จู่ๆ เวลานี้ทั้งกรงยักษ์นั้นมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน
เพราะเวลานี้คนทั้งหลายได้เห็นชัดเจนแล้วว่าผายในกรงยักษ์มันเหลือผู้คนอยู่แค่ไม่มาก
หากลองนับดูดีๆ แล้วมันเหลือยอดคนเพียงแค่สิบเก้าคน
และคนทั้งสิบเก้านี้ย่อมจะเป็นสิบเก้าคนที่เก่งกาจที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!
ในหมู่คนทั้งหลายนั้นหลายต่อหลายคนสามารถสู้จักการสังหารศัตรูแม้จะถูกรุมล้อม
ภายในกรงนั้นมันมีแต่ยอดฝีมือถูกดึงขึ้นมา แน่นอนแล้วว่าพวกเขาทั้งหลายนี้ย่อมจะเป็นสุดยอดของยอดฝีมือ
แต่ก่อนหน้านี้เมื่อศึกสุดท้ายจบลงพวกเขาทั้งหลายนั้นต่างหยุดมือลงไปแทบพร้อมๆ กัน
ศึกยิ่งใหญ่จนถึงตอนนี้มันย่อมทำให้พวกเขาเหนื่อยอ่อนกันไปไม่น้อย
ลงมือต่อไปเช่นนี้มันย่อมไม่ปลอดภัยแน่แล้ว
พวกเขาทั้งหลายนั้นต้องการจะแข็งขันหาที่หนึ่งด้วยสภาพเต็มร้อยของตนเอง
ผางเจิ้นนั้นหันหน้ามองดูรอบๆ พร้อมกล่าว “คนที่เหลือทั้งหลายนี้เราต่างคุ้นหน้าคุ้นตากันดี! พักก่อนครึ่งวัน! แล้วหลังจากครึ่งวันนั้นใครจะฟื้นฟูพลังได้แค่ไหนก็แค่นั้น เราค่อยมาตัดสินศึกสุดท้ายกัน! มีใครคิดคัดค้านหรือไม่?”
ทุกผู้คนนั้นต่างพยักหน้ารับขึ้นมาตามๆ กัน ดูท่าแล้วทุกคนคงอยากจะได้เวลาพักกันไม่น้อย
“ข้านี่แหละขอค้าน!” ยูถันจื่อร้องขัด
ผางเจิ้นขมวดคิ้วแน่นก่อนจะหันไปถาม “เจ้าค้านเรื่องใด?”
แต่ยูถันจื่อกลับหันหน้าไปหาเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “มันมีคนที่พักมาตลอดสามวันแล้ว เจ้าจะนับอย่างไรเล่า?”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมาทุกผู้คนก็ต้องหันไปมองหน้าเย่หยวนตามๆ กันด้วยสายตากังวล
ดูท่าแล้วคนที่เป็นปัญหามันคงเป็นเย่หยวน
เพราะแม้แต่ทางผางเจิ้นเองมันก็ยังมียอดคนไม่น้อยไปท้าทาย
แต่กลับไม่มีใครคิดท้าทายเย่หยวน!
ด้วยเวลาแค่ครึ่งวันนั้นมันย่อมจะไม่อาจคืนสภาพสมบูรณ์ได้
จะฟื้นฟูพลังได้มากแค่ไหนนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคนผู้นั้น
แต่ทว่าเย่หยวนนั้นกลับไม่ได้ลงมือต่อสู้มายาวนานถึงสามวัน!
สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันสมบูรณ์พร้อมไม่ได้มีสภาพเลือดท่วมกายเหมือนตอนเพิ่งจบศึกกับว่านเจิ้นมาแม้แต่น้อย ดูอย่างไรเขาก็คงมีสภาพสมบูรณ์พร้อม
เย่หยวนนั้นเป็นปัญหามาตั้งแต่แรก เวลานี้เขากลับมีสภาพสมบูรณ์กว่าใครๆ
แล้วจะแก้ไขอย่างไร?
ผางเจิ้นนั้นขมวดคิ้วแน่น เป็นตัวเขาเองที่ลืมปัญหานี้ไป
“เด็กน้อย เจ้าลองเสนอมาว่าเราจะทำอย่างไรกัน?” ผางเจิ้นหันไปถามเย่หยวน
เย่หยวนนั้นไม่คาดฝันเช่นกันว่าตนเองจะได้กลายมาเป็นเป้าสายตาของผู้คนในเวลานี้
เมื่อได้ยินคำของผางเจิ้นเขาก็ผายมือออกมา “ทำอย่างไรก็ได้ พวกเจ้าตัดสินใจเถอะ”
เขานั้นไม่สนใจจริงๆ เพราะแค่คำพูดนี้มันก็คือการหมายหัวเขาอย่างชัดเจนแล้ว
จะอย่างไรเสียหากพวกเขาทั้งหลายนี้มีปัญหาเรื่องความไม่สมบูรณ์พร้อมจริงๆ พวกเขาก็สามารถจะยืดเวลาพักออกไปได้ตามต้องการ
แต่ยูถังจื่อนั้นกลับหันหัวความสนใจมาลงที่ตัวเขาแทน
ท่าทางไม่สนโลกของเย่หยวนนี้ทำให้ผางเจิ้นไม่พอใจอย่างมาก
มันเหมือนกับว่าพวกเขาเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายมันไม่มีค่าในสายตาเย่หยวนแม้แต่น้อย
ท่าทางของเย่หยวนนี้มันเหมือนกำลังบอกว่าทำอะไรก็ทำไป สุดท้ายพวกเจ้าก็จะแพ้อยู่ดี
แน่นอนว่าเมื่อได้เห็นท่าทางนั้นของเย่หยวนเหล่าเด็กชะตาไร้คาดผู้ทะนงก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมาตามๆ กัน รู้สึกว่าตนเองนั้นกำลังถูกดูถูก
“หึๆ ข้าคิดได้แล้ว ทำไมเราไม่มาจัดการมันลงพร้อมๆ กันก่อนเล่า? ที่เหลือก็จะได้คุยกันง่ายๆ” ยูถังจื่อกล่าว
เด็กชะตาไร้คาดเดาอีกคนกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “โอ้? นั่นเป็นความคิดที่ดี!”
แม้ว่าพวกเขานั้นจะไม่อยากร่วมมือกันจัดการคนอื่นด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคอแต่ในใจลึกๆ ของคนทั้งหลายนั้นก็หวาดกลัวเย่หยวนอยู่ไม่น้อย
คตนที่เอาชนะได้แม้แต่ว่านเจิ้น มีหรือที่พวกเขาจะไม่กลัว?
แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นยังหวังลมๆ แล้งอยู่ หวังว่าเย่หยวนจะถอนตัวไป
เจ้าโอหังมากมิใช่หรือ?
บอกให้เราตัดสินใจกันมิใช่หรือ?
เช่นนั้นเราก็จะจัดการเจ้านี่แหละ!
แม้ว่าเวลานี้พวกเขาทั้งหลายจะไม่ได้มีสภาพสมบูรณ์เต็มร้อยแต่ด้วยพลังของเด็กชะตาไร้คาดเดานับสิบๆ มันก็ย่อมจะเป็นกองกำลังที่ไม่มีใครต้านทาน
เพราะในที่นี้มันไม่มีใครกล้ารับมือศัตรูหลายคนพร้อมๆ กัน!
ต่อให้พวเขาทั้งหลายนั้นจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมก็ตาม
“หึๆ เด็กน้อย ในเมื่อเจ้าบอกว่าเอายังไงก็ได้ เช่นนั้นเราก็จะตัดสินทำเช่นนี้ เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?” ผางเจิ้นนั้นยิ้มเย้ยหันมาถาม
คนอื่นๆ เองก็หันมามองด้วยความกลัวและเกรงอยู่ไม่น้อย
เพราะคนทั้งหลายนั้นเกรงในตำแหน่งตัวตนของเขาผู้นี้ไม่น้อย
แต่เย่หยวนนั้นไม่กลัว!
เขานั้นไม่อาจจะเห็นถึงความเคารพหรือเกรงกลัวใดๆ ได้จากสายตาของเย่หยวน!
ทำเช่นนั้นมันมิใช่แค่การดูถูกเขา แต่เป็นการไม่ให้เกียรติไปถึงบรรพบุรุษของเขา ไม่ให้เกียรติเต๋าบรรพกาลสายฟ้า!
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเย่หยวนนั้นกลับยิ้มและตอบกลับมาสั้นๆ “ได้”
เขานั้นรู้ว่าคนทั้งหลายนั้นต่างหวาดกลัวเขา แต่แล้วทำไม?
เมื่อเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดานั้นได้ยิน พวกเขาทั้งหลายก็แทบไม่อาจเชื่อหูตน
ได้?
เจ้านี่มันโง่นักหรือ?
เขานั้นคิดจะท้าทายสิบแปดยอดคนด้วยตัวคนเดียว?
แม้แต่ตัวยูถันจื่อเองก็ยังมึนงงกับคำตอบของเย่หยวน
แม้ว่าเขานั้นจะตั้งใจเช่นนี้มาแต่แรก คิดปล่อยให้คนทั้งหลายตัดสินกันต่อเอง
แต่การที่ตัวเย่หยวนยอมรับไปง่ายๆ เช่นนั้นเขาก็ยังตื่นตะลึงอยู่ดี
เวลานี้ทั้งมิติสงครามดึกดำบรรพ์มันเกิดความโกลาหลแตกตื่นขึ้น!
“เขาว่าอย่างไรนะ? ข้าหูฝาดไปหรือ?”
“ไม่ เจ้าได้ยินไม่ผิดแล้ว! เขาว่า ได้!”
“ฮ่าๆ สุดยอดโอหังจริง! เพียงแค่ว่าเขานั้นจะมีกำลังพอหรือ? นี่มันคือสิบแปดยอดคนเชียวนะ!”
…
ทุกผู้คนนั้นต่างทำหน้าเหมือนได้ยินมุกตลกสุดขำกล่าวว่าความไม่ประเมินตนของเย่หยวน
พวกเขาทั้งหลายนั้นคิดถึงควาสมเป็นไปได้นับหมื่นพันว่าศึกสุดท้ายจะเป็นอย่างไร แต่ไม่มีใครคิดถึงเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน
คนผู้เดียว ท้าทายยอดสิบแปดคน!
ในหมู่คนทั้งสิบแปดนั้นมันมีราวห้าคนที่มีกำลังฝีมือไม่ด้อยกว่าว่านเจิ้น เผลอๆ อาจจะเหนือล้ำไปกว่าส่วนที่เหลือนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าว่านเจิ้นไปมากมาย
และการที่คนทั้งสิบแปดนี้ผสานกำลังกันมันย่อมจะเหมือนได้มีว่านเจิ้นสิบแปดคนผสานกำลังกัน
น่ากลัวจนเกินคิด!
“น้องเย่ เจ้าอย่าได้เอาอารมณ์เป็นใหญ่เลย!” ว่านเจิ้นพยายามเข้ามาห้ามด้วยคิ้วขมวดแน่น
เย่หยวนนั้นหันมามองด้วยใบหน้ายิ้ม “วางใจเถอะพี่ว่าน ไม่เป็นไรหรอก”
ว่านเจิ้นนั้นได้แต่ยืนนิ่ง
เจ้าเด็กคนนี้มันหัวรั้นไม่เปลี่ยน!
แต่ต่อให้เขาจะถอนตัวมันก็ยังมียอดฝีมืออีกถึงสิบเจ็ดคน
อย่าว่าแต่ต้องเผชิญหน้ากับคนสิบเจ็ดคน แค่ลำพังผางเจิ้นร่วมมือกับยูถันจื่อมันก็ยากเกินกว่าที่เขาจะรับมือใดๆ แล้ว
แต่เย่หยวนนั้นกลับจะท้าทายสิบเจ็ดยอดคนพร้อมๆ กัน นี่มันบ้าไปแล้ว!
“ฮ่าๆๆ… ดี ดีมากๆ! ตั้งแต่ที่ข้าลืมตาดูโลกมานี้ข้ายังไม่เคยเจอใครมาดูถูกปานนี้มาก่อน! ช่างเถอะ วันนี้ข้าจะขอดูหน่อยแล้วกันว่าเจ้านั้นเอาอะไรมามั่นใจถึงกล้าพูดกล่าวคำพูดเช่นนั้นได้! เด็กน้อย เจ้าอย่าได้ทำให้ข้าผิดหวังเล่า!” ผางเจิ้นนั้นกล่าวด้วยใบหน้าเดือดดาล
เย่หยวนนั้นไม่รู้จักว่าผางเจิ้นเป็นใครมาจากไหน แม้เขาจะตื่นตะลึงกับพลังต้นกำเนิดสายฟ้าแต่เขานั้นไม่ได้รู้เลยว่าผางเจิ้นเป็นทายาทของเต๋าบรรพกาลสายฟ้า
แต่จะอย่างไรเสีย ต่อให้เขารู้เขาก็คงไม่สนใจ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทางเย่หยวนก็พยักหน้ารับ “อืม ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน”
ผางเจิ้นนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายด้วยท่าทางเดือดดาล
ท่าทาของเย่หยวนนี้มันเหมือนกำลังลบหลู่หาเรื่องเขาอย่างเต็มตา
ทายาทของเต๋าบรรพกาล ตำแหน่งของเขานั้นมันต้องสูงล้ำปานใด?
แต่เจ้าหมอนี่กลับไม่คิดสนใจแม้แต่น้อย!
“หึๆ ดี! ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วก็มาโจมตีมันพร้อมๆ กันเถอะ!” ผางเจิ้นยิ้ม
“เดี๋ยว!” เย่หยวนกล่าวสวนกลับมา
ผางเจิ้นยิ้มกว้าง “ทำไม? กลัวหรือ? สายไปแล้ว!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “อย่าได้เข้าใจผิด สภาพของพวกเจ้าในเวลานี้มันไม่อาจจะเอาชนะข้าได้หรอก! พวกเจ้าทั้งหลายไปพักฟื้นพลังก่อน ฟื้นฟูเต็มที่แล้วค่อยมาโจมตีข้ามันก็ยังไม่สาย”
เมื่อคำพูดทั้งหลายนั้นถูกกล่าวออกมาคนทั้งหลายที่ได้ยินก็ต้องอ้าปากค้าง
เจ้าเด็กคนนี้มันโง่มากหรือ?
เพราะเขานี้กลับบอกให้พวกผางเจิ้นไปพักเอาแรงมาเสียก่อน!
……………………..