เย่หยวนหันไปมองดูและต้องเบิกตากว้างขึ้นอย่างประหลาดใจ
วิญญาณโกลาหลดั่งเดิมของเขานั้นสื่อสารกับฟ้าดินได้ เขานั้นย่อมจะสัมผัสถึงคนผู้นี้ได้มาตั้งแต่ก่อนหน้า
เพียงแค่ว่าตัวตนของเขาผู้นี้มันทำให้เขาตื่นตะลึงไม่น้อย
เพราะคนผู้นี้แท้จริงแล้วคือศิษย์คนโตของโอสถบรรพกาล จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อ!
หากเป็นตัวโอสถบรรพกาลเองที่ปรากฏขึ้นมานั้นเย่หยวนคงไม่แปลกใจมากมาย
แต่คนที่ปรากฏขึ้นมานี้กลับเป็นตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อ
ศิษย์คนโตผู้ดูเรียบง่ายซื่อตรงไร้พิษภัยใดๆ
ตอนที่อาณาจักรหทัยเมฆาแตกสลายลงใต้การโจมตีของเผ่าเทวานั้นศิษย์มากมายของโอสถบรรพกาลได้ตายตกลง ส่วนคนที่หนีก็หายลับไปจากโลกหล้าไม่มีข่าวคราวปรากฏให้ได้ยินได้ฟังอีก
ใครจะไปคิดว่าวันนี้จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นกลับจะมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา
เย่หยวนมองดูจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อก่อนจะกล่าว “พี่ฉางเล่อดู… ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว! ท่านติดตามพวกเรามาจนสุดท้ายและกลับยังหลบเลี่ยงจากหูตาของเหล่าเต๋าบรรพกาลไปได้!”
ฉางเล่อตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าหลบซ่อนจากการตรวจจับของท่านนักบุญฟ้าครามไม่ได้หรือ? จักรพรรดิผู้นี้ล่ะตกใจเสียจริงๆ ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นกลับแข็งแกร่งจนแม้แต่เต๋าบรรพกาลก็ยังไม่อาจจะสังหารท่านลงได้!”
หลายปีมานี้ตัวฉางเล่อเอาแต่เก็บตัวอยู่ในโลกใบน้อยตลอดมา
จนถึงช่วงไม่กี่ปีก่อนนี้ที่ฉางเล่อได้กลับขึ้นมาบนมหาพิภพถงเทียนเพื่อเผชิญทุกข์ทลาย
ตอนนี้ตัวเขาได้ดูดกลืนและเข้าใจเต๋าโอสถของโอสถบรรพกาลจนหมดสิ้นแล้ว
ฝีมือของเขานั้นมันพัฒนาขึ้นมาใกล้จนเกือบจะบรรลุระดับโอสถเต๋าได้
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้ออกตามล่าหาเป้าหมายสุดท้ายของเขา เย่หยวน!
ตราบเท่าที่เขากลืนเย่หยวนลงไปได้เขาก็ย่อมจะบรรลุขึ้นระดับโอสถเต๋าอย่างแน่นอน!
แต่ใครจะไปคิดว่าเวลานี้มันกลับเกิดเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงมากมาย? เจ้าหนุ่มที่ท้าทายโอสถบรรพกาลคนนั้นกลับกลายเป็นนักบุญฟ้าครามผู้เป็นนิรันดร์ ตัวตนที่เป็นดั่งเสาค้ำฟ้าดิน!
ตอนแรกที่ฉางเล่อได้ยินนั้นตัวเขาก็ตกตะลึงไปไม่น้อย
แต่โชคยังดีที่เย่หยวนนั้นแตกหักมีเรื่องกับเก้าเต๋าบรรพกาลทำให้เขามีโอกาสที่จะลงมือจนได้
ตัวเขานั้นเฝ้าดูเรื่องราวที่เทือกเขากำเนิดตรัสรู้มาตั้งแต่ต้นจนถึงวินาทีนี้ที่ตัวเขาได้มีโอกาสทอง
เย่หยวนนั้นกลับแยกจิตศักดิ์สิทธิ์ออกจากกายเนื้อของตนเอง!
เพราะฉะนั้นเขาจึงลอบตามหลังคนทั้งหลายมาเรื่อย
แต่ระหว่างทางมานั้นตัวเขาก็ต้องตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อยไปกว่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลาย
เต๋าบรรพกาลทั้งหกนั้นผลัดกันโจมตีทำลายเย่หยวนไปหลายต่อหลายครั้งแต่จิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนนั้นกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน!
เรื่องราวเช่นนี้มันย่อมจะเกิดกว่าที่เขาคาดคิดจินตนาการ!
เขานั้นก็อยู่มานานนับล้านปีแต่ก็ไม่เคยจะได้เห็นเรื่องราวบ้าบอเช่นนี้มาก่อน
ฆ่าไม่ตาย!
แต่ไม่นานความตกตะลึงมันก็ต้องเปลี่ยนกลายเป็นความดีใจ
เพราะเต๋าแห่งการกลืนกินของเขานั้นมันเล็งเป้าหมายไปที่จิตศักดิ์สิทธิ์
หากเขาสามารถจะกลืนจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนนี้ได้ตัวเขาก็จะกลายเป็นอมตะไปมิใช่หรือ?
ในวันหน้าจะยังต้องเกรงกลัวใดๆ เต๋าบรรพกาลอีก?
เวลานี้โลกมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เต๋าบรรพกาลนั้นมิใช่ตัวตนที่ไร้เทียมทานอีกต่อไป
แม้แต่เจ้าหมูนั้นยังจัดการเต๋าบรรพกาลได้มิใช่หรืออย่างไร?
เย่หยวนมองดูฉางเล่อพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หึๆ พี่ฉางเล่อดูจะสนใจในตัวเย่ผู้นี้มากทีเดียว”
ฉางเล่อเองก็ไม่คิดปกปิดใดๆ “เจ้าและข้านั้นต่างเป็นคนใฝ่เต๋าโอสถ ฉางเล่อผู้นี้ย่อมจะต้องสนใจในตัวเจ้าแน่แล้ว ครั้งก่อนที่อาณาจักรหทัยเมฆานั้นจักรพรรดิผู้นี้คิดอยากท้าทายน้องเย่ไม่น้อยเพียงแค่ว่าในตอนนั้นอาจารย์ข้าได้สั่งออกมาแล้วฉะนั้นฉางเล่อผู้นี้จึงไม่มีโอกาสจะได้ลงมือใดๆ สงสัยเหลือเกินว่าวันนี้น้องเย่จะช่วยสนองความปรารถนาอันยาวนานนี้ของฉางเล่อได้หรือไม่?”
เย่หยวนนั้นตกตะลึงอยู่ไม่น้อยเพราะตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนี้กลับลงทุนลงแรงมากมายแค่เพื่อจะมาท้าทายเขาดวลโอสถ?
ต่อให้ตายเย่หยวนก็ไม่คิดจะเชื่อ!
ฉางเล่อนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าท่าทางซื่อตรงแต่เมื่อเย่หยวนได้เห็นมันกลับเป็นท่าทางที่สุดแสนอันตราย
เย่หยวนนั้นไม่คิดจะตอบตกลงใดๆ ไปแต่ถามขึ้นมาก่อน “ข้าได้ยินมาว่าก่อนนั้นท่านหนีจากอาณาจักรหทัยเมฆาไปพร้อมๆ กับโอสถบรรพกาล ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแล้วเล่า?”
ฉางเล่อตอบกลับมาด้วยท่าทางไม่แยแส “ตายแล้ว!”
มุมปากของเย่หยวนกระตุกขึ้นทันที เจ้าหมอนี่กลับพูดอย่างไม่แม้แต่จะเปลี่ยนสีหน้า!
อาจารย์ของตนตายลงแท้ๆ แต่กลับพูดเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่น
จะอย่างไรโอสถบรรพกาลนั้นก็เป็นยอดคนมากพรสวรรค์ด้านโอสถที่หาตัวจับได้ยากในยุคสมัยนี้
แต่ไม่นึกฝันว่าตัวเขานั้นกลับจะตายตกลงไปอย่างไม่มีใครรู้เช่นนี้
เย่หยวนนั้นเข้าใจเรื่องราวได้ทันทีอย่างไม่ต้องเดาให้เสียเวลาใด
จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นเป็นคนที่ดูเหมือนจะภักดีซื่อตรง
เขานั้นวางท่าซื่อๆ ไร้พิษภัยแต่แท้จริงแล้วกลับเป็นยิ่งกว่างูพิษ
คนเช่นนี้มันคือคนที่ต้องจับตาเฝ้าระวังตลอดเวลา
ในอาณาจักรหทัยเมฆานั้นตัวตนของจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อมันดูไม่โดดเด่นมากมาย ดูๆ ไปแล้วอาจจะต่ำเสียยิ่งกว่าศิษย์น้องอย่างจักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูเสียด้วยซ้ำ
แต่สุดท้ายแล้วเขากลับเป็นคนที่หัวเราะทีหลังสุด!
ฉางเล่อยิ้มกล่าวขึ้นมา “น้องเย่นั้นเป็นคนฉลาด จักรพรรดิผู้นี้ก็จะไม่ขอพูดอ้อมค้อมใดๆ อีก จักรพรรดิผู้นี้ได้รับสืบทอดความรู้ทั้งหมดของอาจารย์มาแล้วและอยู่ห่างจากระดับโอสถเต๋าอีกแค่ก้าวเดียว! จักรพรรดิผู้นี้ต้องการคู่มือที่แข็งแกร่งเพื่อจะก้าวผ่านจุดนี้ไป น้องเย่จะช่วยสนองความต้องการนี้ให้ได้หรือไม่?”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น “เจ้ามาหาข้านี้เพื่อแค่จะประลองโอสถจริง?”
จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่ออดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “หากข้าอยากจัดการทำลายน้องเย่นั้นข้าคงลงมือไปนานแล้ว ทำไมต้องมาเสียเวลาพูดคุยด้วย? อีกอย่างจิตศักดิ์สิทธิ์ของน้องเย่นั้นแม้แต่เต๋าบรรพกาลยังไม่มีปัญญาทำอะไรให้ได้ เจ้ายังจะกลัวอะไรตัวข้านี้เล่า?”
เย่หยวนส่ายหัวกลับไปอย่างไม่ต้องคิดใดๆ “ขออภัย ข้านั้นไม่คิดประลองโอสถกับคนที่ทรยศอาจารย์ตน!”
หลังพูดจบเย่หยวนก็เดินหันหน้าหนีไปทันที
แต่ในเวลานั้นเองฟ้าดินมันกลับมืดมนลง
คลื่นพลังดูดกลืนหนักหน่วงดึงวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมไว้ในพริบตาทำให้เขาแทบไม่อาจขยับตัว!
วิชาการเคลื่อนไหวใดๆ ของเขานั้นมันไม่อาจจะใช้ออกมาได้สิ้น
เย่หยวนต้องหรี่ตาลงหันมามองดูทางจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อ
สิ่งที่เย่หยวนได้เห็นนั้นคือด้านหลังของฉางเล่อมันมีกงล้อสีดำสนิทกำลังค่อยๆ หมุนวนอยู่
และคลื่นพลังที่ดูดตรึงตัวเขาไว้นั้นมันก็แผ่ออกมาจากเจ้ากงล้อนี้เอง
มันเป็นกงล้อที่เหมือนจะบดขยี้ดูดกลืนทุกสิ่งอย่าง!
“หึๆ ในเมื่อเจ้าไม่คิดจะยอมเสียแต่โดยดีข้าก็คงต้องให้เจ้าฝืนยอมแล้ว! นี่คือเต๋าของข้า เต๋าแห่งการกลืนกิน! ภายในเต๋าแห่งการกลืนกินนี้มันมีคนมากกว่าสามหมื่นห้าพันเจ็ดสิบแปดคนที่ต้องตายลงด้วยเต๋านี้! หนึ่งในนั้นย่อมเป็นตัวเจ้าเฒ่าโอสถบรรพกาลด้วย หลังจากข้ากลืนกินเข้าเข้าไปแล้วจักรพรรดิผู้นี้ย่อมจะบรรลุเต๋าได้แน่นอนและก้าวขึ้นไปถึงระดับของโอสถเต๋า!” ฉางเล่อร้องกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ยังดูซื่อตรง
เพียงแค่ว่าเวลานี้รอยยิ้มเดียวกันนั้นมันกลับดูชั่วร้ายอย่างบริสุทธิ์
เย่หยวนหน้าถอดสีไปเพราะเขานั้นรู้สึกได้ว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนกำลังจะถูกดูดกลืนเข้าไปอย่างไม่อาจขัดขืน
ช่างเป็นพลังจิตศักดิ์สิทธิ์ที่รุนแรงนัก!
วิญญาณโกลาหลดั่งเดิมของเขานั้นสามารถขยับได้แม้จะถูกคลื่นพลังกดดันจากเต๋าบรรพกาลหกคน แต่มันกลับไร้พลังต่อต้านใดๆ เมื่ออยู่ต่อหน้ากงล้อสีดำทมิฬนี้!
จิตศักดิ์สิทธิ์ของฉางเล่อนี้มันคงนับได้ว่าเป็นจิตศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เย่หยวนเคยได้สัมผัสมา
เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ว่าต่อให้มันจะยังไม่ถึงระดับของวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมแต่จิตศักดิ์สิทธิ์ของฉางเล่อนี้ก็คงไม่ได้ด้อยกว่ามากมาย
ฉางเล่อนั้นกลืนกินจิตศักดิ์สิทธิ์ของยอดนักหลอมโอสถมามากมาย แน่นอนว่าจิตศักดิ์สิทธิ์ของตัวเขาเองมันก็ย่อมจะพัฒนาไปถึงระดับที่ไม่อาจจินตนาการได้
กอปรกับยอดเต๋าแสนประหลาดของเขานี้มันยิ่งทำให้เย่หยวนรู้สึกถึงภัยอันตราย
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโอสถบรรพกาลยังตายตกลงไปด้วยมือของฉางเล่อ
หากถูกลอบโจมตีด้วยพลังเช่นนี้แล้ว แม้แต่โอสถบรรพกาลเองก็คงไม่อาจต้าน
หากเวลานี้เย่หยวนยังมีร่างกายพร้อมเขาก็คงจะสังหารฉางเล่อลงได้ด้วยแค่ดาบเดียว
น่าเสียดายที่เวลานี้เขาเป็นแค่จิตศักดิ์สิทธิ์ร่างวิญญาณ!
เย่หยวนนั้นไม่นึกฝันว่าในมหาพิภพถงเทียนนี้มันจะยังมีใครที่เป็นภัยต่อวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมของเขาได้อีก
ครืน…
มืดสีดำสนิทโผล่ออกมาจากกงล้อสีดำนั้นพร้อมจับร่างของเย่หยวน
เจ้ามือสีดำนี้มันเหมือนมีพลังเวทมนตร์ทำให้เย่หยวนไม่อาจจะขยับร่างกายได้แม้แต่น้อย
ฉึก!
เจ้ามือนั้นแทงเข้าไปกลางร่างวิญญาณจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวน
เย่หยวนเบิกตากว้างเพราะสัมผัสได้ว่าพลังจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนนั้นกำลังหลั่งไหลออกไปราวสายน้ำอย่างไม่อาจห้าม!
…………………………