“หึ เจ้าไม่ได้รู้เลยว่าเผ่าเทวาในตอนนั้นมันยิ่งใหญ่ไม่สนหัวคนแค่ไหน! พวกมันนั้นเลี้ยงเผ่าพันธุ์อื่นๆ ไว้เหมือนเป็นแค่เป็ดแค่ไก่ หลังจากเลี้ยงจนอ้วนพีก็จะถูกจับไปฆ่าสังหาร สมบัติธรรมชาติ ปาฏิหาริย์วิเศษใดๆ นั้นที่พวกมันคิดสนใจอยากได้ ต่างล้วนเป็นของมันสิ้น! เจ้าไม่รู้หรอกว่าชีวิตในยุคนั้นมันมืดมนปานใด!”
“เผ่าเทวามันนั้นจะยึดครองพื้นที่เปี่ยมพลังงานฟ้าดินรอบๆ เขาแห่งถงเทียนไปสิ้นไล่เผ่าอื่นๆ ให้ไปอยู่ไกลสุดลูกหูลูกตาก่อนจะส่งคนมาตรวจสอบดูแลอีกครั้ง พวกมันนั้นเรียกว่าทูตเทวะ! พวกทูตเทวะนี้มีพลังควบคุมชีวิตผู้คนเหนือทุกเผ่าพันธุ์ แม้แต่เจ้าฟ้าดินทั้งหลายเองก็ยังต้องตายหากพวกมันคิดสั่ง!”
“นอกจากนั้นแล้วเมื่อวันใดมียอดอัจฉริยะถือกำเนิดขึ้นมาในเผ่าต่างๆ นั้นพวกมันก็จะส่งคนมาจัดการตัดไฟเสียแต่ต้นลม! เจ้าคิดว่าเราจะยังสามารถอยู่ร่วมกับเผ่าเทวาได้หรือ?”
พูดมาถึงตรงนี้สีหน้าของซ่างเหิงก็แดงก่ำ หากที่ตรงนี้มีโต๊ะเขาก็คงทุบโต๊ะหักพังไปแล้ว
หากตรงนี้มิใช่เสี้ยวของสำนึกที่เหลือแล้ว อารมณ์ร้อนแรงของเขาในเวลานี้มันคงทำให้เกิดคลื่นพลังปั่นป่วนไปทั่วทั้งมิติแน่
ด้านเย่หยวนเองก็ต้องตื่นตะลึงไปสุดใจเช่นกัน
เขานั้นก็ไม่นึกไม่ฝันว่าเผ่าทั้งหลายจะมีประวัติศาสตร์ที่มืดมนถึงขนาดนั้น
เทียบกับยุคก่อนแล้ว เผ่าทั้งหลายในทุกวันนี้คงเรียกได้ว่ามีชีวิตอยู่บนแดนสวรรค์
เผ่าเทวานั้นมันปกครองเผ่าอื่นๆ เหมือนเป็นแค่มดปลวก กดหัวพวกเขาทั้งหลายไว้อย่างไม่คิดปล่อยให้โงขึ้น
ความน่าอับอายนี้หากใครยังพอเหลือความกล้าพวกเขาทั้งหลายก็คงไม่มีทางยอมปล่อยไว้แน่
เวลานี้เมื่อเผ่าเทวามันกำลังจะกลับมาหากปล่อยให้พวกมันนั้นได้ปกครองมหาพิภพถงเทียนอีกครั้งจริงแล้ว ด้วยความคับแค้นหลายปีของเผ่าเทวามันคงทำให้ชีวิตของผู้คนมืดมนไปกว่าเก่าหลายเท่าแน่
จากนั้นเผ่าเทวาก็จะยิ่งระมัดระวังตัว วันหน้านั้นมันคงไม่มีทางใดที่เผ่ามนุษย์และเผ่าทั้งหลายจะปลดปล่อยตัวเองขึ้นมาได้อีกแน่นอน!
“เช่นนั้น ผู้อาวุโสทั้งหลายท่านกำเนิดรอดขึ้นมาได้อย่างไรกัน?” เย่หยวนถามซ่างเหิงด้วยความสงสัย
ภายใต้การจับตามองของเผ่าเทวานั้น เผ่ามนุษย์มันกลับยังสามารถให้กำเนิดยอดฝีมือระดับซ่างเหิงขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรมันก็ไม่อาจเข้าใจ!
เย่หยวนนั้นสงสัยเสียเหลือเกินว่าพวกเขาทั้งหลายทำได้อย่างไร
ซ่างเหิงที่ได้ยินนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าไปก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าซาบซึ้ง “เรื่องนั้นมันเริ่มขึ้นมาจากพ่อของเจ้าเฉียนจี้มัน! ก่อนที่มหาบรรพกาลทั้งสิบแปดเราจะปรากฏขึ้นมาได้นั้นเขาคือผู้นำของเผ่ามนุษย์อย่างแท้จริงและมันก็เป็นเขานั้นที่เริ่มผสานกำลังกับเผ่าต่างๆ ไว้ด้วยกัน จากนั้นก็ใช้วิชาสุดเหนือล้ำสละชีวิตตัวเองปกปิดความลับสวรรค์และส่งพวกเราทั้งหลายนั้นเข้าไปยังโลกลับ สุดท้ายด้วยพรสวรรค์ของเราทั้งสิบแปดเราจึงได้กลายมาเป็นมหาบรรพกาล! แน่นอนว่ามันยังมียอดคนที่กำลังไม่อ่อนด้อยไปกว่าเราอีกหลายคน แต่ที่พวกเราทั้งหลายมีวันนี้ได้มันก็เพราะว่าพ่อของเจ้าเฉียนจี้ เพราะเจียนหมี่ท่านได้สร้างบุญคุณอันมากล้นให้แก่ทุกชีวิต!”
เย่หยวนนั้นได้แต่ยืนนิ่งไปเมื่อได้ยิน เขานั้นไม่นึกไม่ฝันเช่นกันว่าตระกูลเจียนนั้นกลับจะมีประวัติที่ยาวนานย้อนกลับไปถึงขนาดนี้
ตอนนั้นเหล่ายอดคนทั้งหลายนั้นต่างปะทุขึ้นมาพร้อมๆ กันจนทำให้เผ่าเทวาสะดุ้งตัวไม่อาจตั้งรับ
พวกเขาเองก็คงไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งมันกลับจะมียอดอัจฉริยะมากมายเช่นนี้ปรากฏขึ้นมา
ถึงเวลานั้นแล้วพวกเขาทั้งหลายก็ถูกเต๋าสวรรค์ดึงพลังกลับและต้องเข้าสู่สภาวะสงครามดุเดือดกับเผ่าทั้งหลาย
จนสุดท้ายพวกเขาก็ได้แต่ต้องหนีไปยังมิตินรกด้วยความพ่ายแพ้
ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดตระกูลเจียนจึงได้ก้าวขึ้นมาเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของมหาพิภพถงเทียน ที่แท้แล้วมันมิใช่แค่เพราะจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ แต่มันรวมตำนานของพ่อเขามาด้วย
เพราะอย่างไรเสียไม่ว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นจะเก่งกาจสักเท่าใดแต่มันก็ยังไม่มีทางเทียบเคียงกับเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าได้
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นรับสานต่อเจตจำนงของพ่อและพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ทั้งหลาย
คิดมาได้ถึงตรงนี้เย่หยวนก็เริ่มรู้สึกชื่นชมเขาขึ้นมาอีกครั้ง
เขานั้นอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึงสนามรบเทพโบราณ ทั้งจักรพรรดิเทพสวรรค์เฮาหยูที่มอบดาบให้แก่เขา ทั้งตัวจักรพรรดิกิเลน
พวกเขาทั้งหลายนั้นเองก็คงตายลงเพื่อสงครามอิสรภาพนั้นแน่แล้ว
“มันเป็นเช่นนั้นเอง! ผู้อาวุโสนั้นย่อมเหนื่อยล้ากายใจเพื่อเผ่ามนุษย์เรา ทำมันอย่างที่สุดจนชีวิตหาไม่! ผู้เยาว์เย่หยวนนั้นจะขอจดจำมันไว้ในใจ! ความหมายที่ผู้อาวุโสท่านว่ามานี้ผู้เยาว์ย่อมเข้าใจดี ผู้อาวุโสโปรดวางใจเถอะ ผู้เยาว์จะต้องทำตามรอยเท้าท่านผู้อาวุโสและหยุดยั้งเผ่าเทวาลงให้ได้!” เย่หยวนกล่าว
เขานั้นย่อมเข้าใจถึงความหมายที่ซ่างเหิงกล่าวออกมา มันก็เพื่อจะมอบภาระหนักหน่วงนี้ให้แก่ตัวเขา
ที่ก่อนหน้ายังไม่พูดคุยใดกัน มันก็เพราะว่าซ่างเหิงไม่คิดว่าเย่หยวนจะรับมันไว้ได้
เวลานี้เมื่อยอมมานั่งจับเข่าคุยกันเช่นนี้มันก็ย่อมจะเป็นเพราะเขานั้นยอมรับความสามารถของเย่หยวนแล้ว
ซ่างเหิงพยักหน้ารับ “เจ้าเข้าใจแล้วก็ดี! ในเมื่อเจ้าได้เรียนรู้แนวคิดแห่งมิติเวลาของเฒ่าผู้นี้แล้วเจ้าก็ต้องรับเจตจำนงของข้าไปด้วย! เผ่ามนุษย์เราจะยอมตายแต่ไม่ยอมกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของใครอีก!”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “หากรังพังทลายแล้วไข่จะยังอยู่ดีได้หรือ? เรื่องนี้ผู้เยาว์ย่อมเข้าใจมันดี! ที่สำคัญไปกว่านั้นผู้เยาว์และเผ่าเทวานั้นก็มีความแค้นที่ไม่อาจจะสะสางกันได้อยู่! ผู้อาวุโส เวลานั้นมันมีจำกัด ผู้เยาว์คงไม่ขอเสียเวลาคุยไปกว่านี้แล้ว เวลากว่าร้อยปีที่เหลือนี้ผู้เยาว์จะขอใช้มันเพื่อบ่มเพาะทำความเข้าใจแนวคิดแห่งมิติเวลาอย่างที่ไม่ปล่อยให้ผู้อาวุโสผิดหวัง!”
ซ่างเหิงนั้นพยักหน้ารับออกมาอย่างพอใจกับท่าทางของเย่หยวน
ตอนที่เย่หยวนเพิ่งมาถึงนั้นไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็ดูไม่เข้าตา
แต่เวลานี้ไม่ว่าเขาจะมองเย่หยวนอย่างไรมันก็ช่างเหมาะสมน่าชื่นชม
ไม่ว่าจะด้านพรสวรรค์ นิสัยใจคอ เย่หยวนนั้นเหมาะสมมากๆ ที่จะรับสืบทอดตำนานของเขาไป!
ด้วยเวลาอีกแค่ร้อยกว่าปีที่เหลือนี้ เย่หยวนยังอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายที่ตั้งไว้มาก
เพราะฉะนั้นเขาจึงกระโดดกลับเข้ากระแสวนมิติเวลาอย่างไม่ลังเล
แม้ว่าร่างของเขาจะยังถูกฉีกออกมาในทุกสุด แต่ครานี้มันกลับเป็นความกล้าที่เพิ่มพูน
ความมุ่งมั่นของผู้คนในอดีตนั้นมันยังคงดังกึกก้องมาจนถึงวันนี้
มีหรือที่เย่หยวนนี้จะยอมให้คนอื่นล้ำหน้าเรื่องความมุ่งมั่นไปได้?
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือหากไม่มีการเสียสละของเหล่ายอดคนในยุคก่อนแล้ว มันย่อมจะไม่มีจอมเทพนิรันดร์ใดๆ อย่างว่าแต่จะมีเย่หยวนเลย
บุญคุณนี้เย่หยวนพร้อมรับผิดชอบมัน
เวลาค่อยๆ เลื่อนผ่านไปจนสุดท้ายเวลาอีกร้อยปีก็ได้ผ่านไป
กำหนดเวลาพันปีนั้นมันใกล้จะหมดลงทุกที
ระหว่างนี้การบ่มเพาะแนวคิดแห่งมิติเวลาของเย่หยวนมันก็ยิ่งพัฒนาขึ้นๆ
เวลานี้แนวคิดแห่งห้วงมิติของเขานั้นมันกำลังถึงระดับที่จะก้าวขึ้นสู่ต้นกำเนิด ส่วนแนวคิดแห่งกาลเวลาเองก็มีอัตราส่วนที่หนึ่งต่อร้อยแล้ว
เขานั้นอยู่ห่างจากอัตราชั่วโมงไปนิดหน่อย
ได้เห็นการพัฒนาของเย่หยวนนี้ตัวซ่างเหิงก็ได้แต่ต้องพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
“เจ้าเด็กคนนี้มันมากพรสวรรค์ล้ำ! น่าเสียดายที่มันไม่ได้เกิดในยุคของพวกเรา ไม่เช่นนั้นแล้วมนุษย์คงไม่ต้องสูญเสียมากมายขนาดนั้นแน่!” ซ่างเหิงกล่าวขึ้นมาอย่างเสียดาย
เย่หยวนนั้นยืนอยู่กลางกระแสวนมิติเวลาก่อนจะค่อยๆ เบิกตากว้างขึ้น
“ที่แท้นี่มันคือความลึกล้ำของแนวคิดแห่งห้วงมิติ? ใช่แล้ว นี่มันคือแนวคิดแห่งห้วงมิติของผู้อาวุโสซ่างเหิง แต่ข้านั้นต้องบ่มเพาะแนวคิดแห่งห้วงมิติของข้าขึ้นมาเอง! แนวคิดแห่งห้วงมิติของข้านั้นมันจะมิใช่ของมหาพิภพถงเทียน ข้าต้องบ่มเพาะสร้างแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เป็นข้าของเพียงผู้เดียว! อืม มันยังมีแนวคิดแห่งกาลเวลาด้วย! สองสุดยอดแนวคิดนี้ข้าจะได้กลายเป็นสองสุดยอดแนวคิดแห่งมหาพิภพของข้าด้วย!”
แม้ว่าเย่หยวนนั้นจะเปิดโลกของตนขึ้นมาได้แล้วแต่มันก็ยังเป็นห้วงมิติที่ปั่นป่วน
ที่แห่งนั้นไม่มีเต๋าสวรรค์ ไม่มีแนวคิดใด
ทุกสิ่งนั้นมันยังอยู่ในสภาพต้นกำเนิด
ครั้งหน้าเย่หยวนอยากจะลองสร้างเต๋าสวรรค์และแนวคิดที่เป็นของตัวเขาดู ทำให้ทุกสิ่งอย่างมันเริ่มจะขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง
จู่ๆ ตราหยินหยางมันก็ปรากฏหมุนขึ้นมาที่ด้านหลังของเย่หยวน
พร้อมๆ กันนั้นมันก็เกิดคลื่นพลังยอดเต๋าพุ่งทะยานลงยังกระแสวนมิติเวลา
การเปลี่ยนแปลงนี้มันได้ทำให้กระแสวนมิติเวลานั้นเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
ทั้งกระแสวนมิติเวลานั้นมันเริ่มจะมีการปั่นวนพลังอย่างรุนแรงเกิดขึ้น
นี่คือแนวคิดแห่งมิติเวลาของเย่หยวน!
พลังแนวคิดแห่งมิติเวลาของเขานั้นมันเหมือนกำลังสะท้อนกับพลังของกระแสวนมิติเวลาจนทำให้เกิดคลื่นพลังปั่นป่วนขึ้นมา
ตูม!
ซ่างเหิงที่ได้ยินนั้นต้องหน้าถอดสีอย่างหวาดกลัว “เจ้าเด็กคนนี้มันคิดจะทำอะไรกัน? ไม่ดีแล้ว เช่นนี้มันจะไปปลุกพลังของพลิกมิติเวลาโกลาหลขึ้น! มันจะถูกกระแสคลื่นมิติเวลากลืนกินไปเอา!”
………………………..