เมื่อการสอนของเย่หยวนจบลงคนทั้งหลายก็แทบลืมหายใจ!
หนึ่งปีที่บรรยายมานี้มันเป็นเหมือนเทศกาลความรู้กับเหล่ายอดคนของโถงโอสถ
ทุกผู้คนนั้นต่างแน่วแน่ตั้งใจคิดตามจนไม่อาจจะหลุดจากภวังค์ได้
เมื่อเย่หยวนพูดจบแล้วพวกเขาทั้งหลายก็ยังรู้สึกว่ามันไม่พอใจอยู่ลึกๆ ในใจ
หวู่หยุนในตอนนี้มีสีหน้าไม่ต่างจากมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลในตอนก่อนนั้น
สีหน้าและดวงตาที่เขาใช้มองเย่หยวนนี้มันแตกต่างไปจากก่อนอย่างสิ้นเชิง
ก่อนนี้พวกเขาทั้งหลายยังคิดว่าเย่หยวนจะมาแย่งชิงอำนาจใดๆ
แต่เวลานี้มันไม่มีใครคิดเช่นนั้นอีกต่อไป
เพราะคนผู้นี้ไม่ต้องไปแย่งอำนาจชิงมันจากใคร
นี่มันคือระบบการบ่มเพาะที่สมบูรณ์แบบ มันคือยอดเต๋าสู่สวรรค์!
เมื่อฟังการบรรยายของเย่หยวนมาจนจบแล้วพวกเขาทั้งหลายก็ได้เข้าใจว่ารากฐานตื้นเขินนั้นมันคืออะไร
“ได้ฟังอาจารย์จี้สั่งสอนนี้หวู่หยุนรู้สึกเหมือนโลกหล้านี้มันอยู่แค่ตรงหน้า! อาจารย์จี้นั้นมีความรู้สูงส่ง โปรดรับการคำนับจากหวู่หยุนนี้ด้วยเถอะ!”
พูดไปหวู่หยุนนั้นก็ก้มหัวลงต่อหน้าเย่หยวนทันที
ทุกผู้คนนั้นต่างต้องตกตะลึงจนไม่อาจกล่าวพูดใดๆ ได้เป็นคำ
“นี่มัน… นี่มัน ท่านหวู่หยุนกลับยกย่องหัวหน้าผู้ฝึกสอนเป็นอาจารย์!”
“อาจารย์จี้นั้นรับมันไว้ได้! แค่การสอนบรรยายครั้งนี้ตำแหน่งอันดับหนึ่งการโอสถของท่านหวู่หยุนมันก็คงเปลี่ยนมือแน่แล้ว!”
“อาจารย์จี้นั้นไม่หวงวิชาใดๆ สั่งสอนยอดเต๋าออกมาให้เราได้รับรู้ ท่านย่อมจะมีคุณสมบัติพอรับเกียรตินี้! เราก็มาคารวะคำนับท่านด้วยเถอะ!”
…
หลังจากความตื่นตะลึงผ่านไปคนทั้งหลายก็เริ่มได้สติขึ้น
เหล่ายอดฝีมือต้นกำเนิดเต๋าโอสถระดับสามนั้นเป็นผู้ที่นำลงก้มคารวะ
จากนั้นคนทั้งหลายก็ก้มลงคารวะคำนับตาม
เย่หยวนนั้นรีบไปประคองร่างของหวู่หยุนขึ้น “ผู้อาวุโสหวู่หยุนทำข้าอายุสั้นแล้ว ผู้อาวุโสนั้นทุ่มแรงกายใจเพื่อหลากเผ่าพันธุ์ ข้าย่อมจะไม่อาจรับการคำนับนี้ไว้ได้หรอก”
หวู่หยุนตอบกลับมาด้วยเสียงหนักแน่น “แค่การสั่งสอนบรรยายเต๋าของอาจารย์จี้นี้ท่านก็พอรับมันไว้ได้แล้ว! อาจารย์จี้อย่าได้ปฏิเสธเลย วันหน้าเฒ่าคนนี้จะขอเรียกท่านว่าอาจารย์จี้ตลอดไป!”
เย่หยวนนั้นไม่รู้ต้องตอบอย่างไรจึงได้แต่กล่าวรับ “เช่นนั้นก็ตามใจท่านเถอะ ข้าจะทิ้งความรู้ไว้ให้โถงโอสถนี้ สิ่งใดที่ท่านไม่เข้าใจก็ขอให้มาพูดถามข้าได้เสมอ แต่จะอย่างไรโถงโอสถนี้มันก็คงยังต้องลำบากให้ผู้อาวุโสหวู่หยุนดูแลอีกอย่างมาก”
หวู่หยุนรีบตอบกลับไป “เรื่องนั้นเดิมทีมันก็เป็นหน้าที่ของเฒ่าผู้นี้อยู่แล้ว จะลำบากอะไรไปได้กันเล่า?”
…
“กลับยังมีเรื่องเช่นนั้น? เด็กคนนี้มันกลับมีเต๋าโอสถที่สูงล้ำปานนั้น?”
ได้ยินคำที่หวู่หยุนเรียกเขานั้นว่าอาจารย์จี้แล้วตัวเจียนหรูเฟิงก็ได้แต่ต้องอ้าปากค้าง
ก่อนหน้านี้เย่หยวนไม่ได้บอกใดๆ กับเขา
ตอนที่เย่หยวนไปยังโถงโอสถนั้น เขายังรู้สึกว่ามันแปลกๆ
ความคิดของเขานั้นมันก็ไม่ได้ต่างจากคนทั้งหลายมากมาย คิดว่าเย่หยวนอาจจะไปเบ่งอำนาจกดหัวหวู่หยุน
การกระทำเช่นนั้นของเย่หยวน แม้เขาจะไม่ได้กล่าวห้ามใดๆ แต่เขาก็ย่อมไม่ค่อยชอบอยู่ในใจ
เพราะการกระทำเช่นนั้นมันราวกับเด็กทารก
เขานั้นถึงขั้นคิดสงสัยขึ้นมาว่าตัวเองนี้ตัดสินใจได้ถูกต้องหรือไม่ที่เลือกเขามา
แต่เมื่อได้ยินคำของหวู่หยุนนี้ ตัวเขาก็ยิ่งตื่นตะลึงอย่างสุดหัวใจ
เขาและหวู่หยุนนั้นเป็นสหายร่วมเป็นตายกันมา แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ถึงวิชาการโอสถของอีกฝ่ายว่ามันเหนือล้ำจนไม่มีใครเทียบเคียงได้ปานไหน
แต่เขานั้นกลับยกย่องเย่หยวนเป็นอาจารย์!
เขานั้นเดิมทีที่เรียกเย่หยวนมาช่วยนี้ก็แค่หวังว่าเย่หยวนจะช่วยถ่ายทอดสมบัติสืบทอดเกี่ยวกับแนวคิดต่างๆ ให้
แต่ใครจะไปคิดว่ามันกลับมีของแถมใหญ่โตเช่นนี้มาด้วย
หวู่หยุนพยักหน้ารับ “ข้านั้นไม่อาจจะบอกได้เลยว่าอาจารย์จี้นั้นเก่งล้ำแค่ไหน! หากมีใครบนโลกหล้านี้ที่จะขึ้นถึงระดับของกฎได้ มันก็ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน! เฒ่าคนนี้มีฝีมือต่ำกว่าอาจารย์จี้อย่างไม่อาจเทียบ!”
เจียนหรูเฟิงนั้นอ้าปากค้างไปนานสองนานกว่าจะค่อยๆ กล่าวขึ้นมา “ดูท่าข้าจะไปเจอสมบัติเข้าจริงๆ แล้ว! มีเขาอยู่ด้วยนี้แผนการของเราคงเริ่มก่อนกำหนดได้!”
หวู่หยุนนั้นขมวดคิ้วเปลี่ยนสีหน้าไป “เร็วขนาดนี้เลย? เจ้า…”
เจียนหรูเฟิงยกมือขึ้นมาโบกปัด “สหายข้า มันยังมีอะไรให้ต้องยืดแผนออกไปอีก? วันนี้ย่อมจะมาถึงในสักวัน เจ้าก็อย่าได้เศร้าเสียใจไป ที่สำคัญมันก็ใช่ว่าข้าจะตายลงทันทีที่เปิดมิติลับสวรรค์เสียหน่อย การพัฒนาของเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายนั้นมันต้องใช้เวลาและเวลานั้นไม่เคยรอท่าใคร! ที่สำคัญไปกว่านั้นมันก็ภาระที่เจ้าต้องแบกรับไว้ต่างหาก สหายข้า มันเป็นภาระที่หนักหนากว่าข้านัก! คนตายนั้นตายแล้วก็ตายไป ตายไปแล้วข้าก็ไม่ได้รับรู้ใดๆ อีกต่อไปแล้ว คนที่ลำบากนั้นคือคนที่ยังต้องมีชีวิตอยู่ต่างหาก!”
จากนั้นโครงการยักษ์มันก็ได้เริ่มขึ้นอย่างลับๆ เช่นนั้น
โครงการนี้มันดูง่ายดายแต่แท้จริงกลับยุ่งยาก
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียวังสวรรค์เฝ้านั้นมันก็มีตั้งอยู่ทั่วมหาพิภพถงเทียน พวกเขาทั้งหลายนั้นรู้เรื่องราวของแต่ละนิกายค่ายสำนักในบริเวณตัวเองอย่างดี
หากคิดอยากย้ายเหล่ายอดอัจฉริยะนั้นเข้าไปยังมิติลับสวรรค์พวกเขาจะต้องหลบจากสายตาของคนทั้งหลายนั้นโดยไม่ทิ้งร่องรอย
หากเมื่อมันมีอะไรน่าสงสัยเกิดขึ้นมาแล้ว แผนการใหญ่นี้ก็จะพังทลายลงทันที
โชคยังดีที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นได้เตรียมการมานานแสนนานพร้อมเริ่มได้ทุกเมื่อทำให้การดำเนินงานของโครงการนี้มันเป็นไปอย่างเป็นระบบ
เหล่ายอดอัจฉริยะจากหลากเผ่าพันธุ์ในมหาพิภพถงเทียนนี้จึงได้ค่อยๆ ทยอยเข้ามายังมิติลับสวรรค์ตามๆ กัน
โครงการยิ่งใหญ่เช่นนี้มันย่อมจะไม่มีทางทำเสร็จได้ภายในคืนเดียว
การเคลื่อนย้ายยอดอัจฉริยะนี้มันอาจจะกินเวลามากถึงพันปี
และแน่นอนว่าเย่หยวนย่อมจะเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่ได้เข้ามิติลับสวรรค์ไป
เขานั้นไม่ได้เข้ามาในฐานะของอัจฉริยะ แต่เขานั้นเข้ามาในฐานะของหัวหน้าผู้ฝึกสอน
แน่นอนว่าเหล่ายอดอัจฉริยะชุดแรกก็จะได้เข้ามาพร้อมๆ กันเขานี้ด้วย
พวกเขาทั้งหลายนี้ต่างเป็นคนที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เลือก แต่ละคนนั้นมีความเป็นไปได้ไร้จำกัด
พวกเขานี้คือเด็กชะตาไร้คาดเดา!
แต่ว่าเด็กชะตาไร้คาดเดาชุดแรกที่เข้ามานี้มันไม่ได้มีมากมาย เพียงแค่ประมาณแสนคนเท่านั้น
หลังจากนั้นยอดอัจฉริยะชุดต่อๆ ไปก็จะค่อยๆ ทยอยเข้ามาตาม
แน่นอนว่าเจียนหรูเฟิง หวู่หยุนและเหล่ายอดคนเบื้องบนทั้งหลายนั้นจะต้องเป็นคนจัดการระบบภายใน
เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายนี้จะต้องผ่านบททดสอบสุดโหดหิน
ในวันนี้ เด็กหนุ่มสาวหลายคนได้มานั่งรวมตัวกันพูดคุยเรื่องราวบางอย่าง
ชายหนุ่มคนหนึ่งผู้สวมผ้าโพกหัวกล่าวขึ้นมา “พวกเจ้าได้ยินกันมาหรือไม่? หัวหน้าผู้ฝึกสอนเราแท้จริงแล้วเป็นแค่จักรพรรดิเทพสวรรค์เจ็ดดาวเท่านั้น!”
ยอดอัจฉริยะอีกคนจึงสวนขึ้นมาด้วยเสียงหัวเราะ “ซ่างเหิง เจ้าพูดจาไร้สาระใด? มีหรือที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เจ็ดดาวคนหนึ่งจะมาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนเราได้? เช่นนั้นฝีมือของเขาคงไม่เก่งกาจเท่าเราเสียด้วยซ้ำ!”
ชายหนุ่มผ้าโพกหัวนี้คือมหาบรรพกาลมิติเวลาที่สร้างชื่อเลื่องลือโลกในอนาคต ซ่างเหิง!
ซ่างเหิงส่ายหัวออกมา “ข้านั้นไม่ได้พูดจาไร้สาระ! พวกเจ้ารู้จักฉินเชาหรือไม่?”
อีกคนหนึ่งจึงตอบกลับมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “รู้สิ! ว่ากันว่ามันนั้นมีเส้นใหญ่เป็นศิษย์โดยตรงของหัวหน้าผู้ฝึกสอนนั้นจึงได้รับการวางตัวไว้ให้เป็นผู้รับสมบัติสืบทอดหลัก!”
ซ่างเหิงที่ได้ยินก็พยักหน้ารับ “เรื่องนี้มาจากมันคนนั้นเอง ย่อมจะไม่ผิดแน่แล้ว!”
“ไม่มีทางหรอกใช่หรือไม่? จักรพรรดิเทพสวรรค์เจ็ดดาวนั้นมันจะน่าขันเกินไปแล้ว! เรานั้นเข้ามิติลับสวรรค์มาเพื่ออนาคตของเผ่าพันธุ์ทั้งหลาย! แต่ท่านทั้งหลายที่เบื้องบนกลับจะให้จักรพรรดิเทพสวรรค์เจ็ดดาวมาจัดการพวกเราหรือ?! มันจะมากเกินไปแล้ว!” เมื่ออัจฉริยะอีกคนได้ยินเขาก็ลุกขึ้นตะโกนลั่นทันที
“ใช่แล้ว! เวลาก็ผ่านไปตั้งสองปีแล้วแต่เจ้าหมอนั่นกลับยังไม่โผล่หน้าออกมาเลย มันบ้าบอเสียจริง!”
“พวกท่านทั้งหลายเบื้องบนนั้นคิดอะไรกันอยู่? พวกเขาไม่เห็นหรืออย่างไรว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
ซ่างเหิงยิ้มขึ้น “ตั้งแต่ที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนนั้นเข้ามาถึงมิติลับสวรรค์นี้เขาก็เอาแต่เก็บตัวในวังถามสวรรค์ ไม่รู้จริงๆ ว่าเขานั้นคิดจะทำอะไรกันแน่ มันเหมือนเขานั้นไม่คิดสนใจเราเลยแม้แต่น้อย พวกเจ้าทั้งหลายมีใครกล้าจะบุกเข้าไปในวังถามสวรรค์กับข้าบ้างหรือไม่?”
เมื่อคนทั้งหลายได้ยิน สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไปทันที
การบุกวังถามสวรรค์นั้นมันเป็นความผิดใหญ่หลวง!
คนทั้งหลายนั้นอดไม่ได้ที่จะขอถอนตัวขึ้นตามๆ กัน
ซ่างเหิงที่เห็นก็หัวเราะเย้ย “อะไรเล่า? แค่นี้ก็กลัวแล้วหรือ? วันหน้าไปเจอเผ่าเทวามันจะน่ากลัวกว่านี้พันเท่าหมื่นเท่า! หากความกล้าแค่นี้พวกเจ้ายังไม่มีแล้วเจ้าจะยังมาโม้เรื่องคิดฆ่าสังหารเผ่าเทวาใดๆ อีก?”
…………………………