“ผู้อาวุโสท่านว่าจะจัดการเรื่องนี้เอง! แต่ทุกผู้คนจงอย่าได้ลืม เรานั้นคือคน มิใช่หมูหมา! การขัดขืนนั้นมันย่อมจะเกิดความสูญเสีย แต่หากไม่ขัดขืน… เราก็จะเป็นได้แค่หมูหมาตลอดกาล!”
แม้ต้องเผชิญหน้ากับเหล่าเจ้าสำนักนิกายทั้งหลาย ตัวฉินเชาก็ยังกล่าวคำของเย่หยวนออกมาอย่างเรียบเฉย
แต่คนทั้งหลายย่อมจะไม่รับฟัง
“หึ! เรื่องวันนี้มันเป็นเพราะมันมาแต่แรก มันก็ควรจะเป็นตัวมันนั้นที่รับผลกรรมไว้เอง!”
“การที่มันกล้าออกไปรับผิดชอบเรื่องราวเช่นนี้ ก็ยังถือว่าเป็นคนที่รู้ผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง”
“หากมิใช่เพราะมันแล้วมีหรือนิกายทั้งหลายนั้นจะถูกทำลาย?”
“แล้วก็เจ้าเด็กคนนี้ กล้าไปท้าทายเผ่าเทวาทำให้เราต้องฉิบหายไปด้วย! โมชิงซาน สังหารมันเสียเพื่อสังเวยแก่คนในนิกายที่ต้องตายไปมากมาย!”
มันมีเจ้านิกายหลายคนที่เงียบปากไม่กล่าวอะไร แต่คนส่วนใหญ่นั้นย่อมจะรู้สึกว่าเย่หยวนนั้นหาเรื่องให้หัวผู้คน ขุดหลุมให้พวกเขาตกตายตามไปด้วย
ทำให้เหล่าเจ้านิกายทั้งหลายนั้นต่างคิดอยากฆ่าสังหารฉินเชาเพื่อระบายแค้น
สำหรับมนุษย์ส่วนมากแล้ว พวกเขาทั้งหลายชินชากับเรื่องเช่นนี้ไปแล้ว
อยู่เป็นหมูยังดีกว่าเป็นเสือแล้วต้องตาย!
การไล่ล้างทำลายวังสวรรค์เฝ้าในครานี้มันย่อมจะทำให้พวกเขาทั้งหลายรู้สึกสะใจไม่น้อย แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้พวกเขาตัดสินใจเสี่ยงชีวิต
สำหรับเผ่าต่างๆ ทั้งหลายแล้วที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยความหวาดกลัวนานหลายต่อหลายรุ่นมีหรือที่พวกเขาจะยังรู้สึกแปลกประหลาดกับการเป็นสัตว์เลี้ยงเช่นนี้อีก?
ตราบเท่าที่ไม่ไปยุ่งขวางทางเผ่าเทวาแล้ว เผ่าเทวานั้นกก็จะไม่ได้ฆ่าสังหารคนเล่นๆ เช่นกัน
หรือเปล่า?
แน่นอนว่าเมื่อมีคนแนะนำให้สังหารฉินเชาออกมา เหล่าเจ้านิกายทั้งหลายต่างเริ่มจะเห็นด้วยออกมา
แต่ฉินเชานั้นกลับไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อยตอบกลับไปด้วยเสียงเย้ย “หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าแล้วผู้อาวุโสท่านจะต้องทำลายนิกายของพวกเจ้าลงสิ้นแน่! ผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนี้และร่วมรู้เห็นก็อย่าหวังจะรอดไป!”
เจ้านิกายอีกคนจึงกล่าวขึ้นมา “เขานั้นไปถึงวังสวรรค์เฝ้าใต้แล้ว มีหรือที่ยังจะเอาเขามาใช้ข่มขู่ใดๆ พวกเราได้?”
ฉินเชาที่ได้ยินจึงตอบกลับไปด้วยใบหน้าเย้ยหยัน “ใครบอกว่าเขาไปรนหาที่ตาย? เขานั้นไปยังที่แห่งนั้นเพื่อเตือนเผ่าเทวา เพื่อหยุดไม่ให้พวกมันทำร้ายผู้คนไปมากกว่านี้!”
เจ้านิกายผู้นั้นจึงหัวเราะขึ้นมา “เจ้าล้อข้าเล่นแล้ว? วังสวรรค์เฝ้าใต้นั้นมันมีเจ้าวังเป็นถึงยอดฝีมือเต๋าสวรรค์เก้าลายขั้นกลาง ตัวตนที่แม้แต่เจ้าฟ้าดินสามทลายก็ยังไม่อาจต้านทาน เจ้าจะบอกว่าเขานั้นจะกลับมาได้หรือ?”
ฉินเชาที่ได้ยินก็ตอบกลับไป “ข้าฉินเชานี้เป็นแค่ตัวตนน้อยๆ หากเจ้านิกายอู๋คิดอยากใช้ชีวิตของตนพนันกับชีวิตของข้าก็เชิญสังหารข้าเถอะ!”
คำพูดของฉินเชานี้มันหนักแน่นอย่างมาก
มันมิใช่ว่าพวกเขาเชื่อว่าเย่หยวนจะกลับมาใดๆ แต่ชีวิตของพวกเขาทั้งหลายมันย่อมจะเหนือล้ำกว่าชีวิตน้อยๆ ของฉินเชานี้
หากเย่หยวนกลับมาได้จริงเล่า?
เจ้านิกายอู๋ได้แต่ตอบกลับมาด้วยใบหน้าเครียด “ไม่สังหารเจ้าแต่เราก็ยังจับเจ้าไว้ได้! รอข่าวว่าเจ้าเด็กคนนั้นตายแล้วเราค่อยมาลอกหนังเจ้าทิ้งก็ยังไม่สายใช่หรือไม่เล่า?”
โมชิงซานนั้นขมวดคิ้วแน่นก่อนจะตอบกลับไป “เจ้านิกายอู๋ ท่านพูดเช่นนี้จะไม่เห็นหน้าข้าเลย?”
เจ้านิกายอู๋นั้นจึงตอบกลับมาอย่างไม่พอใจ “เรื่องนี้เดิมทีมันก็มาจากนิกายม่วงน้อยเจ้ามิใช่แล้วหรือ? พวกเจ้านั้นเก็บงำเรื่องราวปล่อยให้คนทั้งแผ่นดินมึนงง คนมากมายต้องตายเพราะพวกเจ้า! เรื่องนี้เรายังไม่ได้ตัดสินบัญชีกันเลย!”
เจ้านิกายอู๋นั้นกล่าวออกมาจุดประเด็นให้เจ้านิกายอื่นๆ เห็นชอบตาม
จากนั้นคนทั้งหลายจึงได้ตัดสินใจจะจับสองอาจารย์และศิษย์นี้ไว้ก่อน
หลังจากข่าวการตายของเย่หยวนมาถึงแล้วพวกเขาจะได้ลงโทษคนทั้งสองอย่างสบายใจ จะได้เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูเสียด้วย!
ทางด้านฉินเชาที่ถูกจับนั้นกลับหันไปบอกโมชิงซานด้วยสีหน้าหนักแน่น “อาจารย์ท่านวางใจเถอะ! พวกมันจับเราไว้ตอนนี้เดี๋ยวพวกมันจะได้ปล่อยตัวเราพร้อมก้มหัวขอโทษ!”
โมชิงซานนั้นมองที่ศิษย์ด้วยสายตาสงสัย “คนผู้นั้นเก่งกาจจริง แต่ท่านหยวนฮุ่ยนั้นเองก็มิใช่แค่เจ้าวังสวรรค์เฝ้าทั่วๆ ไปเช่นกัน!”
ข่าวการตายของเย่หยวนนั้นไม่มา แต่มันกลับมีอีกข่าวที่น่ากลัวกว่าเกิดขึ้นแทน
คนร้ายที่ทำลายสิบแปดวังสวรรค์เฝ้าปรากฏตัวขึ้นมาและเขานั้นกลับเป็นแค่ชายหนุ่มจักรพรรดิเทพสวรรค์ห้าดาว!
ไม่มีใครคิดใครฝันว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งกลับจะสามารถสังหารทำลายล้างสิบแปดวังสวรรค์เฝ้าได้
ที่น่าตื่นตะลึงไปกว่านั้นคือเขายังเป็นแค่มนุษย์!
แน่นอนว่าเรื่องนี้มันยังมิใช่ข่าวที่ใหญ่ที่สุด
เพราะข่าวที่ใหญ่ที่สุดนั้นคือชายหนุ่มได้ไปยังวังสวรรค์เฝ้าใต้ด้วยตัวคนเดียวก่อนจะประกาศเตือนเจ้าวังสวรรค์เฝ้าใต้หยวนฮุ่ยต่อหน้า!
ชายหนุ่มนั้นสังหารผู้คนไปมากมาย สังหารแม้แต่เต๋าสวรรค์แปดลายขั้นปลายทั้งหลายรวมถึงยอดฝีมืออีกนับร้อยๆ
จากนั้นภายใต้การปิดล้อมของหยวนฮุ่ยยอดฝีมือเต๋าสวรรค์เก้าลายผู้นั้นและลูกน้อง เขากลับเดินออกมาอย่างสง่าผ่าเผยได้!
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปคนทั้งแดนใต้ต่างก็ต้องตกตะลึง
“เจ้าหนุ่มคนนี้มันมาจากที่ไหนกัน? ทำไมมันถึงได้เก่งกาจปานนี้?”
“ท่านหยวนฮุ่ยนั้นเป็นถึงตัวตนที่อยู่เหนือฟ้า! แต่เขานั้นกลับไม่อาจจะหยุดยั้งเจ้าหนุ่มคนนี้ไว้ได้?”
“เผ่าเทวาที่มาตรวจสอบเรื่องราวในพื้นที่ต่างๆ ของแดนใต้ถูกเรียกกลับไปหมดแล้ว! นี่มันย่อมหมายความว่าการขู่ได้ผล! เผ่าเทวานั้นกลับต้องยอมรับฟังคำขู่ของจักรพรรดิเทพสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งหรือ!”
ข่าวใหญ่นี้มันตามมาด้วยความตกตะลึงของผู้คน
เป็นตอนนี้เองที่พวกเขาทั้งหลายได้รู้ว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เองก็เก่งกาจได้ปานนี้!
ท้าทายวังสวรรค์เฝ้าด้วยตัวคนเดียว ไปถึงอย่างสง่า สังหารคนนับร้อยๆ และกลับอย่างผ่าเผย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นภาพนี้เองกับตาแต่หากลองคิดตามแล้วพวกเขาทั้งหลายก็ต้องตื่นเต้นอย่างไม่อาจห้ามตัว!
เดินผ่านทหารแกร่งนับไม่ถ้วนแต่กลับไม่มีใครสามารถแตะต้องตัวเขาได้!
นี่มันคือภาพของเย่หยวนที่ทุกผู้คนคิดอยู่ในเวลานี้!
เรื่องราวนี้มันมีผู้พบเห็นมากมาย ย่อมจะไม่มีทางปกปิดไว้ได้
หลังจากข่าวนั้นแพร่ออกมาเหล่ายอดฝีมือชาวมนุษย์มากมายก็ต้องตื่นตะลึงเดือดพล่าน
เมื่อข่าวนี้แพร่มาจนถึงเขตฟ้าใต้ เหล่าเจ้านิกายทั้งหลายนั้นต่างได้แต่ผงะแทบล้มลง
พวกเขานั้นรีบเรียกกันประชุมในคืนนั้นคิดว่าจะจัดการกู้สถานการณ์อย่างไร
อู๋เทียนเฉียวย่อมจะเป็นคนแรกที่ถูกโยนความผิดให้!
เจ้านิกายคนหนึ่งร้องกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงประชด “เจ้านิกายอู๋ เจ้าเก่งจริงๆ! ความคิดที่เจ้าคิดขึ้นมานี้ได้พาเราฉิบหายกันถ้วนหน้าแล้ว!”
เจ้านิกายอีกคนกล่าวขึ้นตาม “ท่านผู้นั้นย่อมจะกำลังเดินทางกลับมาแล้ว! เจ้านิกายอู๋ ท่านลองบอกมาหน่อยสิว่าเราจะอธิบายกับท่านผู้นั้นว่าอย่างไร?”
เจ้านิกายอีกคนกล่าวขึ้น “โชคดีที่เราไม่ด่วนสังหารฉินเชาไป ไม่เช่นนั้นแล้วเราคงไม่อาจหนีพ้นจากความหายนะได้!”
เวลานี้อู๋เทียนเฉียวย่อมจะกลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนกล่าวโทษ
อู๋เทียนเฉียวตอบกลับไปด้วยใบหน้าดำมืด “เวลากลับมาโทษข้าคนเดียวแล้ว? ตอนที่ข้าบอกให้จับตอนนั้นพวกเจ้าทุกคนเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยมิใช่หรืออย่างไร? เวลานี้มาพูดจาเช่นนี้จะได้ประโยชน์ใด? แทนที่จะเสียน้ำลายโทษข้า มาช่วยกันคิดหาทางออกไม่ดีกว่าหรือ?”
เจ้านิกายอีกคนตอบ “ยังจะมีทางออกใด? รีบๆ ไปปล่อยตัวทั้งสองออกมาได้แล้ว! ดูท่าแล้วการที่ฉินเชามันส่งข้อความแทนท่านผู้นั้นย่อมจะหมายความว่ามันนั้นกลายเป็นคนรับใช้ของท่านผู้นั้นไปแล้ว! ตราบเท่าที่เราสามารถขอคำยกโทษจากมันได้ ท่านผู้นั้นเองก็คงไม่ถือสามากมาย!”
เวลานี้มันไม่มีทางออกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว
เพราะฉะนั้นเหล่าเจ้านิกายทั้งหลายจึงได้พร้อมหน้าเดินมายังคุกเพื่อพาตัวพวกฉินเชาและโมชิงซานออกจากคุก
เมื่อโมชิงซานได้เห็นสีหน้าของคนทั้งหลายนั้นมีหรือที่เขาจะยังไม่เข้าใจเรื่องราว?
เวลานี้หัวใจของเขานั้นแทบจะหยุดเต้นลงด้วยความตกตะลึง
เจ้าหนุ่มคนนั้นทำได้จริง?
ฉินเชานั้นยิ้มตอบกลับไป “ข้าบอกว่าอย่างไรเล่าท่านอาจารย์? นายท่านนั้นคงสร้างเรื่องยิ่งใหญ่ในแดนใต้อีกครั้งเป็นแน่แล้ว!”
อู๋เทียนเฉียวยิ้มรับ “ใช่แล้ว! ท่านผู้นั้นมีพรสวรรค์ที่จะปกครองโลกหล้าได้ แม้แต่เผ่าเทวาเองก็ยังต้องก้มหัวให้! พวกท่านทั้งสอง ครั้งนี้มันเป็นความผิดของเราเอง พวกท่านทั้งสองช่วยออกไปนั่งคุยกันด้านนอกกับพวกเราจะได้หรือไม่?”
ฉินเชาที่ได้ยินก็ต้องตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “เจ้านิกายอู๋ ท่านเคยได้ยินคำว่า ‘เชิญเทพนั้นเชิญง่าย ไล่เทพนั้นไล่ยาก’ หรือไม่?”
……………….