“ภาพของเขาแห่งถงเทียน! แม้แต่ตอนที่เราทั้งหลายบรรลุเต๋าเองภาพเช่นนั้นมันก็ยังไม่เคยจะเกิดขึ้นมา!” เต๋าบรรพกาลน้ำกล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง
“เขาทำได้อย่างไรกัน ถึงกลับทำให้เขาแห่งถงเทียนตอบสนองได้เช่นนั้น?! เปิดพลังงานของฟ้าดินขึ้นมาทำให้พลังวิญญาณทั่วทั้งมหาพิภพลืมตาตื่น วิธีการเช่นนี้มันไม่อาจจะคาดเดาได้เลย!” เต๋าบรรพกาลลมกล่าวขึ้นตาม
เหล่าเต๋าบรรพกาลแต่ละคนนั้นต่างแสดงสีหน้าท่าทางสุดโลภออกมา
สำหรับพวกเขาทั้งหลายนั้นแล้วมันไม่มีอะไรจะทำให้ตื่นเต้นได้
เว้นเสียแต่เรื่องของการพัฒนาพลังฝีมือ!
พวกเขานั้นได้รับพลังแห่งกฎอย่างสิ้นเชิงมาถึงหลายหมื่นล้านปี แต่ไม่ว่าจะพยายามกันสักเท่าใด พวกเขาทั้งหลายนั้นก็ไม่อาจจะทำลายโซ่ตรวนนี้ลงได้
เรื่องราวในจุดนี้คนทั้งหลายต่างจะเข้าใจอย่างลึกล้ำ
แต่พวกเขานั้นได้เห็นความหวังจากตัวของเย่หยวน!
เต๋าบรรพกาลชีวิตกล่าวขึ้นมาต่อ “เดิมทีแล้วข้าย่อมจะไม่ได้สนใจเย่หยวนใดๆ นี้แต่หลังจากเขากลับมาด้วยนามของนักบุญฟ้าครามนั้นข้าย่อมจะเหมือนได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ พรสวรรค์ของเขานั้นมันประหลาดจนเกินไป! ประหลาดจนทำให้เหล่าเต๋าบรรพกาลอย่างเราๆ ไม่อาจเทียบเคียง! ใครจะไปคาดคิดว่าเขานั้นกลับใช้ความรู้ที่มีของตนสร้างสิบแปดมหาค่ายกลสืบทอดออกมา?! ใครกันเล่าที่จะไปคิดฝันว่าเขานั้นกลับไล่ทำลายล้างวังสวรรค์เฝ้าได้นับสิบๆ ด้วยตัวคนเดียว?! ใครกันเล่าจะไปคิดว่าเขานั้นสามารถสังหารเจ้าฟ้าดินได้ด้วยพลังบ่มเพาะอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์! แค่พลังของแนวคิดที่เขาบ่มเพาะมานั้นหรือ? ไม่มีทางเสียได้!”
“ตอนนั้นข้าเองก็ได้เป็นคนรุ่นเดียวกับมหาบรรพกาลทั้งหลายและตอนที่พวกเขานั้นมีพลังบ่มเพาะเทียบเคียงกับเย่หยวนนั้นต่อให้จะมีพลังของกฎมันก็ไม่มีทางใดที่จะเก่งกาจได้ถึงขั้นนั้น! แล้วเขาคนนี้มีอะไรหนุนหลังอยู่? เป็นหลังจากที่ข้าได้หันมาสนใจนักบุญฟ้าครามและเริ่มทำการศึกษาเส้นทางการพัฒนาของเขาเท่านั้นที่ข้าได้รู้ว่ามันพุ่งทะยานอย่างน่ากลัวแค่ไหน!”
“ซี๊ด…”
ได้ยินคำของเต๋าบรรพกาลชีวิตกล่าวเช่นนั้นออกมาเหล่าเต๋าบรรพกาลคนอื่นๆ ต่างก็ต้องสูดหายใจเข้าลึก
เย่หยวนนั้นมันเติบโตได้อย่างกับสัตว์ประหลาดในตำนาน!
เด็กบ้านนอกที่เกิดในโลกใบน้อย พุ่งทะยานขึ้นอย่างมากล้ำในเมืองเนินมณีและแต่ละย่างก้าวของเขานั้นมันช่างเจิดจ้าจนค่อยๆ ก้าวมาถึงจุดสุดยอด!
ในเวลานี้เขานั้นอยู่ห่างจากจุดสุดยอดของโลกหล้าเพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น!
แต่ปัญหาคือเขานั้นมีอายุแค่ราวสามพันกว่าปี
นี่มันคือตำนาน!
ต่อให้จะเป็นเต๋าบรรพกาลที่อยู่เหนือโลกหล้าเองก็ยังไม่อาจจะเทียบเคียงกับตำนานการกำเนิดของเย่หยวนนี้ได้
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือตำนานการผงาดของพวกเขาทั้งหลายเองนั้นก็เกิดขึ้นมาเพราะเย่หยวน!
หลังจากหยุดไปอีกพักใหญ่เต๋าบรรพกาลชีวิตก็กล่าวขึ้น “เพราะฉะนั้นตราบเท่าที่เราสามารถครอบครองความลับของเขานั้นได้ เทียนชิงใดๆ นั้นมันจะมีค่าใด?”
เหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายเริ่มรู้สึกเลือดลมพุ่งพล่านขึ้นมา
…
เมื่อหลินฮวนปรากฏขึ้นมาต่อหน้าคนทั้งหลายมันก็ย่อมจะเกิดเสียงโห่ร้องอย่างแตกตื่นขึ้น
“ท่านหลินฮวนมาแล้ว! ท่านนั้นเป็นถึงเจ้าฟ้าดินห้าทลาย! อยากรู้เสียจริงๆ ว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะยังกล้าโอหังหรือไม่!”
“หึ! วังพำนักกำเนิดตรัสรู้ของเรานั้นมันคือวังของเต๋าบรรพกาล พวกเรานั้นมีกำลังหนักแน่นเต็มที่ มีหรือที่จะให้เด็กน้อยที่เพิ่งบรรลุอาณาจักรเจ้าฟ้าดินมาทำอะไรได้ตามใจชอบ?”
“จะเป็นนักบุญฟ้าครามอะไรนั่นแล้วทำไม? ต่อหน้าเต๋าบรรพกาลชีวิตแล้วเขาก็ยังต้องก้มหัวให้อยู่ดี!”
…
การมาถึงของหลินฮวนนั้นย่อมจะทำให้พวกหลินหลางนั้นรู้สึกมั่นใจขึ้นมา
เจ้าฟ้าดินห้าทลายอย่างหลินฮวนนั้นมันคือตัวตนที่พวกหลินหลางไม่อาจจะเทียบเคียง
หากหลินหลางนั้นคือดาวรุ่งแล้วหลินฮวนก็คงเป็นเสาหลักของตระกูลหลิน!
ต่อให้จะเป็นวังพำนักของหลินเฉาเถียนแต่เจ้าฟ้าดินห้าทลายมันก็มิใช่ผักปลา
เจ้าฟ้าดินห้าทลายนั้นมันคือตัวตนที่เปลี่ยนแปลงชะตาของแผ่นดินได้!
หลินฮวนนั้นยกมือขึ้นคารวะเย่หยวน “หลินหลางนั้นมันไร้ความคิดไปลบหลู่นักบุญฟ้าคราม หวังว่านักบุญฟ้าครามจะไม่ถือสามันนัก”
เย่หยวนตอบกลับไป “ไม่ต้องหรอก ข้าสั่งสอนมันแทนหลินเฉาเถียนที่ไม่ยอมสั่งสอนลูกหลานให้แล้ว”
คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าของหลินฮวนกระตุกขึ้นมาก่อนเขาจะฝืนยิ้มอีกครั้ง “หากให้พูดแล้วด้วยตำแหน่งของนักบุญฟ้าครามนั้นท่านย่อมจะต้องเข้าเทือกเขากำเนิดตรัสรู้ได้แต่เวลานี้นามนักบุญฟ้าครามของท่านนั้นมันยังมีความเคลือบแคลง ท่านนั้นคือคนบาป! เพราะฉะนั้นหากท่านอยากเข้าเทือกเขากำเนิดตรัสรู้นักบุญฟ้าครามต้องไปผ่านสามภัยเก้าทุกข์เหมือนคนทั่วๆ ไปจึงจะมีสิทธิในการเข้าเทือกเขากำเนิดตรัสรู้ได้”
พูดไปหลินฮวนนั้นก็ชี้นิ้วไปยังเขาหนึ่ง “ที่แห่งนั้นมันคือทางเข้า เชิญท่านนักบุญฟ้าครามทางนี้!”
คำพูดของหลินฮวนมันย่อมจะฟังดูสุภาพกว่าหลินหลางแต่เนื้อหาของมันนั้นไม่ได้เลวร้ายน้อยกว่ากัน
สุดท้ายแล้ววังพำนักกำเนิดตรัสรู้ก็คิดจะกดหัวเย่หยวนลง!
แท้จริงแล้วเย่หยวนนั้นยังไม่ถูกตัดสินใดๆ ต่อให้จะถูกตราหน้าว่าผิดมันก็มิใช่หน้าที่หลินฮวนมาพูดกล่าว
เพียงแค่ว่าโลกนี้ผู้แข็งแกร่งปกครองผู้อ่อนแอ หลินฮวนนั้นจะอย่างไรก็เป็นเจ้าฟ้าดินห้าทลายเขาจึงคิดว่าเย่หยวนคงไม่กล้าตอบโต้ใด
หลินหลางถูกเย่หยวนตบนั้นเพราะว่าเขามีพลังบ่มเพาะไม่มากพอ
เพราะฉะนั้นหลินเฉาเถียนจึงได้ส่งตัวหลินฮวนออกมาต่อ
กดดันเย่หยวนด้วยพลังของเจ้าฟ้าดินห้าทลาย!
ในเวลานี้คนทั้งหลายต่างจะอยากเห็นเย่หยวนว่าจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร
หลินหลางและพวกนั้นยิ้มเย้ยขึ้นมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
ส่วนคนอื่นๆ ที่ได้เห็นเรื่องราวต่างต้องถอนหายใจยาวด้วยความเบื่อหน่าย
นักบุญฟ้าครามแล้วทำไม?
หากไม่มีกำลังแล้ว สุดท้ายก็จะถูกคนเหยียบย่ำอยู่ดี!
เว้นเสียแต่ว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้คิดจะตามไปหรือแม้แต่หันมองตาม “เจ้าเป็นใครมากล้าสั่งนักบุญผู้นี้? ตระกูลหลินเจ้าสั่งสอนคนมาเช่นนี้กัน?”
หลินฮวนนั้นเพียงแค่ยิ้มตอบเย่หยวนไปอย่างไม่แยแส “ทำไมเล่า? ท่านนักบุญฟ้าครามยังพูดได้ ทำไมข้าจะพูดไม่ได้? หรือว่าท่านนักบุญฟ้าครามจะสั่งสอนข้าอีกคน?”
คำของหลินฮวนนี้มันหนักแน่น
เขานั้นมั่นใจว่าเย่หยวนไม่อาจทำอะไรเขาได้แน่
เย่หยวนนั้นตอบกลับไปด้วยท่าทางเบื่อหน่าย “หลินเฉาเถียนเชิญข้ามาเพื่อพูดคุยต่อหน้า ให้ตัดสินกันว่านามนักบุญฟ้าครามของข้านี้มันเหมาะสมหรือไม่ เจ้ามีสิทธิใดมาห้าม?”
หลินฮวนผงะไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมา “ข้าไม่มี! แต่ทำไมเล่า? หรือว่าท่านจะปิดปากทุกคนบนโลกหล้าได้?”
เย่หยวนหัวเราะขึ้น “เรื่องที่นักบุญคนนี้ทรยศมนุษย์หรือไม่มันยังไม่รู้แน่กัน คนอย่างเจ้านี้มีสิทธิใดมาอวดอ้างตัวตน? ที่เจ้ากล้ากล่าวหมาๆ เช่นนี้ออกมาคงเพราะคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าฟ้าดินห้าทลายแล้วนักบุญผู้นี้จะทำอะไรเจ้าไม่ได้? ได้สิ นักบุญผู้นี้เองก็เพิ่งขึ้นอาณาจักรเจ้าฟ้าดินมา หากเจ้ารับดาบของนักบุญผู้นี้ได้โดยไม่บาดเจ็บใดๆ แล้วนักบุญผู้นี้จะไปท้าทายสามภัยเก้าทุกข์ห่าเหวใดๆ ของเจ้านั่นให้ก็ได้?”
เมื่อคำพูดถูกกล่าวคนทั้งเทือกเขาต่างก็ต้องเบิกตากว้าง!
เขานั้นกลับจะท้าทายเจ้าฟ้าดินห้าทลาย!
“ซี๊ด… นี่เขาบ้าไปแล้วหรือ? ไม่ว่านักบุญฟ้าครามจะเก่งกาจเท่าใดมันก็ย่อมไม่มีทางทำร้ายเจ้าฟ้าดินห้าทลายได้แน่!”
“นี่คือศักดิ์ศรีของท่านนักบุญฟ้าครามหรือ? แต่มันช่างดูโง่เง่าเสียเหลือเกิน!”
“หึ เย่หยวนนั้นไม่รู้หรือว่าเต๋าบรรพกาลชีวิตนั้นสั่งสอนวิชาธาตุไม้ให้แก่คนในตระกูล? พวกเขาทั้งหลายนั้นมีพลังชีวิตที่แสนหนักแน่น! ตัวเขาในตอนนี้ย่อมจะไม่อาจทำร้ายใดๆ หลินฮวนได้แน่!”
…
หลายต่อหลายคนเริ่มแสดงความเย้ยหยันต่อท่าทางหาเรื่องใส่ตัวของเย่หยวน
ความโอหังที่ไม่มีอะไรมารองรับนี้มันย่อมจะน่าขัน
คนทั้งหลายนั้นรู้ว่าเย่หยวนเก่งกาจ เพียงแค่ว่าไม่ว่าจะเก่งสักแค่ไหนมันก็มีขีดจำกัด
เจ้าฟ้าดินทั้งห้าทลายนั้น แต่ละทลายมันแตกต่างกันราวความห่างของดวงดาว
มันมิใช่สิ่งที่จะเอาอะไรมาเทียบวัดได้
ความห่างนี้มันไม่อาจจะเอาพรสวรรค์ใดๆ มาเทียบเคียง
เย่หยวนสามารถสังหารหลินหลางได้ในพริบตามันไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำร้ายหลินฮวนได้
ไม่เช่นนั้นแล้วระบบการบ่มเพาะของมหาพิภพถงเทียนมันคงน่าหัวร่อ
เวลานี้แม้แต่ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เองก็ยังต้องกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าถอดสี “ท่านนักบุญฟ้าคราม ท่านจะไปท้ามันเช่นนั้นไม่ได้! ท่านรอก่อนอยู่นี่ก่อนเดี๋ยวข้าจะไปคุยกับหลินเฉาเถียนให้!”
…………………….