โลกใบน้อยของเย่หยวนนั้นมันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ
พลังงานสีดำนั้นมันค่อยๆ แผ่กระจายออกกลายเป็นดวงตะวันจันทรา รวมไปถึงหมู่ดาวทั้งหลายบนท้องฟ้าเองก็ค่อยๆ ก่อรูปร่างขึ้น
ส่วนบนผืนดินนั้นมันก็ค่อยๆ เกิดเป็นเนินเขาร่องน้ำด้วยคลื่นพลังงานสีเหลือง
รูปร่างของโลกหล้ามันได้ก่อเกิดขึ้นมาแล้ว
พิภพโกลาหลในตอนแรกที่ยังไม่มีสิ่งใดมันค่อยๆ เผยให้เห็นถึงสัญญาณของชีวิต
ในเวลานี้เย่หยวนเริ่มจะรู้สึกได้ถึงพลังของโลกอย่างแท้จริง!
การพัฒนาของโลกเช่นนี้มันย่อมจะทำให้กำลังของเขาพัฒนาไปอย่างมากล้น
กำลังเช่นนี้มันเหมือนราวกับว่าทั้งโลกหล้าอยู่ใต้ฝ่ามือเขา
ในโลกใบนี้เขานั้นย่อมจะเป็นนายมันอย่างเด็ดขาด เป็นตัวตนที่สูงส่งที่สุด!
คลื่นพลังที่เขาสัมผัสได้จากมันนั้นทำให้เขารู้สึกราวกับจะทำลายทุกสิ่งอย่างลงได้
ดูท่าแล้วทางเทียนเหอเองก็คงสัมผัสได้ถึงพลังที่ล้นหลามของเย่หยวนเช่นกัน!
มันมิใช่แค่ตัวเทียนเหอ แต่ทุกผู้คนนั้นสัมผัสได้สิ้น
พลังของมันนี้เหนือล้ำจนน่ากลัว!
เทียนเหอได้แต่กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าซีดขาว “เจ้า… เจ้าบ่มเพาะอะไรกันแน่? พลังเช่นนี้มันย่อมจะมิใช่เจ้าฟ้าดินหนึ่งทลายแน่แล้ว!”
ดูจากสภาพของเย่หยวนนั้นคลื่นพลังที่ตัวเขาปล่อยออกมามันย่อมจะเหนือกว่าเจ้าฟ้าดินหนึ่งทลายไปมากมาย
ช่องว่างระหว่างจักรพรรดิเทพสวรรค์และเจ้าฟ้าดินนั้นมันยิ่งใหญ่จริง แต่มันก็ไม่ได้ห่างชั้นถึงขนาดนี้
เพราะฉะนั้นเทียนเหอจึงได้แต่ต้องอ้าปากค้าง
เย่หยวนนั้นมีพลังที่เหนือล้ำพอที่จะเทียบเคียงเจ้าฟ้าดินสองทลายได้ง่ายๆ!
กอรปกับแนวคิดต่างๆ ที่สูงล้ำของเขานั้น กำลังต่อสู้ของเขามันย่อมจะเหนือล้ำจนถึงระดับของเต๋าสวรรค์เก้าลายขั้นกลางได้ง่ายๆ
ก่อนจะบรรลุขึ้นมานั้นเย่หยวนเองก็พอรับมือเทียนเหอได้อย่างไม่เสียเปรียบแล้ว
เวลานี้หากคิดจะฆ่ามันก็คงเหนื่อยแค่ยกมือ
เย่หยวนกล่าวขึ้นมา “เจ้าไม่ต้องมาสนใจหรอกว่ามันคือการบ่มเพาะเช่นใด รู้ไว้แค่ว่ามันคือการบ่มเพาะที่ฆ่าสังหารเจ้าก็พอ! เอาล่ะ ข้าจะส่งเจ้าไปเอง!”
ดาบแห่งมิติเวลาถูกเรียกขึ้นมาอีกครั้งพร้อมส่งคลื่นเย็นเยือก
เทียนเหอนั้นหน้าถอดสี เขารู้ดีว่าตัวเองคงไม่อาจต้านทานการโจมตีต่อไปของเย่หยวนได้!
ความรู้สึกสิ้นหวังปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา
ในยุคก่อนนั้นตัวเขาสามารถต้านทานรับมือเจ้าฟ้าดินสี่หรือห้าทลายได้ด้วยตัวคนเดียว ทำให้เขายังพอมีชีวิตรอดมาได้ถึงวันนี้
ในชีวิตนี้เขาเคยแต่คิดว่าทัพเผ่าเทวานั้นจะบดขยี้เผ่ามนุษย์
ใครจะไปคิดฝันว่าท้ายที่สุดเขากลับต้องมาพบเจอเรื่องราวเช่นนี้จนตายจากเต๋าเสื่อมสลาย
ผลลัพธ์นี้มันไม่เคยจะปรากฏขึ้นในสมองของเขาเลย
ในสายตาของเขานั้นเผ่ามนุษย์ในเวลานี้มันไม่มีใครจะฆ่าสังหารเขาได้นอกจากเหล่าเต๋าบรรพกาล
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นเองหากคิดอยากสังหารเขาด้วยการปะทะตัวต่อตัวมันก็คงเป็นไปไม่ได้
แต่เขาไม่เคยคิดฝันว่าตนจะต้องมาตายด้วยมือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง!
ฟุบ!
เมื่อดาบแสงนั้นพุ่งผ่านไปมันก็เกิดรอยแยกของมิติขึ้นตามหลัง
มันราวกับว่าดาบนี้ได้ตัดขาดมิติออกจากกัน!
ความคมของมันนี้ย่อมจะไม่มีทางต้านทานรับ
เทียนเหอหรี่ตาลงก่อนจะรีบใช้งานย่อโลกาเพียงนิ้วทันที
แต่พลังของดาบนั้นมันแฝงมาด้วยพลังมิติเวลา มีหรือที่ตัวเขาในตอนนี้จะหลบรอดพ้นมันได้?
พริบตาเดียวนั้นดาบก็มาถึงเบื้องหน้าตัวเขา!
มันแทบจะฝ่าเทียนเหอออกเป็นสองซีกตั้งแต่ยังไม่ทันปะทะ
แต่ในวินาทีสุดท้ายนั้นเองมันกลับมีร่างหนึ่งก้าวออกมาจากห้วงมิติ
คนผู้นั้นยกมือขึ้นมากระแทกลงปะทะเข้าอย่างจังกับดาบแห่งมิติเวลา
ตูม!
มิติสั่นไหวคนทั้งสองนั้นกระเด็นกลับไปคนละฟาก
เย่หยวนถอนหายใจยาวก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้ามาจนได้”
คนผู้มาถึงนั้นพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว ข้าต้องมา เพราะเทียนเหอจะตายลงไม่ได้!”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น “ข้าล่ะไม่ชินกับการพูดของเจ้าตอนนี้เลยจริงๆ”
แต่คนผู้มาถึงนั้นกลับตอบกลับมาด้วยท่าทางเรียบเฉย “สุดท้ายเจ้าก็จะชินกับมันไปเอง วันหนึ่งเจ้าและข้าคงได้มาเจอกันบนสนามรบ หากถึงเวลานั้นแล้วเจ้ายังไม่ชินกับมันอีกเจ้าจะได้ตายเอา!”
เย่หยวนหรี่ตาลงอย่างเจ็บปวด “เจ้ากล้าที่จะลงมือต่อข้าจริงหรือ?”
คนผู้มาถึงนั้นตอบกลับอย่างไม่แยแส “อดีตมันกลายเป็นแค่อดีต มันไม่มีสิ่งใดที่ข้าไม่กล้า”
เย่หยวนพยายามสูดหายใจเข้าลึก “ข้าจะพาเจ้ากลับมาให้ได้!”
แต่ผู้มาถึงนั้นกลับตอบมาด้วยท่าทางเฉยชา “ข้านั้นก็ยังเป็นข้า เพียงแค่ว่าข้านั้นเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน แล้ว… เจ้าจะเอาอะไรของข้ากลับไปเล่า?”
เย่หยวนสัมผัสได้ถึงแรงจิตสังหารจึงยกมือขึ้นมาห้ามทันที “พวกเจ้าไม่ต้องยุ่ง!”
แต่คนผู้มาถึงนั้นกลับไม่คิดพูดระลึกความใดๆ พาตัวเทียนเหอไปในทันที
ทัพไร้คาดเดาทั้งหลายนั้นต่างมองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง ไม่อาจเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่นายท่านสั่งออกมาแล้ว พวกเขาย่อมจะไม่กล้าเข้าไปยุ่งเรื่องราว
ว่านเจิ้นและผางเจิ้นนั้นหันมามองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจอย่างสุดซึ้ง
พวกเขานั้นไม่เคยจะเห็นนายท่านแสดงอาการเช่นนี้มาก่อน!
ในสายตาของพวกเขาแล้วนายท่านนั้นมักจะเป็นคนเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ออกมาง่ายๆ ย่อมจะไม่เคยปรานีผู้ที่เขาคิดว่าเป็นศัตรู
แต่หญิงผู้ปกปิดใบหน้านั้นกลับทำให้นายท่านนั้นไม่กล้าจะลงมือใดๆ
ที่สำคัญไปกว่านั้นเมื่อลองฟังจากคำพูดแล้ว มันเหมือนราวกับว่าคนทั้งสองเป็นคนรู้จักแต่เก่าก่อนและที่สำคัญคงมิใช่แค่รู้จักกันธรรมดาๆ
แล้วท่านนักบุญฟ้าครามนั้นไปรู้จักกับหญิงเผ่าเทวานั้นอย่างไร?
เย่หยวนมองดูเงาร่างนั้นจางหายไปที่ขอบฟ้าด้วยความรู้สึกหนักหน่วงและอ้างว้าง
แม้ว่านางผู้นั้นจะปิดหน้าและมาถึงด้วยพลังของวรยุทธแท้เต๋าสวรรค์แต่เย่หยวนก็ยังจดจำนางได้ดี
เพราะนางนั้นคือเยวี่ยเมิ่งลี่!
เย่หยวนเองก็ไม่คิดฝันว่าในวินาทีที่เขาจะปลิดชีวิตเทียนเหอลงได้นั้นนางผู้เป็นที่รักของเขากลับจะปรากฏขึ้นมาช่วยศัตรู
เขานั้นไม่ได้ตกตะลึง แต่เขานั้นรู้สึกเจ็บปวด
ท่าทางไม่แยแสของนางนั้นมันคมเสียยิ่งกว่าดาบแห่งมิติเวลาของเขา ปาดเข้าลึกที่กลางใจของเย่หยวน
ตั้งแต่ตอนที่เขาพาหยวนเจี่ยวกลับมาถึง เย่หยวนก็ได้รู้แล้วว่าลี่เอ๋อนั้นมิใช่ลี่เอ๋อที่เขารู้จักอีก
นางนั้นได้รับการล้างบาปจากรูปปั้นเทพเจ้าและกลายเป็นบุตรีเทวะอย่างแท้จริงไป!
ที่สำคัญไปกว่านั้นพรสวรรค์ของลี่เอ๋อนั้นยังเข้ากับวรยุทธการบ่มเพาะของเผ่าเทวาอย่างมาก ความเร็วการบ่มเพาะของนางจึงพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วจนเวลานี้ย่างเข้าถึงอาณาจักรเต๋าสวรรค์เก้าลายได้
ดูจากพลังที่เยวี่ยเมิ่งลี่แสดงออกมาเมื่อครู่นั้น นางคงไม่ได้อ่อนแอกว่าเย่หยวนเลย
ความเร็วการพัฒนาของนางนั้นย่อมจะเหนือการคาดเดา
แท้จริงแล้วเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เย่หยวนกังวลเสมอมา
ตั้งแต่ที่ได้ความทรงจำคืนในวันนั้น เขาก็พยายามหาทางแก้ไขปัญหานี้มาตลอด
ท่าทางของหยวนเจี่ยวนั้นมันทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าปัญหาคงเกิดขึ้นแน่
เพราะเมื่อหยวนเจี่ยวลงทุนลงแรงขนาดนั้นเพื่อจะพาลี่เอ๋อไป มันย่อมหมายความว่าเขามีวิธีที่จะทำให้นางกลายเป็นบุตรีเทวะ
ไม่เช่นนั้นแล้วจะมาเสียเวลามากมายลักพาตัวชาวมนุษย์ทำไม?
เพียงแค่ว่าเย่หยวนนั้นไม่อาจจะคิดถึงวิธีการใดที่จะทำลายความรู้สึกระหว่างตัวเขาและเยวี่ยเมิ่งลี่ลงได้
แต่เมื่อเขาพาตัวหยวนเจี่ยวกลับมาถึงค่าย ในที่สุดตัวเขาก็ได้รู้
แปดตระกูลสายเลือดของเผ่าเทวานั้น แต่ละตระกูลจะมีรูปปั้นเทพเจ้าของตนอยู่
มันคือรูปปั้นเทพเจ้าที่เป็นต้นกำเนิดของเผ่าเทวา!
และรูปปั้นเทพเจ้าทั้งแปดนั้นมันก็คือสิ่งที่เย่หยวนเคยได้เห็นในตระกูลสายเลือดเร้นนั่นเอง
เพียงแค่ว่าของตระกูลสายเลือดเร้นนั้นมันเป็นแค่ของเลียนแบบ มิใช่ตัวรูปปั้นเทพเจ้าที่แท้จริง
เผ่าเทวาคนใดที่เคยผ่านการล้างบาปจากรูปปั้นเทพเจ้านั้น จะเกิดความจงรักภักดีต่อเผ่าเทวาอย่างมาก
หรือจะบอกว่าคนผู้นั้นจะรู้สึกภาคภูมิที่ได้เป็นคนเผ่าเทวา?
แต่มันมิใช่แค่การควบคุมทั่วๆ ไป
เพราะนอกจากความรู้สึกภักดีต่อเผ่าเทวาที่เสริมเข้ามาแล้ว คนผู้นั้นจะยังมีอารมณ์ความรู้สึกเดิมครบถ้วน
สุข แค้น เศร้า ยินดี มันไม่มีสิ่งใดที่ขาดหาย ไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วๆ ไป
เย่หยวนนั้นได้ยินจากตัวหยวนเจี่ยวว่าลี่เอ๋อนั้นมิใช่ลี่เอ๋อคนก่อนไปแล้ว
ภายใต้ความคับแค้นของเย่หยวน ตัวเขาจึงสังหารหยวนเจี่ยวลงทันที
แต่เรื่องนั้นมันย่อมจะไม่ได้ช่วยให้ความขุ่นข้องในใจของเขาจางหาย
จนวันนี้เขาได้มาเห็นลี่เอ๋ออีกครั้งหนึ่ง เย่หยวนจึงรู้สึกเจ็บปวดเหมือนหัวของถูกบิดด้วยมีดคมกริบ
วินาทีต่อมาร่างของเย่หยวนก็ร่วงตกลงมาอย่างไร้การควบคุม
ว่านเจิ้นและพวกที่ได้เห็นต้องรีบเข้าไปรับร่างของเย่หยวนไว้ทันที
…………………………