เมื่อได้เห็นสภาพอันแสนน่าสมเพชของหลินฮวนมุมปากของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็ต้องยิ้มเย้ยออกมา
มีดที่ปักลงไปนั้นมันเพียงแค่สี่เล่มแต่ตัวหลินฮวนนั้นกลับมีใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนคนจะตายลงให้ได้ ไม่มีทางจะเอาไปเทียบเคียงกับว่านเจิ้นได้แม้แต่เศษเสี้ยว
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียว่านเจิ้นนั้นก็รับมีดลงไปหลายต่อหลายเล่มแต่กลับไม่ร้องออกมาแม้สักนิด
“ไม่กล้า? หึๆ เจ้าจะดูถูกความหน้าไม่อายของพวกมันมากจนเกินไปแล้ว!” มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลร้องบอก
เดิมทีแล้วนั้นเขาย่อมจะมีความคิดเคารพเต๋าบรรพกาลอย่างเช่นคนทั้งหลาย
เพราะผู้แข็งแกร่งนั้นมีค่าให้เคารพ
แต่หลังจากเรื่องที่ถูกหลอกให้หลอมโอสถนั้นความเคารพใดๆ ต่อเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าของเขามันก็ตกต่ำจนเกินคำว่าติดลบไปไกล
“อ่าก! ข้า… ข้าจะตายแล้ว! เย่หยวน ขอร้องเถอะ สังหารข้าเสีย! ข้า… ข้าทนรับมันไม่ไหวแล้ว!” หลินฮวนนั้นร้องขึ้นมาเมื่อถูกมีดอีกเล่มปักลงกลางอก
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจและตอบกลับมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลต่อ “พวกมันไม่กล้าแน่ หลินเฉาเถียนนั้นมันจะได้รู้ว่าหากท้าทายข้าแล้วจะเกิดผลอย่างไร!”
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นขมวดคิ้วแน่น “ข้านั้นรู้ว่ามันทำอะไรเจ้าไม่ได้ แต่เวลานี้เจ้าเองก็ไม่กล้าลงมือใดๆ มากมายเพราะกลัวความเสียหายที่จะเกิดขึ้นมิใช่หรืออย่างไร? เจ้าคิดจะทำอะไรพวกมันเล่า?”
ฟุบ!
เย่หยวนนั้นยกนิ้วดันมีดอีกเล่มไปก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้านั้นเกรงจะลงมือเพราะกลัวความเสียดายที่จะตามมาจริง แต่พวกมันก็จะต้องเกรงกลัวเช่นกัน ไม่ต้องมองข้าเช่นนั้นหรอก ท่านรอดูไปเถอะ วันนี้ข้าจะให้ท่านได้ดูเรื่องสนุกๆ เอง! อ่า จริงด้วยสิ! ท่านช่วยรักษาว่านเจิ้นให้ข้าหน่อย โอสถที่ข้าเอามานี้มันไม่พอจะรักษาอาการหนักหนาสาหัสของเขา ท่านช่วยดูแลต่อที”
ฟุบ!
มีดอีกเล่ม!
คนทั้งหลายมองดูเย่หยวนค่อยๆ ทรมานหลินฮวนไปจนเจียนตายขณะที่ตัวเขานั้นกลับกำลังพูดคุยด้วยสีหน้าท่าทางสบายอารมณ์มันทำให้คนทั้งหลายหนาวสั่นขึ้นมา
ความเย็นเยือกนี้พวกเขาสัมผัสถึงมันได้อย่างชัดเจน
เย่หยวนนั้นมาหยุดลงตรงหน้าหลินฮวนด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคิดจะตายเสียแล้วหรือ? มันเพิ่งผ่านไปแค่เจ็ดเล่มเองนะ สิ่งที่เจ้าทำกับว่านเจิ้นไว้นั้นข้าจะไม่คืนให้เจ้าเป็นเท่าตัวหรอก วางใจได้ ข้าแค่จะให้เจ้าได้สัมผัสถึงความเจ็บปวดเท่าที่เขาได้รับเท่านั้น”
ฟุบ!
พูดไปมีดอีกเล่มก็ถูกปักลงบนร่างของหลินฮวน
หลินฮวนนั้นบาดเจ็บจนได้แต่หายใจไม่อาจจะกล่าวพูดใดๆ ได้อีก
เขานั้นไม่เคยจะสัมผัสถึงความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
ด้วยตำแหน่งตัวตนของเขาแล้วมันจะมีใครกล้าทำเช่นนี้กับเขามาก่อน?
ระหว่างที่พูดคุยไปนั้นมันก็เกิดรอยแยกห้วงมิติขึ้นเผยให้เห็นถึงคลื่นพลังหนักหน่วงรุนแรงสายหนึ่งที่ค่อยๆ ปรากฏกาย
แน่นอนว่ามันย่อมเป็นเต๋าบรรพกาลชีวิต หลินเฉาเถียน!
เมื่อเขาได้เห็นสภาพน่าสมเพชของหลินฮวนนั้นเขาก็ต้องขมวดคิ้วร้องลั่นออก “เย่หยวน พอได้แล้ว!”
เย่หยวนหันกลับไปมองหน้าพร้อมหัวเราะเย้ยขึ้น “พอ? หลินเฉาเถียน เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังพูดอยู่กับใคร?”
หลินเฉาเถียนยิ้มกล่าวขึ้น “ทำไมเล่า? เจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นนักบุญฟ้าครามอีกหรือ? เจ้านั้นทรยศเผ่าพันธุ์ พวกเราเก้าเต๋าบรรพกาลได้ร่วมกันลงนามถอดถอนเจ้าออกจากตำแหน่งนักบุญฟ้าครามไปแล้ว! ทำไมบรรพกาลผู้นี้จึงจะพูดกล่าวสั่งเจ้าไม่ได้?”
เย่หยวนนั้นยิ้มอย่างไม่แยแส “นักบุญฟ้าคราม? หึๆ เจ้าคิดว่าข้าจะมาสนใจชื่อเสียงอะไรเช่นนั้นหรือ?”
หลินเฉาเถียนจึงตอบกลับมาอย่างดูถูก “ในเมื่อเจ้าทิ้งนามนักบุญฟ้าครามไปแล้ว ตัวข้าในฐานะเต๋าบรรพกาลนั้นยังจะต้องมาเกรงใดๆ เจ้าอีก? ที่สำคัญไปกว่านั้นคือคนรอบๆ ตัวเจ้ามันมีความผิดฐานทรยศเผ่าพันธุ์ร่วมกันสิ้น เจ้ามีอะไรดีถึงคิดมาวางท่าในเทือกเขากำเนิดตรัสรู้?”
เย่หยวนตอบกลับไป “เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้เห็นเองว่าข้านั้นมีดีอะไร!”
ฟุบ!
พริบตาต่อมาร่างของเย่หยวนก็หายไปจากจุดที่เขายืนอยู่
หายไปพร้อมๆ กันหลินฮวน
หลินเฉาเถียนนั้นหน้าถอดสีไปทันทีพร้อมรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีนัก
ตุบ ตุบ ตุบ…
ผู้คนไม่น้อยแตกสลายลงกลายเป็นแค่หมอกเลือดสีแดง ไม่เหลือแม้แต่เศษซากใดๆ!
และหนึ่งคนที่ตายลงนั้นมันก็คือหลินหลาง!
และที่ตายไปด้วยกันกับเขานั้นมันมีเจ้าฟ้าดินสามทลายอยู่ด้วยหลายคนทีเดียว
คนทั้งหลายได้แต่ต้องอ้าปากค้างมองดูร่างนั้นด้วยความตกตะลึง
นี่มัน… ใครกันแน่ที่ต้องไม่กล้าลงมือเพราะกลัวความเสียดาย?
พวกหลินเฉาเถียนนั้นยังไม่ได้ฆ่าสังหารใครแต่เย่หยวนนั้นก็ลงมือฆ่าไม่เว้นแล้ว!
หลินเฉาเถียนนั้นร้องลั่นขึ้นอย่างไม่พอใจ “เย่หยวน! เจ้าคิดว่าบรรพกาลผู้นี้จะไม่กล้าฆ่าสังหารผู้คน?”
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจพุ่งตัวหายไปอีกครั้งหนึ่ง
ไม่นานหลินเฉาเถียนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังของเย่หยวนอีกครั้งและเขานั้นกำลังมุ่งหน้าไปยังส่วนกลางของเทือกเขากำเนิดตรัสรู้
หลินเฉาเถียนนั้นหรี่ตาลงมองดูทันทีเพราะจุดที่เย่หยวนกำลังมุ่งหน้าไปนั้นมันเป็นที่พักของเจ้าฟ้าดินห้าทลาย
คนที่อยู่ตรงนั้นคือหลานชายของเขานามว่าหลินซิว กำลังของเขานั้นเหนือล้ำกว่าหลินฮวนไปมาก
หรือว่าเจ้าหมอนี่มันคิดจะสังหารเจ้าฟ้าดินห้าทลายลงด้วย?
หลินเฉาเถียนนั้นรวดเร็วอย่างมากแต่น่าเสียดายที่มันไม่อาจจะตามทันความเร็วของเย่หยวนได้!
เย่หยวนนั้นทิ้งเขาหายไปในพริบตา!
ดวงตาของเขานั้นเบิกกว้างขึ้นมาทันทีที่ได้เห็น “ผ่านไปแค่กี่ปีกัน? เจ้าหมอนี่มันกลับพัฒนาล้ำขึ้นมาได้อีกครั้งแล้ว!”
หลินเฉาเถียนนั้นไม่คิดจะลังเลชักช้าใดๆ พุ่งตัวตามเข้าห้วงมิติไปบ้าง
เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดหลบซ่อนพลังใดๆ พุ่งเข้าใส่ยอดเข้าใจอย่างเต็มแรง
หลินซิวนั้นกำลังนั่งบ่มเพาะอยู่ต้องสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังรุนแรงที่พุ่งเข้ามาใกล้จนต้องขมวดคิ้วแน่น
แต่จะอย่างไรเขานั้นก็ไม่ได้เกรงกลัวเพราะว่าคลื่นพลังของอีกฝ่ายนั้นมันมีระดับแค่ราวเจ้าฟ้าดินสี่ทลายเท่านั้น อ่อนแอกว่าเขาไปมาก
เขานั้นจึงได้ก้าวออกมารับหน้าเย่หยวนอย่างไม่เกรงกลัว
“ใครกัน? กล้ามาทำตัวเช่นนี้ในวังพำนักกำเนิดตรัสรู้ เจ้าคิดรนหาที่ตายหรือ?” หลินซิวขมวดคิ้วร้องออกมา
แต่ฝ่ายเย่หยวนนั้นพุ่งมาอย่างรวดเร็วไม่คิดหยุดพร้อมด้วยดาบแห่งมิติเวลาในมือ!
ตัวหลินซิวนั้นไม่กล่าวใดๆ ตอบกลับไป เพียงแค่ยกดาบขึ้นมารอรับ!
“รนหาที่ตาย!”
หลินซิวนั้นหัวเราะขึ้นพร้อมใช้วรยุทธโจมตีออกมาอย่างโกรธเคือง
เดิมทีเขานั้นย่อมจะไม่คิดสนใจใดๆ
แต่ไม่นานเขาก็สัมผัสได้ว่ามันมีอะไรแปลกๆ
เพราะดาบของเย่หยวนนั้นมันกลับไม่แสดงท่าทีว่าจะหยุดลง!
เมื่อก้าวขึ้นมาถึงระดับของเย่หยวนแล้วมันย่อมจะเป็นระดับที่สูงสุดคืนสู่สามัญ
ไปมาอย่างไรมันก็จบลงในดาบเดียว!
ฟุบ!
ร่างทั้งสองนั้นพุ่งผ่านกันไปในเวลาพริบตา
แต่เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดหยุดร่างลงและพุ่งตัวไปต่อยังยอดเขาต่อไป
ที่แห่งนั้นมันคือที่พักของเจ้าฟ้าดินห้าทลายอีกคน!
เจ้าฟ้าดินห้าทลายนั้นเป็นตัวตนที่หาได้ยากในโลกหล้าแต่ในวังพำนักของเต๋าบรรพกาลที่มีการบ่มเพาะมายาวนานนับหมื่นๆ ล้านปีเช่นนี้มันย่อมจะมีจำนวนอยู่ไม่น้อย
วิญญาณโกลาหลดั่งเดิมของเย่หยวนนั้นมันสื่อสารกับฟ้าดินได้ ไม่มียอดฝีมือคนใดที่จะหลบรอดจากสายตาของเขาไป
หลินซิวนั้นยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเหมือนคนที่กลัวจนทำอะไรไม่ถูก
แต่เวลาเดียวกันนั้นเองที่หลินเฉาเถียนก็ตามมาถึง
เขานั้นมองดูหลินซิวด้วยสีหน้าซีดขาว!
เพราะแท้จริงตัวหลินซิวนั้นไม่เหลือพลังชีวิตใดๆ แล้ว!
ดาบของเย่หยวนนั้นมันไปเร็วมาเร็วจนทำให้ศพของหลินซิวยืนนิ่งไปทั้งๆ ที่ตายลงแล้ว!
แกรก!
วินาทีต่อมาเครื่องรางเต๋าในมือของหลินซิวมันก็หักลง
อีกครึ่งหนึ่งของดาบนั้นมันยังคาอยู่ในมือเขา
จากนั้นหัวของเขาก็ค่อยๆ เลื่อนไหลตกลงสู่พื้นดิน
ตัวหลินซิวนั้นถูกตัดหัวลงไปเรียบร้อยแล้ว!
หลินเฉาเถียนนั้นสะท้านไปทั้งร่างกาย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
สังหารเจ้าฟ้าดินห้าทลายในดาบเดียว?
เพราะจะอย่างไรเสียเจ้าฟ้าดินห้าทลายนั้นก็คือตัวตนที่อยู่สูงที่สุดของโลกหล้าเป็นรองแค่เหล่าเต๋าบรรพกาล!
ต่อให้หลินซิวนั้นจะมิใช่เจ้าฟ้าดินห้าทลายที่แข็งแกร่งที่สุดแต่เขานั้นก็มิใช่คนที่จะตายลงด้วยดาบเดียวเช่นนี้
ฝีมือของเย่หยวนมันพัฒนาไปถึงระดับนี้ตั้งแต่เมื่อใด?
และในวินาทีเดียวกันนั้นเองตัวเขาก็เริ่มได้เข้าใจคำกล่าวของเย่หยวน!
ระหว่างที่เขานั้นกำลังยืนนิ่งอยู่นั้นตัวเย่หยวนก็ได้พุ่งตัวออกจากยอดเขาที่สองและมุ่งหน้าไปยังยอดเขาที่สาม!
เจ้าฟ้าดินห้าทลายตายลงอีกคน?
หลินเฉาเถียนนั้นไม่อาจจะอธิบายความตกตะลึงในจิตใจของตนได้
เต๋าบรรพกาลอย่างเขานี้กลับทำได้แค่วิ่งตามเงาของเย่หยวน?
ครั้งก่อนที่เขาจากไปนั้นเย่หยวนก็แข็งแกร่งมากแล้วแต่ไม่ได้ใกล้เคียงกับตัวเขาในเวลานี้เลย!
เวลานี้เขากลับสังหารเจ้าฟ้าดินห้าทลายลงได้ในพริบตา!
เวลานี้หลินเฉาเถียนจึงได้แต่ต้องกล่าวร้องขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ทั้งโกรธและเกรงกลัว “พอได้แล้ว! เย่หยวน บรรพกาลผู้นี้ขอยอมรับว่าเจ้านั้นมีสิทธิที่จะต่อรองกับข้าได้!”
……………………….