“เย่หยวน เจ้ารู้หรือไม่ว่าก่อนนั้นมันมียอดคนต้องตายเพราะเทียนเหอไปมากเท่าใด? เจ้าปล่อยเขาไปเช่นนั้นมันจะต้องมีอีกกี่คนที่ต้องตายเพราะมัน? หากวันนี้เจ้าไม่อธิบายมาแล้วเจ้าก็ไม่ต้องคิดว่าจะไปจากโถงกำเนิดตรัสรู้นี้ได้เลย!” เต๋าบรรพกาลทำลายล้างกล่าวขึ้นตาม
คำถามจากปากของสองเต๋าบรรพกาลมันจะต้องน่ากลัวสักแค่ไหน?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเต๋าบรรพกาลทำลายล้าง กฎแห่งการทำลายที่เขาถืออยู่นั้นมันยิ่งจะทำให้มิติสั่นสะเทือนได้
ยอดฝีมือทั้งหลายในที่นี้ต่างล้วนเป็นเจ้าฟ้าดินห้าทลายสิ้น แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกถึงความหนักหน่วงนี้ได้
สายตาของพวกเขาได้แต่ต้องหันไปมองเย่หยวนว่าเขาจะตอบกลับอย่างไร
เพราะอย่างไรเสีย เรื่องนี้มันก็ไม่อาจจะอ้างเหตุผลใดได้
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็หัวเราะขึ้นมา “อธิบาย? อธิบายอะไรเล่า? ข้าเย่หยวนนั้นทำอะไรตามกฎเกณฑ์ของตนเองเสมอ ทำไมต้องมาอธิบายมันให้คนอย่างเจ้าฟังด้วย?”
เวลานี้ยอดฝีมือมากมายที่ได้ยินคำของเย่หยวนต้องอ้าปากค้างขึ้น
เจ้าหมอนี่มันกลับกล้าพูดเช่นนี้ต่อเต๋าบรรพกาล!
แล้วที่เย่หยวนมายังเทือกเขากำเนิดตรัสรู้นี้มันมิใช่เพื่อจะปกป้องตัวเองหรอกหรือ?
แล้วเขามาทำไมกัน?
พวกเขานั้นยิ่งได้ฟังก็ยิ่งไม่อาจคาดเดาได้ว่าเย่หยวนนั้นต้องการจะทำอะไรกันแน่
ต่อให้จะเป็นตัวเฉียนจี้เองในเวลานี้ที่ได้ยินคำของเย่หยวน เขาก็ยังต้องอ้าปากค้างไม่อาจพูดกล่าวใดๆ ขึ้นได้
หลินเฉาเถียนเองก็ผงะไปไม่น้อยก่อนจะถามกลับมา “เช่นนั้นท่านยอมรับว่าตนคิดทรยศเผ่าพันธุ์?”
เมื่อได้เห็นเย่หยวนไม่มีทีท่าคิดอธิบายใดเขาก็ย่อมจะยิ่งได้ใจ
คำพูดนี้มันเหมือนราวกับว่าเย่หยวนนั้นยอมรับการทรยศ
เท่านี้อะไรๆ มันก็คงง่ายขึ้น
แต่เย่หยวนกลับหัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆๆ… เย่ผู้นี้ทรยศเผ่าพันธุ์หรือไม่นั้นมันมิใช่สิ่งที่ควรมาถามตัวข้าผู้นี้! เจ้าลองไปถามนักรบทั้งหลายที่ได้ต่อสู้กับข้า! เจ้าลองไปถามวิญญาณวีรบุรุษทั้งหลายที่ได้ตายลงไป! หรือเจ้าก็ลองกลับไปถามสหายร่วมศึกของเจ้าที่ได้ตายลงในยุคก่อนเถอะ!”
ขณะที่กล่าวคำพูดนี้ออกมา เย่หยวนได้ปล่อยคลื่นพลังท่าทางเจิดจ้าออกมาจนแทบจะเกิดเป็นแสงขึ้นที่กายของเขา
นามของนักบุญฟ้าครามนั้นมันชัดเจนแก่ตา!
แม้ว่าตัวเขานั้นจะไม่แข็งแกร่งเท่าเต๋าบรรพกาลแต่นามของนักบุญฟ้าครามที่สร้างความงดงามเช่นนี้ขึ้นมามันย่อมจะมิใช่สิ่งที่จะลบหลู่ได้
ในเวลานี้ท่าร่างและคลื่นพลังจากตัวเย่หยวนมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลาย!
เขานั้นรับหน้าเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าด้วยตัวของเขาคนเดียว!
แต่คลื่นพลังของทั้งสองฝ่ายนั้นมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
คลื่นพลังของเต๋าบรรพกาลทั้งหลายนั้นมันคือคลื่นพลังแห่งการปกครองกดหัวคน มันเกิดขึ้นมาได้จากฝีมืออันแข็งแกร่งของพวกเขา
แต่คลื่นจากกายของเย่หยวนนี้มันเกิดขึ้นมาจากความเลื่อมใสที่ผันเปลี่ยนมาตลอดนับหมื่นล้านปี!
แม้ว่าเขานั้นจะไม่ได้ผ่านห้วงมิติหมื่นๆ ล้านปีนั้นมาเอง แต่นามของเขานั้นมันได้ลือลั่นมาตลอดหมื่นล้านปี!
เย่หยวนนั้นไม่คิดจะอธิบายใดๆ ปกป้องตัว สิ่งใดถูกต้องนั้นผู้คนต่างรู้กันอยู่แก่ใจ!
มันมิใช่ว่าเขานั้นไม่อยากสังหารเทียนเหอ แต่เขานั้นไม่อาจหยุดเทียนเหอไว้ได้
กำลังฝีมือของลี่เอ๋อในเวลานี้มันไม่ได้อ่อนแอกว่าเขาไปแม้แต่น้อย
หากเขามั่นใจว่าจะสังหารเทียนเหอได้เขาย่อมจะลงมือสังหารแน่
เพียงแค่ว่าเขาเบื่อหน่ายเกมการชิงอำนาจ ไม่อยากจะเสียเวลาอธิบายใด
เวลานี้แม้แต่ตัวหลินเฉาเถียนเองก็ยังต้องเปลี่ยนสีหน้าไป
เขานั้นก็ไม่นึกฝันว่าตัวเย่หยวนกลับจะปล่อยคลื่นพลังสูงส่งเช่นนี้ออกมาได้
สมชื่อว่าเป็นนักบุญฟ้าครามผู้เป็นนิรันดร์สร้างความรุ่งเรืองไว้ไม่สิ้นสุด เขานั้นไม่อาจจะจัดการลงได้ง่ายๆ!
ในหมู่คนนั้นหนี่ซวนกัดฟันตัดสินใจก้าวออกมายกมือขึ้นก้มหัว “ท่านเต๋าบรรพกาล หนี่ซวนนั้นได้ต่อสู้เคียงข้างท่านนักบุญฟ้าครามมากับตัว หนี่ซวนได้เห็นการกระทำของท่านแทบทุกอย่าง! หนี่ซวนขอยืนยันด้วยเต๋าของตนนี้ว่าท่านนักบุญฟ้าครามจะไม่มีทางทรยศหักหลังเผ่าพันธุ์ใดๆ แน่นอน!”
เสียงของเขายังไม่ทันกล่าวจบตัวฉี่พั่วเทียนก็ก้าวขึ้นหน้ามาตาม “ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นเสียสละตนเองเพื่อส่วนรวมอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังใด ฉี่พั่วเทียนนี้ขอยืนยันด้วยเต๋าว่าคนอย่างท่านนี้จะไม่มีทางทรยศหักหลังเผ่าพันธุ์ได้แน่!”
“ข้าขอยืนยัน!”
“ข้าเองก็ขอยืนยันด้วยเช่นกัน!”
…
เหล่าเจ้าฟ้าดินห้าทลายที่เคยได้สู้ร่วมกับเย่หยวนมานั้นต่างก้าวออกมาแทบจะพร้อมกัน พยายามกล่าวปกป้องเย่หยวนสุดตัว
เวลาที่ผ่านมานี้ เย่หยวนทำอะไรทำอย่างไร พวกเขานั้นย่อมจะเห็นมันประจักษ์แก่สายตา
จะบอกว่าเย่หยวนคิดทรยศเผ่าพันธุ์นั้น ให้บอกว่าพวกเขาเองทรยศยังจะน่าเชื่อกว่า
บนสนามรบนั้นเย่หยวนจะบุกสังหารเป็นแนวหน้าเสมอ
จำนวนศัตรูที่เขาสังหารลงนั้นมันมีมากเกินกว่าจะนับได้
และยังเป็นเขาคนนี้ที่ได้เปลี่ยนทัพนายน้อยไร้เดียงสาให้กลายเป็นยอดทหารสุดโหดแกร่ง
หากมิใช่เพราะเย่หยวนดึงทัพผสมไว้ด้วยกันแล้ว วันนี้มันก็คงไม่มีชัยชนะใดๆ เผ่าเทวาคงได้ยึดครองดินแดนของมหาพิภพถงเทียนไปแทบสิ้น!
คนเช่นนี้หรือจะทรยศเผ่าพันธุ์?
เรื่องของเทียนเหอนั้นพวกเขาย่อมไม่เข้าใจถึงเหตุผล
แต่เรื่องเดียวที่พวกเขาจะไม่มีวันยอมเชื่อก็คือเรื่องที่เย่หยวนคิดทรยศเผ่าพันธุ์!
เมื่อเห็นคลื่นพลังท่าทางสูงส่งของเย่หยวนแก่สายตา พวกเขาทั้งหลายจึงลืมตัวก้าวออกมาอย่างไม่ทันคิดถึงผลลัพธ์ใดๆ
แท้จริงก่อนหน้านี้มันก็มีคนที่ไม่เห็นด้วยมาก แค่ไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน
แต่ท่าทางคลื่นพลังคำพูดของเย่หยวนนั้นมันเหมือนแทรกซึมลงในจิตใจของคนทั้งหลาย จนทำให้เกิดความรู้สึกไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป
ได้เห็นเช่นนั้นเหล่าเต๋าบรรพกาลนั้นหลายก็ได้แต่ทำหน้าเหยเก
เพราะเรื่องนี้มันเหนือการควบคุม!
พวกเขานั้นไม่ได้คิดเลยว่ามันจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเองมันก็เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านนอก ดูท่าแล้วมันคงดังพอที่จะส่งไปทั่วทั้งเทือกเขากำเนิดตรัสรู้
“ขอเหล่าท่านเต๋าบรรพกาลโปรดอย่าถอดนามท่านนักบุญฟ้าคราม!”
“ขอเหล่าท่านเต๋าบรรพกาลโปรดอย่าถอดนามท่านนักบุญฟ้าคราม!”
“ขอเหล่าท่านเต๋าบรรพกาลโปรดอย่าถอดนามท่านนักบุญฟ้าคราม!”
…
เสียงนั้นมันดังขึ้นมาเป็นระลอกๆ
เสียงของเหล่าเจ้าฟ้าดินและจักรพรรดิเทพสวรรค์มากมายนับหมื่นนั้นมันแทบจะทำให้เทือกเขากำเนิดตรัสรู้แตกสลายลง
ที่นอกประตูช่องเขานั้นว่านเจิ้นและผางเจิ้นได้นำทัพไร้คาดเดาทั้งหมดรวมไปถึงทหารที่ร่วมรบแนวหน้าอีกนับล้านๆ และรวมไปถึงเหล่ายอดคนที่ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของเย่หยวนมา
จำนวนของพวกเขานั้นมันมากกว่าสิบล้าน!
ด้านนอกเทือกเขากำเนิดตรัสรู้นั้นมันมียอดฝีมือลอยตัวอยู่มากมายจนแทบปิดบังท้องฟ้าไว้
จำนวนนี้มันไม่ได้มากมายหากนับกับประชากรของเผ่ามนุษย์ทั้งหมด
แต่ในโลกหล้าวันนี้ การจะทำให้ยอดฝีมือมากมายเช่นนี้ออกมาร้องเรียกชื่อคนผู้เดียวนั้น แม้แต่เต๋าบรรพกาลเองก็คงไม่อาจจะทำได้
ก่อนหน้านี้เย่หยวนเคยสั่งให้คนทั้งหลายอย่าได้มา
แต่เวลานี้พวกเขากลับไม่สนใจคำสั่งใดๆ ของเย่หยวนแล้ว
“พวกเจ้ามาทำอะไรกันมากมาย? รีบๆ ไสหัวไป!” หลินหลางเดินมาร้องลั่น
เพียงแค่ว่าภายใต้เสียงของยอดฝีมือนับล้านๆ นี้เสียงน้อยๆ ของหลินหลางมันย่อมจะไม่อาจจะเข้าไปถึงหูใครได้
“ผางเจิ้น เจ้าเองก็เป็นทายาทของเต๋าบรรพกาล กล้ามาทำตัวเช่นนี้หรือ?” หลินหลางนั้นเดินมาร้องด่าที่ด้านหน้าผางเจิ้น
แต่ผางเจิ้นนั้นกลับไม่สนใจและร้องตะโกนต่อไป
ในโถงใหญ่นั้นสีหน้าของเหล่ายอดฝีมือมากมายมันเริ่มเปลี่ยนสีไป
ไม่มีใครคิดว่าเรื่องราววันนี้มันจะกลายเป็นเช่นนี้
เดิมทีแล้วพวกเขายังคิดว่านี่เป็นการตัดสินโทษเย่หยวน
แต่เวลานี้มันกลับกลายเป็นเวทีของเย่หยวนเพียงคนเดียว
ทำไมหลินเฉาเถียนถึงได้เกรงไม่กล้าลงมือต่อเย่หยวนตรงๆ?
เพราะว่าเขานั้นมีกำลังประชาชนหนุน!
แต่สุดท้ายเขาก็ยังประเมินเย่หยวนต่ำไปมาก!
เขานั้นไม่นึกฝันว่าแม้ในยุคสมัยนี้เอง เย่หยวนก็จะสามารถเอาชนะใจคนไปได้มากมายปานนี้แล้ว!
ใช่ เขาย่อมจะไม่มีทางคาดคิดได้
มีหรือที่เต๋าบรรพกาลผู้ไม่สนโลกเบื้องล่างอย่างเขานั้นจะมาสงสารคนที่ทุกข์ทรมานได้?
ตอนที่โลกกำลังทนทุกข์ด้วยไฟสงคราม พวกเขานั้นกลับกลัวกำลังของเผ่าเทวาจนไม่กล้าโผล่หัวออกไปปะทะใดๆ
แต่เย่หยวนนั้นกล้า!
เขานั้นเปลี่ยนกระแสสงครามด้วยตัวคนเดียวเปลี่ยนให้ความพ่ายแพ้ย่อยยับกลายเป็นชัยเด็ดขาดของหลากเผ่าพันธุ์
ความสำเร็จเช่นนี้จะเอาอะไรมาเทียบเคียงได้?
หลินเฉาเถียนนั้นเอาแต่คิดว่าจะพัฒนาเต๋าตัวเองต่อไปอย่างไร คิดจะทำลายโซ่ตรวจที่รั้งตนไว้
แต่เย่หยวนนั้นกลับสละเวลาเสียชีวิตเพื่อคนทั้งหลายในโลกเบื้องล่าง
คนอย่างเขานี้ยังต้องมาอธิบายใดๆ ให้โลกฟัง?
เขาว่ากันว่าความถูกต้องนั้นมันอยู่ที่ใจของผู้คน!
……………..