“ฮ่าๆๆ… หลินเฉาเถียน ความถูกต้องนั้นมันอยู่ที่จิตใจของผู้คน เจ้าได้ยินหรือไม่? เบิกตาของเจ้าดูเสียให้ดี ใครมันจะไปเชื่อว่าคนที่ส่งเผ่าเทวากลับมิตินรกนั้นจะกลายเป็นคนทรยศเผ่าพันธุ์ไป! คนที่คิดทรยศจะมีท่าทางสูงล้ำและคนเข้าข้างมากมายขนาดนี้?” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นหัวเราะขึ้นมา
แต่เขาก็ไม่คิดว่าที่เย่หยวนมาวันนี้มันกลับจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา
ตั้งแต่ที่เขาไปตามตัวเย่หยวนนั้น เขาย่อมจะติดตามพูดคุยกับเย่หยวนไปตลอดทาง
แท้จริงก่อนหน้านี้เย่หยวนได้สั่งพวกผางเจิ้นทั้งหลายไว้แล้วว่าอย่าได้มา เพราะกลัวจะลากพวกเขาเข้ามาเกี่ยวกับปัญหาที่เกินแก้
เขานั้นรู้ว่าเย่หยวนไม่อยากจะสร้างปัญหาให้ผู้คน
แต่สุดท้ายคนทั้งหลายก็ยังมา!
ความรู้สึกในจิตใจนั้นมันชัดเจนแก่ตา!
หลินเฉาเถียนนั้นหรี่ตาลงกล่าว “สมชื่อเป็นนักบุญฟ้าคราม ช่างควบคุมผู้คนได้อย่างอยู่หมัด! หาคนมากมายขนาดนี้มาปิดล้อมเทือกเขากำเนิดตรัสรู้ จ่ายไปเท่าไหร่กันเล่านี่?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “จ่ายไปเท่าไหร่? หึๆ เจ้าเองก็จะหลงตัวเองเกินไปแล้ว เป็นถึงเต๋าบรรพกาลแล้วแท้ๆ แต่กลับมีความคิดคับแคบเหลือเกิน”
หลินเฉาเถียนหน้าดำมืดลง เพราะนี่มันเหมือนเขากำลังโดนเด็กมาถอนหงอก!
แต่เขากลับไม่อาจหาคำปฏิเสธได้
หลินเฉาเถียนจึงหัวเราะขึ้น “เย่หยวน เลิกวางท่าเป็นนักบุญฟ้าครามเสียเถอะ! เอาเถอะ ทิ้งเรื่องเทียนเหอมันไว้ก่อนแล้วเจ้าจะอธิบายเรื่องหญิงรักของเจ้ากลายเป็นบุตรีเทวะของเผ่าเทวาว่าอย่างไร? เจ้าบอกว่าเจ้านั้นจะไม่หักหลังเผ่าพันธุ์แต่หากเจ้าได้เจอกันอีกครั้งบนสนามรบเจ้าจะทำอย่างไร? ครั้งนี้เจ้าปล่อยนางไปต่อหน้าต่อตา!”
เรื่องนี้คือประเด็นหลัก!
หลินเฉาเถียนกล้าที่จะหาเรื่องเย่หยวนนั้นมันก็เพราะว่าเรื่องนี้
ความรักของเย่หยวนที่มีต่อเยวี่ยเมิ่งลี่รวมไปถึงนิสัยของเย่หยวนนั้น ตัวเขาย่อมจะได้ศึกษามาหมดสิ้น
เย่หยวนนั้นเป็นคนที่ให้ค่าแก่สายสัมพันธ์อย่างมากและยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อคนสนิท
เวลานี้เมื่อเยวี่ยเมิ่งลี่กลายเป็นบุตรีเทวะไปแล้ว เย่หยวนย่อมจะไม่อาจอยู่เฉยได้ ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องต้องเจอกันบนสนามรบเลย!
และนี่เองคือจุดอ่อนที่แท้จริงของเย่หยวน!
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ใบหน้าของเย่หยวนก็ต้องกระตุกขึ้นทันที
เพราะนี่มันคือแผลใจของเขา
หลินเฉาเถียนการกระทำของหลินเฉาเถียนนี้มันเหมือนการราดเกลือลงบนแผลของเขา
เย่หยวนหรี่ตาลงอย่างเย็นเยือก “หลินเฉาเถียน เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครคิดมาสั่งให้ข้าอธิบายเรื่องราวต่อเจ้า? ข้าเย่หยวนอยากทำอะไรนั้นมันมิใช่หน้าที่ของเจ้าต้องมายุ่งมาสั่งข้า!”
เมื่อหลินเฉาเถียนได้เห็นเย่หยวนแสดงสีหน้าไม่พอใจเช่นนั้นเขาก็ต้องยิ้มตอบกลับไป “โอ้? ไม่พอใจหรือ? ดูท่านักบุญฟ้าครามนั้นจะให้ค่าหญิงผู้นั้นมาก! ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วมันก็ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเจ้าอาจจะทรยศมนุษย์เราไปเพราะหญิงคนนี้มิใช่หรือ? เรื่องนี้นักบุญฟ้าครามต้องอธิบายให้เราฟังว่าจะทำอย่างไรต่อไป! หรือว่าเจ้าคิดจะสังหารหญิงคนนั้นลงด้วยมือตนเองจะได้พิสูจน์ความภักดีเล่า! พวกเจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือ?”
พูดไปนั้นเขาก็หันหน้าไปมองคนทั้งหลาย
สิ่งนี้ทำให้หลายต่อหลายคนได้แต่สูดหายใจเข้าลึก!
วิธีการนี้มันชั่วช้าอย่างมาก
การบังคับให้เย่หยวนสังหารหญิงที่รักนั้นมันย่อมจะโหดร้ายเกินคน!
เพียงแค่ว่าตอนนี้ไม่มีใครกล้าออกมาปกป้องใดๆ อีก
เพราะจะอย่างไรเสียเผ่ามนุษย์และเผ่าเทวามันก็คือศัตรูร้ายต่อกัน
หากเจ้าไม่ตายข้าก็คงได้ตาย
มันไม่มีช่องว่างให้เกิดการเจรจาใดๆ ขึ้นระหว่างสองฝ่าย
ท่าทางไม่พอใจของเย่หยวนนั้นมันคือสิ่งที่หลินเฉาเถียนต้องการจะเห็น
เมื่อเขาได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงนักบุญฟ้าครามแม้แต่ตัวหลินเฉาเถียนที่เป็นถึงเต๋าบรรพกาลนี้ก็ต้องระมัดระวังอย่างมาก
นักบุญฟ้าครามนั้นคือใคร?
เขานั้นคือยอดคนที่สร้างคนธรรมดาๆ ไร้นามให้กลายมาเป็นผู้ปกครองมหาพิภพถงเทียน!
คนอื่นอาจจะไม่รู้ถึงความสามารถของนักบุญฟ้าครามแต่เขาที่รอดมาจากยุคก่อนย่อมเข้าใจมันดี
แม้ว่าอาณาจักรการบ่มเพาะของเย่หยวนมันจะยังไม่สูงมากแต่ความเป็นไปได้ของเขานั้นมันไร้สิ้นสุด!
หากไม่มีนักบุญฟ้าครามแล้วมันก็ย่อมจะไม่มีความเจริญของมนุษย์ได้ในทุกวันนี้ ไม่ต้องไปพูดถึงเต๋าบรรพกาลชีวิตใดๆ
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้ขุดเรื่องเยวี่ยเมิ่งลี่ขึ้นมาโจมตีเย่หยวน
ดูท่าแล้วมันคงสำเร็จจริงๆ!
“ท่านนักบุญฟ้าคราม ท่านลองอธิบายมาหน่อยเถอะ!”
“ใช่แล้ว เราย่อมไม่เชื่อว่าท่านจะทรยศเผ่าพันธุ์! แต่เรื่องนี้เราอยากฟังจากปากท่านว่าท่านจะทำอย่างไร!”
…
เวลานี้มียอดฝีมือหลายคนที่เริ่มกังวลใจเพราะเย่หยวนนั้นยโสเกินไป
ยโสเกินกว่าที่จะมาปกป้องตัวเอง
ต่อให้เวลานี้นามนักบุญฟ้าครามของเขามันใกล้จะหลุดลอยไปเต็มที!
แต่เย่หยวนกลับหัวเราะเย้ยขึ้นมา “หลินเฉาเถียน เจ้ามันก็ประเมินตัวเองสูงเกินไป! เจ้าคิดหรือว่าวันนี้ข้ามาเพื่ออธิบายเรื่องราวให้คนอย่างเจ้าฟัง? หรือว่าเจ้าคิดว่าข้านั้นสนใจนามนักบุญฟ้าครามใดๆ นี้? หึๆ ในสุดท้ายแล้ว เจ้ามันก็แค่กบในกะลาตัวหนึ่ง!”
คำพูดของเย่หยวนนั้นมันชัดเจน
จิตใจของหลินเฉาเถียนนั้นเหมือนถูกหนามตำเข้า
ส่วนคนทั้งหลายในโถงต้องอ้าปากค้าง
เย่หยวนกลับใช้คำว่า ‘กบในกะลา’ กับยอดคนที่ปกครองมหาพิภพถงเทียนอย่างเต๋าบรรพกาลชีวิต!
คำพูดนี้มันดูบ้าบอเกินกว่าจะยึดถือได้
แต่ในเวลานี้มันไม่มีใครคิดหัวเราะใด
เย่หยวนกล่าวต่อไป “ข้าผิดหรือถูกคนรุ่นหลังย่อมจะเป็นผู้ตัดสินเอง คำพูดเน่าๆ ไม่กี่คำของเจ้านี้มันจะมีค่าใด? จากนี้มันเพียงแค่ว่าจะถูกยกย่องไปตลอดกาลหรือถูกด่าทอไปชั่วกัลป์นั้นมันจะเกี่ยวใดๆ กับตัวข้าในตอนนี้? ข้าเย่หยวนนั้นทำอะไรตามหัวใจตน แล้วเจ้านั้นเป็นใครคิดมาให้ข้าบอกเล่าว่าจะทำอย่างไรต่อไป?”
“เหตุผลที่ข้ามานั้นก็เพื่อจะดูว่าเจ้านั้นอยากได้อะไรจากข้ามากนัก! ก่อนหน้าที่หน้าปากเทือกเขาข้าก็ได้รู้มัน! หึ จะว่าไป นอกจากหาทางหลุดพ้นโซ่ตรวนแล้วในโลกนี้มันจะยังมีสิ่งใดที่คนอย่างเจ้า เต๋าบรรพกาลอันดับหนึ่งจะสนใจอีก? เจ้าปกปิดความเห็นแก่ตัวนั้นไว้ด้วยนามของความชอบธรรมต่อเผ่าพันธุ์ ช่างหน้าไม่อายนัก!”
“หากเจ้าไม่สนใจโลกหล้าทิ้งชื่อเสียงตำแหน่งลงมาจัดการข้าเสีย ข้าก็ยังพอจะยอมรับถึงความอยากแข็งแกร่งขึ้นของเจ้าได้ น่าเสียดายที่แม้เจ้าจะเป็นเต๋าบรรพกาลแต่เนื้อในของเจ้ามันกลับเน่าเหม็นชั่วร้าย! เจ้าคิดว่าแค่เป็นเต๋าบรรพกาลนั้นได้แล้วเจ้าก็จะเหนือล้ำโลกหล้าวางตัวล้ำทุกสิ่งอย่าง? สุดท้ายต่อหน้าเต๋าสวรรค์เจ้ามันก็แค่มดปลวกตัวหนึ่งทั้งนั้น!”
พูดจบมันก็เกิดความเงียบงันขึ้นปกคลุมบริเวณ
คนทั้งหลายต้องอ้าปากค้างฟังคำของเย่หยวนไป
‘หลุดพ้นโซ่ตรวน’ มันย่อมจะเป็นคำพูดที่จับใจคนฟังไว้ได้อย่างหนักแน่น
“หรือว่า… เขาว่าอย่างไรนะ? หลุดพ้นโซ่ตรวน! หรือว่าท่านนักบุญฟ้าครามจะมีวิธีในการทำให้เต๋าบรรพกาลหลุดพ้นโซ่ตรวนของเต๋าสวรรค์?”
“ความลับที่ทำให้เต๋าบรรพกาลพัฒนาต่อได้? ไม่แปลกใจเลยว่าเต๋าบรรพกาลชีวิตถึงได้หมายหัวเขา!”
“แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ตั้งแต่อดีตกาลนานนมมาเต๋าบรรพกาลนั้นแข็งแกร่งที่สุด! แม้แต่ในยุคการปกครองของเผ่าเทวานั้นเองมันก็ยังไม่มีใครบรรลุหลุดพ้นโซ่ตรวนจากระดับเต๋าบรรพกาลได้ แล้วนี่กลับจะมีคนที่ทำลายหลุดพ้นโซ่ตรวนของเต๋าบรรพกาลได้อย่างนั้นหรือ?”
…
คำพูดนี้มันย่อมจะทำให้เกิดคำถามมากมายในจิตใจของผู้คน
ความจริงตรงหน้านี้มันเหนือล้ำเกินคาดเดา
เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่มีทางเป็นไปได้ เหนือกว่าที่จะจินตนาการ
เดิมทีแล้วคนทั้งหลายยังคิดสงสัยว่าทำไมเต๋าบรรพกาลชีวิตถึงได้หาเรื่องนักบุญฟ้าคราม
เพราะจะอย่างไรเสียท่านนักบุญฟ้าครามนั้นก็เป็นวีรบุรุษของทุกมนุษย์!
แต่หากมันเป็นไปอย่างที่เย่หยวนว่าแล้ว ทุกสิ่งอย่างมันย่อมจะดูสมเหตุสมผลขึ้นมาทันที!
สีหน้าของหลินเฉาเถียนนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่เขากลับกำลังสาปแช่งเย่หยวนสุดใจ
เขานั้นย่อมจะประมาทและไม่คิดว่าเย่หยวนจะเฉียบแหลมได้ปานนี้!
เขากลับถูกมองเจตนาออกได้อย่างง่ายดายด้วยหลักฐานไม่กี่อย่าง
เขานั้นคิดว่าตัวเองเข้าใจเย่หยวนไม่น้อย คิดว่าเย่หยวนจะต้องสนใจปกป้องนามนักบุญฟ้าครามแน่
แต่น่าเสียดายที่เขานั้นกลับเอาตัวเองไปใช้ในการวัดคนอื่น!
ความคิดของเย่หยวนนั้นมันไม่มีการยึดติดต่อชื่อเสียงใดๆ มาตั้งแต่แรก!