“เลิกมองได้แล้ว! มันไม่มาหรอกเพราะมันไม่กล้าจะมา! หึๆ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? เจ้ามันก็เป็นแค่หมารับใช้ของมันเท่านั้น มันก็แค่ใช้ให้เจ้าสู้เพื่อจะได้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในนามนักบุญฟ้าครามเท่านั้น เจ้าคิดหรือว่ามันจะมาสนใจหมาข้างทางอย่างเจ้านี้?”
หลินฮวนกล่าวออกมาพร้อมจ้องมองว่านเจิ้นที่ถูกตรึงอยู่กับไม้ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
วันนี้มันคือวันประหารและเป้าหมายแรกนั้นคือว่านเจิ้น!
เวลานี้ตัวว่านเจิ้นนั้นกำลังถูกปิดผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์และตรึงอยู่บนไม้ด้วยวิชาพิเศษของเทือกเขากำเนิดตรัสรู้จนไม่อาจจะขยับตัวได้
เขานั้นมองดูไปทางเส้นขอบฟ้าเป็นครั้งคราว แต่มิใช่เพราะเขากำลังหวังให้คนผู้นั้นมาถึง
กลับกัน ตัวเขานั้นกำลังหวังให้คนผู้นั้นไม่มา!
เพราะไม่ว่าจะสนิทกันสักแค่ไหนตัวคนผู้นั้นก็คือความหวังสุดท้ายของมนุษย์
หากต้องมาตายตกลงเพราะน้ำมือของคนพวกเดียวกันเองเช่นนี้แล้ว ความหวังใดๆ มันคงจบสิ้น
ว่านเจิ้นนั้นแตกต่างจากคนทั่วๆ ไปตัวเขานั้นเป็นคนที่มีจิตใจยิ่งใหญ่เหนือโลกหล้า
แต่ก็เพราะว่าเรื่องนี้มันจึงทำให้เขานั้นสนิทกับเย่หยวนได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินคำเย้ยของหลินฮวนนั้นตัวเขาก็หัวเราะตอบไป “ตอนที่เราสู้กันอยู่ในแนวหน้าพวกเจ้าและนายท่านของเจ้าทั้งหลายไปมุดหัวอยู่ที่ใด? หากจะให้พูดว่าใครแอบอ้างผลงานคนอื่นแล้วมันย่อมจะเป็นพวกคนร้ายหน้าไม่อายอย่างเจ้าทั้งหลายนี้ที่คิดใช้ผลงานจากน้ำพักน้ำแรงของยอดคนหลากเผ่าพันธุ์! นามของนักบุญฟ้าครามมันต้องมาพิสูจน์ใดๆ ด้วยหรือ? หึๆ หากข้าเป็นหมาข้างทางแล้วเจ้าก็คงเป็นได้แค่เห็บหมาเท่านั้น!”
หลินฮวนกัดฟันขึ้นทันทีที่ได้ยิน “น่าขัน! หากมิใช่เพราะบรรพบุรุษของตระกูลเราและเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายคอยช่วยกันปกป้องไว้มหาพิภพถงเทียนมันคงแตกสลายไปนานปี! เจ้ายังจะมีหน้ามาบ่นทวงคุณใดๆ ในตอนนี้หรือ?”
ว่านเจิ้นที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง “ฮ่าๆๆ… เจ้าคิดจะประหารข้าด้วยการให้หัวเราะท้องแข็งตายหรือ? บรรพบุรุษตระกูลเจ้าปกป้อง? สิ่งที่พวกมันทำคือการวางแผนล้วงความลับของเย่หยวนมิใช่หรือ?! หากมันคิดทำเพื่อผลประโยชน์ของทุกเผ่าพันธุ์จริงๆ แล้วพวกมันคงต้องบุกเข้ามิตินรกไปนานแสนนานแล้ว! ที่พวกมันยังไม่ไปนั้นเจ้าจะบอกว่าพวกมันรอให้การกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์เริ่มขึ้นก่อนค่อยจะไปหรือ?”
ผัวะ!
เสียงตบหน้าดังลั่นดังขึ้นจากใบหน้าของว่านเจิ้นจนทำให้เขาต้องมีเลือดไหลลงมุมปาก
พลังของเจ้าฟ้าดินห้าทลายนั้นมันรุนแรงปานใด?
หลินฮวนนั้นหัวเราะขึ้นมา “ปากดีนัก! ในเวลานี้นามคนทรยศของเย่หยวนมันลื่อลั่นไปทั่วแล้ว ข้าอยากจะรู้จริงๆ ว่ามันยังจะเอาหน้าที่ไหนมาพบกับผู้กล้าทั้งหลายอีก!”
“ถุ่ย!”
ว่านเจิ้นถ่มน้ำลายเปื้อนเลือดใส่ก่อนจะกล่าว “แค่เห็บหมาอย่างเจ้านี้ก็กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นผู้กล้าหรือ? หน้าไม่อายเสียจริง!”
ข้างๆ กันนั้นตัวหลินหลางจึงกล่าวเสริมขึ้น “ปู่สาม เลิกพูดไร้สาระกับมันเถอะ! ได้เวลาแล้วจัดการเลย!”
หลินฮวนนั้นพยักหน้ารับก่อนจะกล่าวเสียงดัง “เวลามาถึงแล้วและดูท่าเย่หยวนมันจะทิ้งเรื่องราวของทางเราหนีไปซบอกเผ่าเทวาแล้วจริง! เวลานี้มันคงไม่มีทางจะมาอีกแน่นอน! แต่แน่นอนว่าตัวว่านเจิ้นนั้นเป็นคนสมรู้ร่วมคิดกับเย่หยวนปล่อยให้เทียนเหอหนีไปได้ต่อหน้าต่อตา! มันย่อมจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ที่สาสม! เวลานี้จักรพรรดิผู้นี้จะขอเป็นตัวแทนสวรรค์ลงทัณฑ์แก่คนบาปผู้นี้!”
หลินหลางเดินขึ้นมาบนแท่นพร้อมจานหยกใบหนึ่ง
บนจานหยกนั้นมันมีมีดสั้นมากมายหลายแถววางซ้อนกันอยู่
มีดสั้นทั้งหลายนี้มีนามว่ามีดหายนะเลาะกระดูกเป็นเครื่องมือทรมานชนิดหนึ่ง
เมื่อใดก็ตามที่มีดนี้มันแทงกรีดเข้าไปในร่างของนักยุทธแล้วมันจะค่อยๆ ตัดเส้นเลือดลดพลังชีวิตแต่จะไม่สังหารคนผู้นั้นในทันที
ความรู้สึกเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นนั้นมันจึงเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าการถูกฉีกร่างเป็นชิ้นๆ!
หลินฮวนนั้นยกมืดสั้นนั้นขึ้นมาจ่อตรงหน้าว่านเจิ้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย เจ้าเองก็คงเคยได้ยินนามของมีดหายนะเลาะกระดูกมาใช่ไหม? วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสของมันเอง! นี่มันคือผลลัพธ์ของการทรยศเผ่าพันธุ์!”
“ถุ่ย!”
ว่านเจิ้นถ่มน้ำลายออกมาอีกครั้งแต่ครานี้มันไม่ได้ถูกหลินฮวน
สีหน้าของเขาในเวลานี้มันไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ มีเพียงแค่ความเจ็บแค้นเท่านั้นที่เด่นชัด
เขานั้นเจ็บแค้นที่ไม่อาจทำตามหวังได้!
เขานั้นปวดใจต่อโชคชะตาของตน!
เต๋าบรรพกาลทั้งเก้าที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าพันธุ์นั้นกลับหันหลังไปแย่งชิงเอาผลประโยชน์ของกันและกันเอง
เมื่อได้เห็นว่าว่านเจิ้นไม่หวาดกลัวตัวหลินฮวนก็เริ่มรู้สึกเบื่อๆ
แต่เขานั้นไม่ได้คิดมากมายเพราะจะมีใครบ้างที่จะรอดจากมีดหายนะเลาะกระดูกไปได้!
ฉึก!
หลินฮวนนั้นไม่ลังเลแม้แต่น้อยแทงมีดสั้นลงยังตำแหน่งหัวใจของว่านเจิ้นทันที
“อึก!”
ความรู้สึกเสียดแทงนั้นมันทะลุผ่านหัวใจไหลไปยังแขนขาของเขาในพริบตา
ว่านเจิ้นนั้นอดไม่ได้ที่จะร้องขึ้นมาจนทำให้ทั้งร่างกายมีเหงื่อไหลเย็นเยือก
แต่เขานั้นอดทนไว้และไม่ได้ร้องออกมา
หลินฮวนที่ได้เห็นต้องขมวดคิ้วขึ้นเพราะไม่พอใจท่าทางของว่านเจิ้น
เวลานี้มันควรจะเป็นเวลาร้องลั่นขอชีวิตสิ!
“หึๆ ทนได้จริงสินะ! จักรพรรดิผู้นี้ก็อยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะทนไปอีกได้สักกี่น้ำ!”
หลินฮวนนั้นหัวเราะขึ้นก่อนจะหยิบมีดอีกเล่มมา
“อัก!”
ว่านเจิ้นร้องออกมาเล็กน้อยเมื่อถูกแทงแต่ก็ยังไม่คิดจะกรีดร้องใดๆ
“ห-หึๆ เจ้าคงผิดหวังมา? คิดว่าข้าจะทนรับมันไม่ได้จนต้องแหกปากร้องขอชีวิต? เจ้าคิดมากเกินสมองเห็บหมาไปแล้ว! ในหมู่ลูกน้องนักบุญฟ้าครามนั้นมันไม่มีใครเป็นคนขี้ขลาดตาขาว! แค่ตัวเจ้า… มาสิ หากทำให้ข้าแหกปากร้องได้จริงข้าว่านเจิ้นก็จะไม่ขอเป็นลูกน้องของท่านนักบุญฟ้าครามอีกต่อไป!”
ว่านเจิ้นกล่าวไปพร้อมสูดหายใจลึก
สีหน้าของหลินฮวนนั้นมันเหยเกอย่างมาก
และความดื้อรั้นของว่านเจิ้นนี้มันก็เริ่มทำให้คนเริ่มคล้อยตาม
“ช่างกล้างหาญนัก ต่อให้เจ้าจะทุบตีข้าจนตายข้าก็ไม่ขอเชื่อว่านักบุญฟ้าครามท่านนั้นจะทรยศเผ่าพันธุ์!”
“ใช่แล้ว! อย่างที่เขาว่ากันนั้น ลูกไม้มันย่อมหล่นไม่ไกลต้น! แม้ต้องเผชิญกับมีดหายนะเลาะกระดูกแต่เขาก็ยังทนรับอย่างไม่กะพริบตา! นี่มันใช่สิ่งที่คนทรยศกล้าทำที่ไหน!”
“เกินไปแล้ว! มันเกินไปแล้วจริงๆ! ข้าว่าเต๋าบรรพกาลชีวิตนั้นจะชั่วร้ายเกินไปแล้ว!”
…
คนทั้งหลายนั้นเข้าใจถึงความน่ากลัวของมีดหายนะเลาะกระดูก จะบอกว่ามันนั้นเจ็บปวดเสียดกระดูกเข้าไปถึงจิตวิญญาณก็คงไม่ผิดนัก
แต่แม้ต้องเจอการลงโทษเช่นนั้นว่านเจิ้นก็ยังกัดฟันแน่น การจะทำเช่นนั้นมันต้องมีจิตใจที่หนักแน่นสักแค่ไหน?
แม้แต่ลูกน้องยังหนักแน่นปานนี้แล้วตัวนักบุญฟ้าครามเองจะไปทรยศเผ่าพันธุ์ได้?
เสียงความไม่เห็นด้วยนั้นมันดังมาจนถึงหูของหลินฮวนจนเขาเริ่มไม่พอใจเข้าไปใหญ่
ฉึก!
อีกหนึ่งมีด!
แต่ว่าตัวว่านเจิ้นนั้นกลับไม่ร้องใดๆ ออกมา
สีหน้าของเขานั้นมันซีดลงทุกครั้งที่มีดปัก ดูอย่างไรก็รู้ได้ว่ามันเจ็บปวดแสนสาหัส
แต่เขานั้นกลับยังคงมั่นคงไม่ร้องออกมา!
จากนั้นมีดมันก็ค่อยๆ ปักเพิ่มลงบนร่างของว่านเจิ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็ยังไม่ร้องออกมา
หลายต่อหลายครั้งเขาสงบลงไปเพราะความเจ็บปวดแต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะความเจ็บปวด
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังไม่ร้อง
เขานั้นใช้การกระทำเพื่อยืนยันในคำพูด!
หลินฮวนนั้นได้แต่ทำหน้าเหยเกขึ้นทุกครั้งที่ปักมีดลง
เพราะเขาก็ไม่นึกฝันว่าว่านเจิ้นจะดื้อรั้นและถึกทนได้ปานนี้
“หึ! ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ตายไปเสียเถอะ!” หลินฮวนนั้นกำลังจะยกมีดอีกเล่มขึ้นมาปักลงบนร่างของว่านเจิ้น
“หยุด!” ในเวลานั้นเองที่มันเกิดเสียงร้องอย่างไม่พอใจขึ้นมา
คลื่นพลังรุนแรงแข็งแกร่งล้ำพุ่งทะยานมาจากขอบฟ้า
นี่มันคือพลังของยอดฝีมือพลังกฎ!
ส่วนอีกด้านมันก็มีพลังสายหนึ่งออกมาพุ่งรับจากด้านของเทือกเขากำเนิดตรัสรู้
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลจ้องมองดูที่เต๋าบรรพกาลไฟด้วยสีหน้าแดงก่ำอย่างไม่พอใจ “พวกเจ้ามันชั่วร้ายเกินไปจริง! หยุดการประหารอันชั่วช้านี้บัดเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นอย่าได้หาว่าบรรพกาลผู้นี้โหดร้าย!”
เต๋าบรรพกาลไฟตอบกลับมา “สหายเต๋ายี่ เจ้าเด็กคนนี้มันได้รับยืนยันแล้วว่าทรยศเผ่าพันธุ์ ต้องทำการประหารมันต่อหน้าผู้คน เจ้าไม่มีสิทธิมาขัดขวางนะ!”
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลจึงร้องลั่นขึ้นมา “ช่างหัวเจ้าสิ! ใครกันเล่าที่มันยืนยัน? พวกเจ้ามีหลักฐานใด?”
เต๋าบรรพกาลไฟนั้นตอบกลับมาอย่างสบายๆ ไม่ได้โกรธเคืองใด “เขาและเย่หยวนนั้นปล่อยให้เทียนเหอหนีรอดไป! นี่แหละหลักฐานที่ชัดเจน!”
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลที่ได้ยินนั้นต้องร้องลั่นขึ้นมาราวคนคลั่ง “เวิงเซียน ข้ามันตาบอดไปจริงๆ ที่ไปหลอมโอสถให้คนเนรคุณอย่างเจ้า!”
…………………………