“ทัพหลากเผ่าพันธุ์ในเวลานี้มันอ่อนแอกว่าสงครามสิ้นโลกครั้งก่อนจริงๆ! เจ้าพวกนี้มันรับการบุกไม่ได้แม้แต่วัน!”
บนยอดเขาสูงนั้นเทียนเหอกำลังยืนมองดูภาพตรงหน้าด้วยมือไพล่หลัง
เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานทัพเผ่าเทวาเพิ่มจะบดขยี้ทัพผสมไปจนไม่อาจต่อต้าน
เขานั้นยืนอยู่ตรงนั้นสูงล้ำมองดูภาพตรงหน้าอย่างสะใจ เก็บรายละเอียดทุกสิ่งอย่างไว้พร้อมกล่าวเย้ยหยัน
สามเดือนก่อนนั้นทั้งสองฝ่ายได้เริ่มเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบกัน!
ในเวลาสามเดือนนี้ต่างฝ่ายต่างมีการปะทะกับน้อยใหญ่แต่ทางทัพผสมกลับไม่อาจจะต้านทานการเดินทัพของทัพเผ่าเทวาได้เลย
ทัพเผ่าเทวานั้นยังคงมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเรื่อยๆ จนเกือบจะเข้าถึงชายแดนระหว่างแดนตะวันตกและแดนกลางเต็มที
ทัพผสมหลากเผ่าพันธุ์นั้นยังคงสู้รับและถอยร่นมาเรื่อย ไม่อาจจะรับมือต่อสู้ใดๆ ได้เลย
“แต่นายท่าน เย่หยวนนั้นมันยังไม่ปรากฏตัวออกมา ข้าเกรงว่ามันนั้นจะไม่กล้าโผล่หน้าออกมาอีกแล้ว หากเราต่อสู้ต่อไปจนบุกเข้าถึงแดนกลาง ข้าเกรงว่าเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายมันจะไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไป!” ยู่ฉินกล่าว
เรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายย่อมจะระแวดระวังกันอย่างมาก
เมื่อเต๋าบรรพกาลลงมือแล้วเรื่องราวมันคงไม่อาจถอยกลับต้องสู้กันจนกว่าจะตายไปข้าง
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเหล่ายอดคนเบื้องบนของเผ่าเทวาเองก็ไม่ได้มั่นใจว่าจะเอาชนะเต๋าบรรพกาลลงได้
การต่อสู้ของเทียนชิงและเต๋าบรรพกาลนั้นมันทำให้มนุษย์เกรงกลัวเผ่าเทวาอย่างมาก
แต่มันก็ได้ทำให้เผ่าเทวานั้นเกรงกำลังของเต๋าบรรพกาลเช่นกัน!
เทียนเหอหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยิน “ฮ่าๆๆ… ยู่ฉิน เจ้าเองก็จะดูถูกบรรพกาลผู้นี้มากไป! เจ้าลองดูเถอะ หากเราเดินหน้าต่อไปนี้มันจะเป็นที่ใด?”
ยู่ฉินผงะไปเล็กน้อยก่อนจะหันมองทิศของทัพ “ด้านหน้าไปนี้มันเป็นเทือกเขาแปดโมฆะ! หรือว่านายท่านมีแผนการใดหรือ?”
เทียนเหอยิ้มรับ “ยู่ฉิน ความสามารถในการประเมินสถานการณ์ของเจ้ามันยังขาดไปมากนัก! เจ้าลองดูเถอะว่าเวลานี้ทัพของเราเคลื่อนที่ด้วยรูปทรงเช่นใด?”
ยู่ฉินนั้นไม่ทันได้สังเกตเรื่องนั้นจึงได้แต่ต้องหันหน้าไปมองยังทิศของกองทัพ
สายตาของยอดคนระดับนี้มันย่อมจะเหนือล้ำคนธรรมดาไปมาก แค่มองปราดเดียวเขาก็สามารถบอกรูปทรงรูปร่างของทัพได้
เขานั้นสะท้านขึ้นทั้งตัว “นายท่าน ทัพเรานี้มันมีรูปทรงเหมือน… กระเป๋า!”
ในเวลานี้ทัพเผ่าเทวานั้นได้เดินหน้าไปด้วยรูปทรงเหมือนกระเป๋าขนาดยักษ์ล้อมรอบทัพผสมไว้สิ้น
หากมองดูจากระยะไกลแล้วมันย่อมจะเหมือนพวกเขากำลังปิดล้อมทัพผสมไว้ทุกทาง
เดิมทีด้วยกำลังของเผ่าเทวามันย่อมจะไม่มีทางทำเช่นนี้ได้
แต่ทัพผสมนั้นกลับไม่ได้มีจำนวนมากมายอย่างที่พวกเขาคาดการณ์ไว้
ทัพเผ่าเทวานั้นมันมีกำลังของมารนรกอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าจำนวนรวมๆ ของพวกเขานั้นมันแทบไม่ได้แตกต่างจากกำลังของทัพผสม
“ฮ่าๆๆ เป็นอย่างที่ท่านว่าจริง มันคือกระเป๋า!”
เทียนเหอนั้นตอบกลับมาด้วยสีหน้าภาคภูมิ “ข้านั้นส่งกำลังออกไปคุมสามทิศไว้จนไล่ต้อนพวกมันไปทางเทือกเขาแปดโมฆะ! หมื่นล้านปีก่อนนั้นมหาบรรพกาลค่ายกลฟ้ามันได้ตัดขาดกองทัพของเราไว้ด้วยกำลังของมันผู้เดียว! วันนี้บรรพกาลผู้นี้จะขอยืมพลังของมันตัดขาดเส้นทางหนีของทัพผสมหลากเผ่าพันธุ์! ใครจะไปคิดว่าค่ายกลที่บรรพบุรุษของพวกมันทิ้งไว้นั้นกลับจะเป็นตัวตัดทางหนีของพวกมัน หากได้รู้แล้วพวกมันคงสิ้นหวังกันเจียนตายแล้ว!”
พูดมาถึงตรงหน้าตัวเทียนเหอก็หัวเราะขึ้นมา
กำลังการต่อสู้ของเขานั้นมันย่อมจะเก่งกาจล้ำ
แต่การนำชัยมาได้ในระดับกองทัพนั้นมันให้ความรู้สึกสำเร็จที่แตกต่างออกไป
ยู่ฉินเบิกตาทั้งสองขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจด้วยความชื่นชม “นายท่านเก่งกาจนัก! สามเดือนที่ผ่านมานี้นายท่านกลับหลอกลวงให้พวกมันเข้าตาจน! เวลานี้ต่อให้พวกมันจะทันรู้ตัวมันก็คงไม่มีทางหนีใดแล้ว! เว้นเสียแต่ว่าหากเจ้าเด็กนั่นยังไม่ออกมาอีกเล่าท่าน เราจะทำอย่างไรดี?”
เทียนเหอยิ้มตอบกลับไป “ไม่ต้องกังวลไป มันต้องออกมาแน่! ถึงเวลานั้นแล้วข้าจะจงใจเผยจุดอ่อนให้มันเห็นโอกาสรอด! กองทัพของมันนั้นมีกำลังเหนือล้ำ ตัวหนี่ซวนย่อมจะส่งกองทัพนั้นออกมาจัดการโจมตีทะลวงจุดอ่อนแน่นอน ถึงเวลานั้นเราก็จะได้จัดการมันในทีเดียวไป!”
“ยอดเยี่ยม! ฉลาดล้ำ! ท่านเทียนเหอนั้นกลับคาดเดาทุกสิ่งอย่างไว้ครบถ้วน มันเป็นบุญของเผ่าเทวาเราจริงๆ!”
ยู่ฉินนั้นไม่คิดหวงคำชมใดๆ กล่าวออกมาอย่างสุดตัว
เทียนเหอนั้นวางแผนในกระโจมแม่ทัพและคำนวณทุกสิ่งอย่าง เหลือแค่รอให้ปลาเข้าไซเท่านั้น
มีแม่ทัพเช่นนี้แล้วมีหรือที่ยู่ฉินจะไม่ชื่นชม?
เทียนเหอยิ้มตอบกลับไป “มันมิใช่ว่าข้านั้นคาดคำนวณทุกสิ่งอย่างได้ แต่มันเป็นทัพผสมนั่นแหละที่ทำให้ข้าคิดได้! สามเดือนก่อนนั้นพวกมันสู้แพ้แล้วถอยทัพกลับไปทางเขาแปดโมฆะอย่างไม่รู้ตัว! แต่มันนั้นไม่รู้ แต่ข้านั้นรู้! ฮ่าๆๆ…”
เดิมทีเขานั้นย่อมจะไม่ได้สนใจทางหนีของทัพผสมใด
แต่หลังจากหนีกันไปหลายครั้งเทียนเหอก็ได้เห็นเทือกเขาแปดโมฆะขึ้นมา!
ที่แห่งนี้มันคือที่ที่เผ่าเทวาเคยต้องพบเจอความอัปยศ!
มหาบรรพกาลค่ายกลฟ้านั้นเปลี่ยนทั้งเทือกเขาแปดโมฆะให้กลายเป็นเขาปิดกั้นทำลายสังหารยอดฝีมือเผ่าเทวาไปนับไม่ถ้วน
ศึกในครั้งนั้นมันทำให้ทัพผสมได้สู้จนสุดใจ
มหาบรรพกาลค่ายกลฟ้านั้นมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาหลังจากศึกในครั้งนั้น
แต่สถานการณ์นั้นได้เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ใครจะไปคิดคาดว่าวันนี้เขาแปดโมฆะที่เคยเป็นลานสังหารเผ่าเทวานั้นกลับมันจะมาเป็นทางตันของทัพผสมหลากเผ่าพันธุ์?
คิดมาได้ถึงตรงนี้ตัวเทียนเหอก็ยิ่งรู้สึกสะใจ
เวลานี้มหาบรรพกาลค่ายกลฟ้านั้นมันได้จากโลกไปแล้ว มันย่อมจะไม่มีมนุษย์คนไหนมาก้าวข้ามเทือกเขาแปดโมฆะไปได้อีก
“สั่งการออกไป ทัพของเราจะเดินหน้าสู่เทือกเขาแปดโมฆะเต็มกำลัง!”
…
ระหว่างที่เทียนเหอกำลังหัวเราะลั่นอยู่บนยอดเขานั้น ทางฝ่ายทัพผสมเองก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่อาจหยุดยั้งเช่นกัน
“ฮ่าๆๆ… เทียนเหอมัน ‘ฉลาด’ เสียจริง! ทีแรกข้าก็กลัวเสียด้วยซ้ำว่ามันนั้นจะไม่ทันคิดถึงเรื่องของเทือกเขาแปดโมฆะ!” หนี่ซวนหัวเราะขึ้น
หลงยี่เองก็ยิ้มตอบกลับไป “เช่นนั้นท่านคงดูถูกมันเกินไปแล้ว จะอย่างไรมันก็เป็นแม่ทัพใหญ่คุมสามกองทัพ หากเรื่องแค่นี้ยังไม่รู้แล้วมันก็คงโง่เกินรับ”
“ชิๆ อย่างไรมันก็คือท่านนักบุญฟ้าครามที่เหนือล้ำ ท่านนั้นกลับคาดคำนวณทุกสิ่งอย่างไว้จนสิ้น! น่าเสียดายแค่ว่าหมื่นล้านปีก่อนท่านนั้นไม่อาจจะอยู่ต่อได้ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ต้องการต่อสู้ใดๆ กันแล้ว!” ฉี่พั่วเทียนกล่าวขึ้นเสริม
ในวันนั้นเย่หยวนได้บอกเล่าที่มาของนักบุญฟ้าครามจนทำให้คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง
เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะเหนือล้ำเกินกว่าที่คนทั้งหลายจะทำใจเชื่อลง
ที่แท้แล้วเต๋าในยุคก่อนนั้นมันกลับเป็นสิ่งที่เย่หยวนทิ้งไว้สิ้น!
เรื่องนี้พวกเขาทั้งหลายถึงกับต้องส่งสารไปถามหาความจริงจากปากเฉียนจี้
หลังจากได้รับคำยืนยันมาแล้วเท่านั้นที่คนทั้งหลายจะไม่มีใครกล้าไม่เชื่ออีก
เทียบกับเรื่องนี้แล้วการที่เย่หยวนบุกไปค่ายศัตรูใดๆ นั้นมันกลายเป็นเรื่องง่ายดายทันที
เพราะจะอย่างไรเสียความยิ่งใหญ่ของทัพผสมหลากเผ่าพันธุ์นั้นมันก็เกิดขึ้นมาด้วยมือเย่หยวนนี้!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเหล่ามหาค่ายกลในเทือกเขาแปดโมฆะนั้นเองมันก็ย่อมจะเกิดขึ้นมาจากเต๋าที่เย่หยวนทิ้งไว้!
แม้ว่ากำลังของมหาบรรพกาลค่ายกลฟ้าในภายหลังนั้นมันจะก้าวข้ามเย่หยวนไปหลายเท่า แต่รากฐานของมันนั้นก็มาจากแหล่งเดียวกัน
การจัดการทัพเผ่าเทวาด้วยมหาค่ายกลไร้ต้านของเทือกเขาแปดโมฆะ จะอย่างไรเทียนเหอก็คงไม่มีทางนึกถึงมันได้
มีหรือที่เขาจะรู้ได้ว่าเย่หยวนนั้นกลับเป็นนักบุญฟ้าครามผู้เดินทางข้ามกาลเวลาไปทิ้งความรู้สืบทอดไว้?
เรื่องราวเช่นนี้แม้แต่พวกเขาเองก็ยังแทบไม่อยากเชื่อ
ส่วนอีกด้านนั้นตัวเทียนเหอก็คิดว่าตัวเองได้ล้อมทัพผสมไว้รอบด้านปิดทางหนีไว้ด้วยมหาค่ายกลของเทือกเขาแปดโมฆะ
ส่วนฝั่งนี้ทัพผสมหลากเผ่าพันธุ์กำลังวางแผนที่จะเปิดใช้งานมหาค่ายกลบนเทือกเขาแปดโมฆะขึ้นมาอีกครั้งเพื่อซ้ำรอยประวัติศาสตร์ทำลายทัพเผ่าเทวา!
“หากให้พูดแล้วเรานี้มันช่างน่าอับอาย! โลกใบใหม่ที่ถูกยอดคนจากยุคก่อนสร้างสมขึ้นมานี้เรากลับไม่มีปัญญาจะปกป้องใดๆ! ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นเดินทางข้ามผ่านมิติเวลาต้องปะทะกับเผ่าเทวาเข้าถึงสองครั้ง เขานั้นช่างแบกรับภาระที่หนักหนาเกินเราจะเข้าใจจริงๆ! ท่านนักบุญฟ้าครามนี้ช่างทำตัวได้สมชื่อว่าเป็นนักบุญยิ่งนัก!” หนี่ซวนกล่าวขึ้นมาด้วยความซาบซึ้ง
คนทั้งหลายต่างพยักหน้าตาม รู้สึกเช่นเดียวกันนั้นเช่นกัน
……………………….