ฮงเย่นั้นไม่ทันรู้ตัวว่าเย่หยวนนั้นออกไปตั้งแต่เมื่อใดแต่ตัวนางนั้นยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง
เพราะราคาของดาบหยกแท้นั้นมันเกินกว่าสามร้อยแต้ม ราคาของมันนับพันเล่มนั้นย่อมจะเกินกว่าสามแสนแต้ม!
เย่หยวนนั้นจ่ายแต้มเทพสงครามออกมาคราเดียวมากถึงเกือบสี่แสนแต้มเพื่อจะซื้อดาบหยกแท้ไปนับพันๆ เล่ม!
มันเป็นการใช้อย่างฟุ่มเฟือยโดยแท้!
ชายหนุ่มที่หายหน้าไปจากโลกหล้าราวเก้าร้อยปีนี้และไม่เคยจะปรากฏขึ้นบนอันดับทองคำเทพสงคราม เหตุใดเขาจึงได้มีแต้มเทพสงครามสะสมมากปานนี้ได้?
เพราะแต้มกว่าสามแสนนี้มันมากพอที่จะติดขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งพันได้ในช่วงก่อนๆ
อันดับทองคำเทพสงครามนั้นยิ่งอันดับสูงมันก็จะยิ่งมีความแตกต่างที่มาก
เหมือนอย่างตัวว่านเจิ้นนั้นที่ยึดครองอันดับหนึ่งอยู่ในตอนนี้ เขามีแต้มติดตัวอยู่มากถึงสามล้านแต้ม!
มันเป็นจำนวนที่มากมายจนน่ากลัว เป็นตัวตนที่ทำให้เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายต้องสิ้นหวัง
คนที่พอจะเป็นภัยต่อเขาได้มันมีแค่จางเหลียน
แต่ถึงจะเป็นจางเหลียนเองเขาก็ยังมีแต้มเพียงแค่สองล้านสี่แสนเท่านั้น ขาดไปอีกราวห้าแสนแต้มจากตัวว่านเจิ้น
และเหล่ายอดคนที่ติดอันดับหนึ่งในสิบอันดับทองคำเทพสงครามนั้นต่างล้วนแล้วแต่มีแต้มเกินหนึ่งล้านขึ้นไปสิ้น
ตัวตนอย่างว่านเจิ้นนั้นย่อมไม่เคยจะตายลงในมิติสงครามดึกดำบรรพ์
เวลาที่เก็บสะสมแต้มเทพสงครามมากว่าเก้าร้อยปีมันย่อมจะมากล้นเกินบรรยาย
แท้จริงแล้วเย่หยวนก็ออกมาจากการเก็บตัวตั้งแต่สามปีก่อน
สามปีมานี้เขาได้ล่าสัตว์ร้ายอยู่ในทุ่งศึกสัตว์ร้ายล้นตลอดมา
เวลาหลายร้อยปีที่พยายามบรรลุเต๋ามานั้นมันได้ทำให้เย่หยวนบรรลุขึ้นมาถึงอาณาจักรมหาพิภพขั้นกลางได้
หากคนอื่นรู้ว่าเย่หยวนได้แต้มเทพสงครามกว่าสี่แสนแต้มในเวลาแค่สามปีนี้พวกเขาทั้งหลายคงแทบลมจับ
เพราะมันรวดเร็วจนเกินคนไป!
ทุ่งศึกสัตว์ร้ายล้นนั้นมันเป็นสถานที่ที่แม้แต่พวกว่านเจิ้นหรือจางเหลียนยังไม่กล้าจะเข้าไปง่ายๆ
“โอ้ บุตรแห่งเวลาของเราจะออกเมืองไปล่าแต้มแล้วหรือ? ฮ่าๆๆ บรรลุแนวคิดแห่งกาลเวลามาได้เช่นนี้เจ้าคงเก่งขึ้นมาแล้วสิ? สิบปีมันพอแหละเนอะ?”
“เก่งจริงๆ บุตรแห่งเวลาของเราจะตีโต้กลับมาแล้ว! ด้วยแต้มกว่าหนึ่งล้านสามแสนแต้มนั้น เจ้าย่อมจะขึ้นไปติดหนึ่งในสิบได้ไม่ยากแน่! สู้ๆ!”
“ฮ่าๆ บุตรแห่งเวลานั้นคงเปลี่ยนเวลาสิบปีให้เป็นพันปีได้!”
…
เย่หยวนนั้นเดินออกมาจากเมืองด้วยเสียงเย้ยหยันตามหลัง
ตัวตนแปลกประหลาดเช่นเขานี้มันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายดูถูกเหยียดหยามไปตามๆ กัน
ทุกผู้คนนั้นต่างพัฒนาตัวเองและเก็บล่าแต้มเทพสงครามเพื่อหวังจะติดอันดับหนึ่งในสิบ
แต่เย่หยวนนั้นกลับใช้เวลาที่มีทั้งหมดไปกับการบ่มเพาะแนวคิดแห่งกาลเวลา
เวลาที่เหลือนั้นมันแค่สิบปีแต่เขากลับวิ่งออกเมืองไปหาเก็บแต้ม มันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายหัวร่อแล้ว
ส่วนเรื่องของแนวคิดแห่งกาลเวลานั้น มันย่อมไม่มีใครคิดว่าเย่หยวนจะทำได้
หากบรรลุได้จริงเขาก็คงทำเสร็จไปนานแล้ว มีหรือที่จะมาบรรลุได้ในช่วงเวลาสุดท้ายเช่นนี้?
…
หลังจากออกเมืองไปได้เย่หยวนก็มุ่งหน้ากลับไปยังทุ่งศึกสัตว์ร้ายล้นอีกครา
ภายใต้การควบคุมของเย่หยวนนั้นมันมีดาบสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์อยู่นับพันๆ เล่ม พลังของมันนั้นย่อมเหนือล้ำอย่างไม่ต้องสงสัย
เย่หยวนนั้นได้แต้มกว่าสี่แสนแต้มมาโดยไม่ใช่สมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนี้ เวลานี้ยิ่งจะเหนือล้ำกว่าเก่า
หลังจากมาถึงทุ่งศึกสัตว์ร้ายล้นเย่หยวนก็เริ่มทำการออกล่าอย่างบ้าคลั่ง
ในทุ่งศึกสัตว์ร้ายล้นนี้มันมีผู้คนอยู่น้อยนิด คนที่กล้ามานั้นล้วนแล้วแต่เป็นยอดคนอันดับสูงๆ สิ้น ไม่มีใครจะมาพบเจอเย่หยวนได้ในทุ่งกว้างเช่นนี้
แต่หากมันมีคนอยู่แล้วคนทั้งหลายนั้นย่อมจะเห็นว่ากระแสการไหลของเวลารอบๆ กายเย่หยวนนั้นเปลี่ยนหมุนไปอย่างแปลกประหลาด
เมื่อเหล่าสัตว์ร้ายทั้งหลายเข้ามาถึงระยะพวกมันก็ต้องพบเจอกับพลังหน่วงของเวลา ปล่อยให้เย่หยวนจัดการได้ตามใจชอบ
นี่มันคือสัญญาณแห่งแนวคิดแห่งกาลเวลา!
เย่หยวนนั้นหาแต้มในทุ่งศึกสัตว์ร้ายล้นได้มากล้นนั้นมันเพราะว่าแนวคิดแห่งกาลเวลานั้นเอง!
ทุกผู้คนนั้นต่างคิดไปว่าเย่หยวนเสียเวลานับร้อยๆ ปีนี้ไปเปล่า มีใครบ้างที่จะเชื่อว่าเขานั้นบรรลุแนวคิดแห่งกาลเวลามาได้จริง?
เรื่องการบ่มเพาะแนวคิดแห่งกาลเวลานี้เย่หยวนย่อมจะมีเปรียบที่คนอื่นไม่อาจเทียบได้
เพราะเขานั้นดึงพลังของแนวคิดแห่งกาลเวลามาใช้ได้ตั้งแต่แรก กอปรกับคำบัญชาเต๋าสวรรค์นั้นมันจึงทำให้เย่หยวนพอจะเข้าใจถึงแนวคิดแห่งกาลเวลาอยู่บ้าง
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นแนวคิดแห่งกาลเวลานั้นมันก็เป็นสิ่งที่เขาเสียเวลาเรียนรู้ไปมากที่สุด
เวลากว่าสี่ร้อยปีแรกนั้นเย่หยวนใช้มันทั้งหมดไปกับการเปิดประตูด่านแรกของเศษแนวคิดแห่งกาลเวลานั้น
แต่จะอย่างไรมันก็มิใช่เรื่องง่ายดายหากเย่หยวนคิดอยากบ่มเพาะแนวคิดแห่งกาลเวลา
ในเวลาสี่ร้อยปีหลังจากนั้นเย่หยวนได้ค่อยๆ วิเคราะห์ย่อยความรู้ที่ได้รับมาจากเศษแนวคิดแห่งกาลเวลา
ต้องใช้เวลากว่าเก้าร้อยปีกว่าจะสามารถบรรลุแนวคิดหนึ่งขึ้นมาได้นั้นมันเป็นสิ่งที่เย่หยวนไม่เคยได้พบเจอมาก่อน
มันแสดงได้อย่างชัดเจนถึงความยากเย็นของแนวคิดแห่งกาลเวลา
แน่นอนว่าในมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้มันย่อมจะมีเด็กชะตาไร้คาดเดาอยู่มากมาย
แต่หากวัดกันแค่ที่ความสามารถในการเข้าใจเรียนรู้แล้ว ไม่มีใครจะเหนือไปกว่าเขาได้!
แม้จะไม่ต้องพูดกล่าวถึงพลังแห่งแนวคิดใดๆ แต่แค่วรยุทธบ่มเพาะมันก็มากพอยืนยัน เพราะเย่หยวนคนนี้คือผู้ที่สร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียน ยอดวรยุทธบ่มเพาะที่มีความสามารถล้นฟ้าดินนี้ขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นตัวว่านเจิ้นหรือผางเจิ้นก็ไม่มีทางจะเหนือล้ำไปกว่าเขาได้ในเรื่องนี้
ไม่ว่าอีกฝ่ายนั้นจะเป็นยอดอัจฉริยะเช่นใด วรยุทธบ่มเพาะของพวกเขามันก็ย่อมจะต่ำต้อยกว่าเย่หยวนนับพันๆ หมื่นๆ เท่า!
แต่เย่หยวนนั้นกลับใช้เวลาสั้นๆ บ่มเพาะแนวคิดที่เหนือล้ำกว่าคนทั้งหลายนั้นขึ้นมาได้อีก
ใครเก่งกว่ากันมันย่อมชัดเจนอยู่แก่ตา
การที่เย่หยวนบ่มเพาะเศษแนวคิดแห่งกาลเวลานี้ได้มันได้ทำให้เย่หยวนควบคุมกระแสเวลาได้ห้าเท่า
เวลานี้เขาสามารถที่จะทำให้กระแสเวลารอบกายเร็วขึ้นห้าเท่าหรือช้าลงห้าเท่าได้
แม้มันจะยังทำได้เพียงแค่นี้ แต่มันก็ย่อมทำให้พลังของเย่หยวนพัฒนาขึ้นไปอย่างมากล้ำ
ต้นกำเนิดเต๋าดาบ ต้นกำเนิดเต๋าค่ายกล ทั้งยังแนวคิดแห่งห้วงมิติทั้งหลายนี้มันรวดเร็วรุนแรงเป็นทุนเดิม เวลานี้เมื่อสามารถเร่งขึ้นไปได้อีกห้าเท่ามันย่อมจะทำให้วิชาของเขานี้ยากที่จะต้านทานไปกว่าเก่า
เมื่อเจอหน้าศัตรูนั้นพลังการต่อสู้ของเขามันย่อมพุ่งทะยานไปได้อีกหลายขั้น
มันก็เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เย่หยวนสามารถเดินไปมาในทุ่งศึกสัตว์ร้ายล้นนี้ได้เหมือนเป็นสวนหลังบ้าน
…
ไม่นานนักอันดับทองคำเทพสงครามครั้งต่อไปก็ได้ถูกประกาศออกมา
แต่เพราะว่าเวลาที่เย่หยวนออกไปล่าครั้งใหม่นี้มันเป็นเวลาไม่ถึงปี ทำให้เขาไม่อาจจะก้าวขึ้นมาติดอันดับทองคำเทพสงครามได้ในรอบนี้
เมื่อเป็นเช่นนั้นมันย่อมจะเกิดเสียงหัวเราะขึ้นรอบด้าน
การบ่มเพาะสะสมกันมาเกือบพันปี หากคิดอยากเข้าติดอันดับสามพันในเวลานี้มันย่อมจะต้องใช้อย่างน้อยๆ แสนแต้มเทพสงคราม
เย่หยวนนั้นเข้าไปล่ายังทุ่งศึกสัตว์ร้ายล้นแค่สี่ถึงห้าเดือนอย่างมาก มีหรือที่มันจะเก็บสะสมแต้มได้มากถึงขนาดนั้น
แต่มันก็ใกล้เต็มทีแล้ว
“หึๆ อีกเก้าปีแต่เจ้าหมอนั่นกลับยังขึ้นไม่ถึงอันดับสามพัน น่าขันจริงๆ!” เจียงเจ๋อมองดูอันดับทองคำเทพสงครามพร้อมกล่าวเย้ย
“หลังจากผ่านเก้าปีนี้ไปข้าล่ะอยากจะเห็นหน้ามันจริงๆ เจ้าหมอนี่มันคงได้กลายเป็นตัวตลกของทั้งมหาพิภพถงเทียน!” หลินจ้านกล่าวขึ้นเสริม
และไม่นานนักเวลาอีกหนึ่งปีก็ได้ผ่านไป
แต่ครั้งนี้พวกเจียงเจ๋อไม่อาจหัวเราะได้อีกแล้ว
“ตาข้าไม่ได้ฝาดไปใช่หรือไม่? นี่… นี่มัน… เวลาแค่ปีเดียวนี้มันกลับเก็บสะสมแต้มเทพสงครามมาได้กว่าหนึ่งแสนแต้มหรือ? บ้าน่า!”
เจียงเจ๋อมองดูรายชื่อบนอันดับทองคำเทพสงครามอย่างตื่นตะลึง
เย่หยวน หนึ่งแสนห้าหมื่นเก้าพันแปดร้อยสี่สิบสองแต้มเทพสงคราม อันดับสองพันเจ็ดร้อยสี่สิบห้า!
นามนี้มันได้ปรากฏขึ้นมาบนอันดับทองคำเทพสงครามเป็นครั้งแรก!
แต่นามของเย่หยวนนั้นคนทั้งเมืองเมฆหนุนต่างรู้จักกันดีสิ้น
ใครๆ ต่างก็รู้ถึงเรื่องเจ้าเด็กน้อยที่ไม่ประเมินตัวเอาเวลาทั้งหมดไปเสียกับการบ่มเพาะแนวคิดแห่งกาลเวลา
ตามหลังคนอื่นไปเก้าร้อยเก้าสิบปี มีหรือที่จะตามติดมาทันด้วยเวลาสั้นๆ นั้นได้?
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเหล่ายอดฝีมือที่ติดอันดับสามพันขึ้นไปนั้นต่างล้วนแล้วแต่มีแต้มที่สะสมกันมานับพันปีก่อนที่จะได้แต้มเทพสงครามสะสมมาถึงแสนแต้ม!
แต่เย่หยวนกลับใช้เวลาปีเดียวไต่ขึ้นมาจนถึงระดับเหนือสามพันได้?