาดประสบการณ์ไปมาก!”
ตี้หยางนั้นกล่าวขึ้น “สหายหนุ่มเย่ ระหว่างที่เราจัดการพวกมันทั้งหลายนี้เจ้าจงไปเสียเถอะ! จะอย่างไรพวกมันนี้ก็มีพลังต้นกำเนิดแห่งแนวคิดสิ้น เจ้าคนเดียวสู้พวกมันพร้อมกันไม่ไหวหรอก!”
“หากข้าอยากไปนั้นแค่พวกมันก็ไม่มีทางห้ามข้าได้ แต่หากข้าอยากอยู่วันนี้จะไม่มีใครได้ไปที่ไหนทั้งนั้น!” เย่หยวนหันไปมองเจียงเจ๋อด้วยน้ำเสียงข่มขู่
เพียงแค่ว่าคำพูดนี้มันเหมือนเป็นแค่คำขู่ของเด็กตัวน้อยสำหรับยอดฝีมือทั้งแปด
กายทองคำสัมบูรณ์ระดับแปดมันเก่งกาจมากหรือ?
เจียงเจ๋อนั้นหันไปบอกชายชุดขาว “หลินจ้าน เจ้าจัดการเจ้าเด็กคนนี้แล้วมาร่วมกับเราทีหลัง! สองเฒ่าประหลาดนี้มันมีพลังต้นกำเนิดที่เก่งกาจ คงไม่อาจจัดการลงได้ง่ายๆ”
หลินจ้านพยักหน้ารับ “วางใจเถอะ ข้าจะจัดการมันในสามกระบวนท่า!”
เจียงเจ๋อพยักหน้ารับ “โจมตีพร้อมกัน! ครั้งนี้เราต้องโค่นสองเฒ่านี้มันให้ได้ชดใช้เรื่องราว!”
ยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดทั้งเจ็ดทั้งเข้าล้อมรอบด้วยคลื่นพลังแนวคิดที่เหนือล้ำจนทำให้ทั้งหุบเขาสุริยันจันทราสั่นสะเทือน
แม้จะเป็นตัวเทียนหยวนตี้หยางเองก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลนั้น
“สหายหนุ่มเย่ เจ้าอย่าได้ห่วงเราเลย! รีบๆ หาโอกาสหนีไปเถอะ! เจ้าไม่ต้องสนใจเรา!” จี้หยางนั้นร้องบอก
นางนั้นรู้ถึงฝีมือของเย่หยวน แค่ยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดคนเดียวย่อมไม่มีทางจัดการเขาลงได้
แต่หากเย่หยวนถูกยอดฝีมือทั้งหลายนั้นรุมล้อมแล้วเรื่องราวมันคงยุ่งยากกว่าเก่า
เดิมทีนั้นเย่หยวนย่อมจะไม่ค่อยพอใจกับท่าทางของสองผัวเมียนี้สักเท่าใดนัก แต่เมื่อได้ยินเรื่องราวชีวิตของคนทั้งสองเย่หยวนก็เริ่มไม่อาจจะทำใจเกลียดคนทั้งสองลง
ความเจ็บปวดที่ต้องเสียผู้เป็นที่รักไปนั้นเย่หยวนรับรู้ถึงมันได้ดี
สิ่งใดที่สองผัวเมียนี้ต้องผ่านมาเย่หยวนเองก็เข้าใจได้แทบทั้งสิ้น
ที่สำคัญไปกว่านั้นตัวตี้หยางนั้นยังเป็นห่วงกังวลเรื่องของเขาอย่างจริงจัง
“หึๆ พวกเจ้ากังวลเรื่องของตนเองไปเถอะ!” เจียงเจ๋อหัวเราะลั่น
ยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดทั้งเจ็ดคนเข้าโจมตีพร้อมๆ กันนั้นมันย่อมทำเกิดคลื่นพลังรุนแรงสะท้านฟ้าดิน
เทียนหยวนตี้หยางนั้นร้องออกมาด้วยเสียงประหลาดส่งคลื่นเสียงปะทะเข้ากับวิชาของยอดคนทั้งเจ็ดอย่างฉับพลัน
เย่หยวนนั้นเข้าใจได้ทันทีว่าคนทั้งสองนั้นคงไม่อาจจะรับการโจมตีรอบด้านจากยอดฝีมือถึงเจ็ดคนไว้ได้นานนัก
แต่จะอย่างไรแนวคิดแห่งเสียงนั้นก็เป็นแนวคิดระดับสูงแนวคิดหนึ่ง กอปรกับความเข้าใจในทักษะของคนทั้งสองนี้มันจึงทำให้พวกเขามีกำลังเหนือล้ำกว่าคนระดับเดียวกันไปมาก
เวลานี้พวกเขาจึงยังพอรับมือต้านทานอีกฝ่ายไว้ได้ไหว
“เด็กน้อย เลิกหันไปมองได้แล้ว จักรพรรดิผู้นี้จะส่งเจ้ากลับเมืองให้เอง! การต่อสู้ของยอดคนระดับนี้มันมิใช่สิ่งที่เจ้าจะมายุ่งด้วยได้!” หลินจ้านกล่าวต่อเย่หยวนด้วยใบหน้าเย้ยหยัน
“หยุด!”
หลินจ้านยังพูดไม่ทันขาดคำเย่หยวนก็กล่าวคำพูดนี้ออกมา
พลังของเต๋าสวรรค์จุติกักขังหลินจ้านไว้ทันที
สีหน้าของเขานั้นซีดขาวด้วยความตื่นตะลึง แต่เวลานี้ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจขยับร่างกายได้
ฟุบ ฟุบ ฟุบ…
ค่ายกลดาบนั้นพุ่งผ่านร่างของหลินจ้านไปทันที
พริบตาเดียวหลินจ้านก็ถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆ
เขานั้นยังไม่ทันจะได้ใช้พลังต้นกำเนิดใดๆ ออกมาก็ถูกเย่หยวนสับร่างจนเละ
อย่างรวดเร็วล้ำ!
“ในเมื่อเจ้าอยากลับเมืองนักข้าก็จะส่งเจ้าให้เอง” เย่หยวนกล่าวลอยๆ ขึ้นมาแต่แน่นอนว่าตัวหลินจ้านคงไม่ได้ยินใดๆ แล้ว
เวลานี้อักษรมากมายหลั่งไหลเข้ามาในร่างของเย่หยวน เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ทันทีเลยว่าแต้มเทพสงครามของเขานั้นมันเพิ่มพูนขึ้นมากว่าสองพันแต้มในคราเดียว
ยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดนั้นมันแตกต่างจากผู้คน แน่นอนว่าแต้มเทพสงครามที่พวกเขามีติดตัวเองมันก็มากล้น!
หลินจ้านนั้นไม่ทันได้ยินอะไรแต่ยอดฝีมือทั้งหลายนั้นต่างสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังของเต๋าสวรรค์ที่ลงจุติ
“คำบัญชาเต๋าสวรรค์! เจ้าเด็กคนนี้มันกลับรู้คำบัญชาเต๋าสวรรค์!”
“สิ่งที่มันหยุดนั้นน่าจะเป็นแนวคิดแห่งกาลเวลา! การที่จะสามารถใช้คำบัญชาเต๋าสวรรค์ออกมาได้ด้วยหนึ่งในสองสุดยอดแนวคิดมันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“แล้วก็ค่ายกลดาบนั้น! มันคือการผสานของสองพลังต้นกำเนิด! พระเจ้าช่วย เจ้าสัตว์ประหลาดนี้มันโผล่มาจากที่ใดกัน?”
…
มันมิใช่แค่พวกเจียงเจ๋อทั้งหลายเท่านั้น แม้แต่ตัวเทียนหยวนจี้หยางเองก็ต้องตื่นตะลึงไม่แพ้กัน
พวกเขาทั้งสองนั้นคิดว่าค่ายกลดาบนั้นคือสุดยอดไม้ตายของเย่หยวนไปแล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับจะยังมีไม้ตายที่เหนือล้ำกว่าไม้ตายเช่นนี้อยู่อีก
หากเย่หยวนใช้มันออกมาแล้วการจะสังหารพวกเขาทั้งสองก็คงมิใช่เรื่องยากเย็นใดๆ เลย!
หลังจากสังหารหลินจ้านลงแล้วเย่หยวนก็เดินก้าวเข้ามาพร้อมกล่าวบอก “เดิมทีข้านั้นแค่จะมาฝึกบ่มเพาะตัว แต่คนเรามันก็ชอบแจกแต้มเทพสงครามแก่ข้าเสียจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วข้าก็ขอเต็มใจรับไว้ล่ะ!”
เขานั้นไม่รอให้พวกเจียงเจ๋อได้ตั้งตัวใดๆ เย่หยวนเรียกค่ายกลดาบขึ้นมาพร้อมเข้าร่วมศึกทันที
เทียนหยวนตี้หยางนั้นมีพลังที่เหนือล้ำกว่ายอดฝีมือพลังต้นกำเนิดทั้งหลายนี้หากเทียบกันตัวต่อตัว
เย่หยวนเองสู้ได้จนเสมอกับเทียนหยวนตี้หยาง แต่หากวัดพลังกันแบบตัวต่อตัวแล้วเย่หยวนย่อมจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขาไปมาก
“หยุด!”
เย่หยวนไม่คิดลังเลใช้เวลาชะงักออกมาหยุดพวกเจียงเจ๋อไว้ทันที
เจียงเจ๋อนั้นเตรียมตัวรับไว้แต่แรกจึงได้ใช้พลังต้นกำเนิดนั้นออกมาอย่างบ้าคลั่งคิดทำลายเวลาชะงักลง
พร้อมๆ กันนั้นเมื่อสามคนที่เหลือได้เห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีพวกเขาจึงได้หันมุ่งหน้ามาหยุดเย่หยวนไว้
ค่ายกลดาบนั้นหมุนวนอย่างบ้าคลั่งทำร้ายพวกเขาทั้งหลายลงไปตามๆ กัน!
ด้วยพลังของต้นกำเนิดทั้งสองที่ผสานกันอย่างลงตัวนี้พลังของเย่หยวนมันย่อมจะเหนือล้ำกว่าเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายตรงหน้านี้
สิ่งเดียวที่เขาเสียเปรียบคนทั้งหลายนี้คือพลังบ่มเพาะเท่านั้น
ในการต่อสู้กับเทียนหยวนตี้หยางก่อนหน้านี้เขาย่อมไม่ได้ใช้พลังฝีมือทั้งหมดออกมา
แต่เวลานี้เขากำลังไม่พอใจคนทั้งหลายนี้อย่างมากและจัดการหนึ่งในยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดจนแทบตายตกลงในพริบตา
ภายใต้การขัดขืนอย่างหนักหน่วงของเจียงเจ๋อ ในที่สุดเวลาชะงักมันก็คลายตัวออก
แต่เขานั้นก็ต้องออกมาด้วยเหงื่อเย็นเหยียบไหลท่วมกาย
เพราะวิชานี้มันไม่มีทางใดจะป้องกัน!
นอกเสียจากว่าจะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์เจ็ดดาวขึ้นไปแล้ว ไม่เช่นนั้นมันคงไม่มีทางใดที่จะขัดขืนป้องกันได้!
เมื่อเย่หยวนมาร่วมศึกด้วยแน่นอนว่าสภาพความได้เปรียบเสียเปรียบมันย่อมพลิกกลับ
คนทั้งเจ็ดนั้นต้องหันกำลังกว่าครึ่งมาสนใจเย่หยวน ส่วนอีกด้านก็ยังต้องรับการโจมตีหนักหน่วงของเทียนหยวนตี้หยาง
เดิมทีนั้นคนทั้งแปดมาด้วยท่าทางกดดันเต็มที่แต่เวลานี้มันกลับมีสภาพเหมือนหมาขี้แพ้เต็มทน
เย่หยวนนั้นรับมือคนถึงสี่คนด้วยตัวคนเดียว ทั้งยังกดดันศัตรูไว้ได้อย่างหนักแน่น
เพราะก่อนนี้เย่หยวนเคยต่อสู้กับยอดคนจากเผ่าเทวาถึงกว่ายี่สิบคนในอาณาจักรทหัยเมฆามาแล้ว!
นั่นคือความเก่งกาจของค่ายกลดาบที่เขาสร้างขึ้น!
เมื่อยิ่งเป็นการปะทะต่อสู้แบบกลุ่ม พลังของค่ายกลดาบมันก็จะยิ่งปรากฏชัด
ในด้านของกำลังแล้ว พลังของยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดทั้งหลายมันย่อมเก่งกาจกว่ามารนรกมากล้น
แต่ไม่ว่าจะเก่งอย่างไรมันก็ไม่มีทางเทียบกับจำนวนกว่ายี่สิบนั้นได้
เวลานี้เย่หยวนยิ่งได้ใช้สิบสองสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นสุดเป็นแกนและสี่สิบแปดสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์มาเป็นหน่วยรอง พลังของค่ายกลดาบที่ใช้ออกมามันย่อมเหนือล้ำกว่าก่อนหน้าไปลิบลับ
เพราะฉะนั้นแค่จัดการกับคนทั้งหลายนี้มันยังไม่ต้องใช้พลังที่มีออกมาทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ
ยิ่งพวกเจียงเจ๋อสู้ไปเท่าไหน พวกเขาก็ยิ่งตื่นตะลึงมากขึ้นเท่านั้น เพราะเดิมทีเมื่อจักรพรรรดิเทพสวรรค์สองดาวพวกเขาก็ย่อมจะคิดว่าเป็นแค่เด็กน้อยไร้ค่าใดๆ คนหนึ่ง
ใครจะไปคิดว่าเจ้าเด็กน้อยนี้มันกลับเก่งกาจเสียยิ่งกว่าเทียนหยวนตี้หยาง!
พวกเขาแตะเข้าใส่ตอเหล็กแล้ว!
“ไป!”
เจียงเจ๋อที่เห็นสภาพไม่ดีจึงคิดสั่งให้ถอยหนีทันที
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินพวกเขาก็ย่อมจะมุ่งหน้าหนีกันไปตามๆ กัน
หากยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดคิดหนี มันย่อมไม่มีใครจะห้ามได้
เว้นเสียแต่ว่าเย่หยวนนั้นยิ้มเย้ยขึ้นมาพร้อมขยับร่างมุดลงในห้วงมิติ
“หยุด!”
พวกเจียงเจ๋อทั้งหลายชะงักลงในห้วงมิติก่อนจะทันได้หนีใดๆ