“เย่หยวน นี่มันมิใช่ยุคสมัยที่เจ้าเป็นนักบุญฟ้าครามอีกแล้ว! นี่มันคือยุคสมัยแห่งเต๋าบรรพกาล! ต่อหน้าเต๋าบรรพกาลนั้นทุกสิ่งอย่างล้วนไร้ค่า!”
หลินเฉาเถียนนั้นปล่อยคลื่นพลังเหลือล้นเหมือนราวกับว่าทั้งโลกหล้านี้มันจะไม่มีใครต้านทานเขาได้!
ในวินาทีนี้พื้นที่กว่าหนึ่งในสิบของแดนกลางต่างสัมผัสได้ถึงพลังกดดันของเต๋าบรรพกาลนี้
มหาพิภพถงเทียนนั้นมันสุดแสนยิ่งใหญ่ แม้จะพูดว่าหนึ่งในสิบของแดนกลางแต่แท้จริงแล้วมันคือพื้นที่กว้างใหญ่อย่างไม่อาจนับเป็นตัวเลขได้
แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าหลินเฉาเถียนนั้นทรงพลังแค่ไหน
พลังแห่งกฎนั้นมันคือพลังของสวรรค์!
คลื่นพลังอันน่ากลัวเช่นนี้คนทั่วๆ ไปย่อมจะไม่อาจคิดคาดถึงมันได้!
เมื่อเต๋าบรรพกาลเอาจริงแล้ว ฟ้าดินมันย่อมจะเปลี่ยนสีไป!
ต่อหน้าพลังของสวรรค์นี้คนที่จะยังยืนนิ่งได้มันก็คงมีแค่เย่หยวนคนเดียวเท่านั้น
เขานั้นมองดูหลินเฉาเถียนก่อนจะกล่าวขึ้น “เช่นนั้นหรือ? ในเมื่อยุคสมัยแห่งเต๋าบรรพกาลนี้ข้าเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง มันก็คงเป็นความรับผิดชอบของข้าที่ต้องจบมันลงเอง! หลินเฉาเถียน วันนี้ข้ายังไม่อาจทำร้ายเจ้าได้ แต่ไม่นานข้าจะกลับมาแน่”
พูดจบแล้วตัวเย่หยวนก็หันหลังเดินออกไปทันทีก่อนจะวับหายปรากฏซ้ำๆ ไปจนเป็นระยะกว่าหนึ่งแสนกิโลเมตรเข้าไปแล้ว!
กรงขังกฎของหลินเฉาเถียนนั้นกลับไร้ผลใดๆ ต่อเย่หยวน!
กรงขังกฎแห่งเทือกเขากำเนิดตรัสรู้นั้นมันกลับมีดีแค่ชื่อไปเสียอย่างนั้น!
เต๋าบรรพกาลถูกเมิน!
สีหน้าของเต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นเปลี่ยนสีไปทันที มันเป็นความตกตะลึงอย่างสุดชีวิต
“เป็นไปไม่ได้น่า! มัน… มันเป็นไปได้อย่างไร?” เต๋าบรรพกาลไฟนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเหยเก
ไม่มีใครคิดที่จะไปท้าทายตัวเต๋าบรรพกาลมาก่อน
แต่วันนี้พวกเขากลับถูกเด็กหนุ่มที่เพิ่งบรรลุอาณาจักรเจ้าฟ้าดินมาลูบคม!
“จะยังยืนเหม่อกันทำไมอีกเล่า? โจมตีมันพร้อมกัน เราต้องหยุดไว้ให้ได้! บรรพกาลผู้นี้ไม่เชื่อหรอกว่าหากเราทั้งเก้าร่วมมือกันแล้วมันจะยังไม่อาจหยุดตัวเจ้าฟ้าดินหนึ่งทลายคนหนึ่งไปได้!” หลินเฉาเถียนกล่าวร้องขึ้นมาด้วยใบหน้าดำมืดก่อนจะพุ่งตัวตามออกไปทันที
เต๋าบรรพกาลทั้งแปดที่เหลือจึงได้ตั้งสติและพุ่งตามออกไปติดๆ
ปัง ปัง ปัง…
เวลานี้เทือกเขากำเนิดตรัสรู้ตกสู่ห้วงความโกลาหลอย่างไม่อาจห้าม
ภายนอกเทือกเขานั้นเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างเปลี่ยนสีวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง
“ไปเร็ว! พลังของเต๋าบรรพกาลมันน่ากลัวจนเกินรับ!”
เย่หยวนนั้นจงใจเดินหลบให้ห่างจากผู้คนมากที่สุดแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นภายใต้พลังของเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าแล้วมันก็ย่อมจะยังเกิดคลื่นพลังที่เกิดกว่าคนทั่วๆ ไปจะรับ
พวกเขานั้นรู้สึกเหมือนฟ้าดินมันกกำลังสั่นไหว
มันสั่นขึ้นจริงๆ เหมือนกำลังเกิดปรากฏการณ์แผ่นดินไหว
พลังของคนทั้งเก้าที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกหล้าปะทุขึ้นมาพร้อมๆ กันทำให้พลังฟ้าดินสั่นไหวตาม นี่มันคือพลังที่สามารถทลายภูเขาถมทะเลลงได้
ภายใต้พลังระดับนั้นแม้แต่มิติใดๆ ก็ย่อมจะไม่อาจทนทาน
เวลานี้หากคิดอยากมุดห้วงมิติหนีไปมันย่อมจะไม่มีวันเป็นไปได้
คลื่นพลังทั้งเก้าสายนั้นปล่อยพลังสุดตัวอย่างมืดฟ้ามัวดินจนตามมาถึงเย่หยวนในพริบตา
“กรงขังกฎ หยุด!”
เวลานี้มันเป็นกรงขังกฎที่เก้าเต๋าบรรพกาลใช้ออกมาพร้อมกัน
มันเหมือนราวกับว่ามิติได้หยุดตัวลงจริงๆ
นกที่บินหนีจากแรงสั่นสะเทือนนั้นมันกลับถูกตรึงไว้อยู่กับที่ไม่อาจจะขยับปีกหรือร่วงตกได้
แต่ตัวเย่หยวนกลับก้าวเท้าเดินออกไปอย่างสบายตัว
ก่อนที่เขาจะหันกลับมากล่าวอีกครั้ง “เลิกทำอะไรเสียเปล่าเถอะ! พวกเจ้ารั้งข้าไว้ไม่ได้! อย่าว่าแต่พวกเจ้าทั้งหลายไม่มีใครฝึกฝนบ่มเพาะแนวคิดแห่งห้วงมิติ ต่อให้พวกเจ้าทั้งหลายจะเป็นเจ้าแนวคิดแห่งห้วงมิติพวกเจ้าก็คงไม่อาจกักขังข้าไว้ได้!”
คำพูดนี้มันช่างฟังดูหยิ่งยโส!
ในโลกหล้านี้มันคงมีแต่เย่หยวนเท่านั้นที่สามารถจะพูดกล่าวเช่นนี้ต่อหน้าเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าได้
พวกเขาทั้งหลายนั้นจะรู้ได้ว่าอย่างไรแนวคิดแห่งห้วงมิติของเย่หยวนมันมิใช่แนวคิดแห่งห้วงมิติบนมหาพิภพถงเทียนอีกต่อไปแล้ว มันคือพลังมิติของพิภพโกลาหล!
ก่อนหน้านี้ตอนที่ห้วงมิติเวลาพลิกผันเย่หยวนได้เดินทางข้ามกลับไปยังยุคก่อนและทำให้เขานั้นเข้าใจได้ถึงการทำงานของแนวคิดแห่งมิติเวลาขึ้นอย่างมาก
ในตอนนั้นสิ่งที่เขาพัฒนาขึ้นมามันมิใช่พลังแนวคิดแห่งห้วงมิติของมหาพิภพถงเทียนใดๆ อีกต่อไป มันคือพลังแนวคิดแห่งห้วงมิติของตัวเขาเอง
เพราะฉะนั้นหลังเขากลับมาถึงหลายๆ คนจึงรู้สึกแปลกๆ ไป
เพราะความเข้าใจของเขานั้นมันไม่ได้หายไปหลังจากกลับมาถึงปัจจุบันแต่กลับยิ่งพัฒนาก้าวหน้าขึ้นไปจนมาสุกงอมได้ที่ตอนที่เขาบรรลุขึ้นอาณาจักรการกำเนิด!
หลังจากขึ้นอาณาจักรการกำเนิดมาได้แล้วเย่หยวนก็สามารถเรียกใช้พลังของมันได้อย่างเต็มตัว!
พิภพโกลาหลนั้นมันได้พัฒนาฟ้าดินขึ้นมาแต่สิ่งที่มันเพิ่มนั้นมิใช่แค่พลังงานแต่รวมถึงความเข้าใจต่อเต๋าสวรรค์และพลังแห่งกฎต่างๆ ด้วย
เส้นทางของเย่หยวนนี้มันไม่เคยมีใครก้าวเดินมาก่อน
เขานั้นไม่ต้องตามรอยเท้าใคร เขานั้นย้ำเท้าลงไปในดินแดนใหม่ไร้ผู้คน
ต่อให้จะเป็นแบบแผนของมหาพิภพถงเทียนนี้ตัวเย่ยวนก็ยังไม่ได้เลียนแบบเต็มที่เพื่อสร้างมหาพิภพถงเทียนที่สองขึ้นมา
เขานั้นสร้างแนวคิดแห่งห้วงมิติเวลาของตนขึ้นมาด้วยมันสมองตนเอง
และในเวลานี้เขาก็สามารถจะนำเอาปมห้วงมิติจากในพิภพโกลาหลมาวางไว้บนมหาพิภพถงเทียนได้หนึ่งถึงสองจุด
หมายความว่าเขานั้นจะสามารถเดินทางผ่านห้วงมิติได้อย่างไร้ข้อจำกัดในระยะของพิภพโกลาหล
แล้วเต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นกลับคิดจะใช้พลังแห่งกฎของมหาพิภพถงเทียนมากักขังเย่หยวน ช่างน่าขัน!
อย่างที่เย่หยวนว่านั้น ต่อให้คนทั้งหลายจะรู้พลังกฎแห่งมิติมันก็คงไม่อาจจะหยุดเขาได้เช่นกัน
นี่คือความมั่นใจที่ทำให้เย่หยวนกล้าเดินเข้ามาในกับดัก!
เย่หยวนนั้นมีศักดิ์ศรีแต่ก็ไม่ได้โง่เง่า
การเดินตรงเข้ากับดักเช่นนี้เขาย่อมจะไม่ทำมันแน่นอน
แต่คนทั้งเทือกเขากำเนิดตรัสรู้กลับต้องอ้าปากค้าง
ในเวลานี้เทือกเขากำเนิดตรัสรู้มันย่อมจะกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนในบริเวณใกล้เคียงไปแล้ว
พวกเขาต่างคิดว่าเย่หยวนคงสิ้นท่าแน่แล้ว
แต่ใครจะไปคิดคาดว่าเต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นร่วมมือกันแล้วกลับยังไม่อาจทำอะไรเย่หยวนได้แม้แต่น้อย!
“ตาข้าคงบอดไปแล้ว! ข้าต้องเห็นภาพหลอนอยู่แน่! แม้แต่พลังของกฎของยังไม่อาจจะหยุดเย่หยวนได้หรือ!”
“ข้าชักจะเชื่อคำของเย่หยวนขึ้นมาจับใจแล้ว ความลับที่เขามีนั้นมันย่อมจะต้องเหนือล้ำอย่างแน่นอน! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเต๋าบรรพกาลจึงสนใจ!”
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงกล้ามา! ที่แท้แม้แต่พลังกฎก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้ นี่มันคือตัวตนที่ไม่อาจโค่นลงได้อย่างสิ้นเชิง!”
ในเวลานี้เหล่ายอดคนของมหาพิภพถงเทียนต่างต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
วินาทีที่เต๋าบรรพกาลทั้งเก้าลงมือนั้นพวกเขาย่อมจะคิดว่าเย่หยวนได้สิ้นท่าแน่
แต่ใครจะไปคิดฝันว่าผลลัพธ์ที่ออกมามันกลับกลับตาลปัตรเช่นนี้
เต๋าบรรพกาลชีวิตลงมือนั้นไม่อาจหยุดเย่หยวนลงได้!
จากนั้นเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าร่วมมือกันก็ยังไม่อาจจะหยุดยั้งตัวเย่หยวนไว้ได้!
หากจะให้พูดถึงเรื่องที่น่าตกตะลึงที่สุดในประวัติศาสตร์นั้นมันคงมิใช่ความพ่ายแพ้ของเต๋าบรรพกาลหรือการกลับมาของเทียนชิงอีกต่อไป
เรื่องราวในวันนี้ต่างหากที่มันได้กลายเป็นเรื่องน่าตื่นตะลึงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมหาพิภพถงเทียน!
มิใช่แค่หนึ่งในเรื่องน่าตะลึง!
เรื่องในคราวนี้มันจะถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน!
นักยุทธคนหนึ่งที่เพิ่งบรรลุอาณาจักรเจ้าฟ้าดินนั้นกลับหลบรอดจากเงื้อมมือของเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าไปได้!
หลินเฉาเถียนนั้นได้แต่ทำหน้าเหยเก
สีหน้าของเขานั้นดำมืดลงก่อนจะกล่าว “ในเมื่อกักไว้ไม่ได้บรรพกาลผู้นี้ก็จะทำลายห้วงมิติลงเสีย! บรรพกาลผู้นี้อยากจะรู้ว่าเจ้าจะยังเอาอะไรมาต้านการทลายของห้วงมิติได้อีก!”
เสียงยังไม่ทันขาดตัวเขาก็ปลดปล่อยระเบิดพลังขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็ยกเท้าขึ้นสูงกระทืบลงพื้นดินจนทั้งเทือกเขาสั่นสะท้าน!
ตู้ม!
รอยแยกแตกร้าวเกิดขึ้นปรากฏทั่วโดยมีตัวเขานั้นเป็นศูนย์กลาง
เวลานี้ห้วงมิติในระยะราวล้านกิโลเมตรมันเริ่มจะแตกสลายลงไป!
พร้อมๆ กันนั้นมันก็เกิดคลื่นกระแสมิติพุ่งพัดเข้ามาอย่างไม่อาจห้าม
นี่มันคือพลังของเต๋าบรรพกาล!
แต่เขานั้นก็ยังประมาทเย่หยวนไป
ยิ่งไม่มีกรงขังกฎปิดกั้นมิติไว้ เย่หยวนยิ่งจะเดินทางได้นับล้านๆ กิโลเมตรในพริบตา มีหรือที่เต๋าบรรพกาลทั้งหลายนี้จะกักขังเขาไว้ได้?
เพราะฉะนั้นเขาจึงยิ่งไม่ต้องกลัวอะไร!
เย่หยวนหันไปมองดูหลินเฉาเถียนก่อนจะกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงเย็นเยือก “เรื่องในวันนี้เย่ผู้นี้จะจดจำมันไว้แน่! วันที่เย่ผู้นี้กลับมาถึงข้าย่อมจะมาสะสางเรื่องราวกับพวกเจ้าทั้งหลาย! แล้วก็ความลับของข้านี้ พวกเจ้าเอาไปก็ใช้มันบ่มเพาะไม่ได้หรอก!”
พูดจบร่างของเย่หยวนก็ค่อยๆ จางหายลงไปต่อหน้าต่อตาคน!
………..