“จิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าหมอนี่มันก้าวขึ้นไปถึงระดับใดกันแน่? แม้แต่สายฟ้าทลายล้างเองก็ยังไม่อาจจะทำอันตรายใดๆ มันได้?” เต๋าบรรพกาลไฟกล่าวขึ้นด้วยความตกตะลึง
“มันเป็นคนที่บ้าจริง! คิดบรรลุเมื่อใดไม่เคยจะเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา!” หลินเฉาเถียนกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าเหยเก
ส่วนทางด้านเทียนชิงก็ได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่นกล่าวขึ้น “ฉิบหาย! มันกำลังใช้สายฟ้าทลายล้างตีหลอมร่างกายของมันและจะบรรลุอาณาจักรปราณเทวะไปพร้อมๆ กัน! เจ้าหมอนี่มันเกินกว่าคำว่าสัตว์ประหลาดไปไกลแล้ว!”
นอกจากตัวเย่หยวนแล้วมันย่อมจะไม่มีใครกล้าทำเรื่องเช่นนี้
ไม่ว่าจะเป็นเต๋าบรรพกาลอันสูงส่งหรือเทียนชิงที่เป็นเต๋าสวรรค์สิบลายนี้ก็ยังไม่กล้าจะทำ
สายฟ้าทลายล้างนั้นมันคือสิ่งที่จำทำลายทุกสิ่งอย่าง!
ต่อให้จะเป็นตัวตนที่สูงล้ำโลกแค่ไหนต่อหน้าพลังของสวรรค์มันก็ยังไร้ค่า
เวลานี้เหล่าบรรพกาลทั้งหลายนั้นได้แต่มองดูเรื่องราวด้วยใบหน้าแปลกประหลาดไม่อาจจะอ่านออกได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ภายในกันแน่
การต่อสู้ที่วางแผนกันมาแสนนานสุดท้ายมันกลับถูกคนผู้เดียวนี้มาขัดไว้ได้!
ทางด้านฝ่ายมนุษย์ทั้งหลายนั้นพวกเขาต่างถอนหายใจยาวด้วยความโล่ง
หากมิใช่เพราะการปรากฏตัวของเย่หยวนนั้นแล้วคนทั้งหลายที่อยู่ใต้อาณาจักรเจ้าฟ้าดินลงมาคงได้ตายสิ้น
เพราะพื้นที่การต่อสู้ของยอดคนระดับเต๋าบรรพกาลนั้นมันย่อมกว้างใหญ่มหาศาลพวกเขาไม่มีทางจะหลบพ้นได้เลย
ไหนจะยังเรื่องที่ว่าพวกเขานั้นตกอยู่ภายใต้วิชาภาพลวงจนไม่อาจขยับตัวได้นั้นอีก
“ท่านเทียนชิง เช่นนี้เราจะทำอย่างไรกัน?” บรรพบุรุษตระกูลสายเลือดลึก หยวนเซี่ยวขมวดคิ้วถามขึ้น
เทียนชิงนั้นหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้น “ข้าก็อยากจะรู้ว่ามันนั้นจะเก่งกาจขึ้นไปได้สักเท่าใด! เรานั้นรอคอยมาแสนนานเพื่อสงครามครั้งนี้ จะมายอมแพ้ง่ายๆ ไม่ได้!”
เหล่าบรรพบุรุษทั้งหลายที่ได้ยินต่างพยักหน้ารับ
การจะให้พวกเขายอมแพ้กลับลงมิตินรกไปเพราะเรื่องแค่นี้มันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่!
ที่สำคัญไปกว่านั้นเวลานี้เผ่าเทวาได้มียอดฝีมือสิบลายคนที่สองขึ้นมาแล้ว กำลังของพวกเขาทั้งหลายมันย่อมจะไม่อาจเทียบเคียงกับก่อนหน้าได้ ไม่มีอะไรให้ต้องเกรงกลัวอีก
ตูม!
เปรี๊ยะ!
ลม ฝน สายฟ้าต่างพุ่งผ่านกันไปมาอย่างบ้าคลั่ง
โดยจุดศูนย์กลางของมันนั้นมีตัวเย่หยวนกำลังยืนนิ่งอยู่
สภาพของเขาในเวลานี้มันเหมือนเรือน้อยที่เผชิญคลื่นยักษ์
แต่ไม่ว่าคลื่นนั้นมันจะรุนแรงสักแค่ไหน เรือน้อยนั้นกลับแล่นไปอย่างมั่นคง!
พร้อมๆ กันนั้นพลังของกายเนื้อและปราณเทวะของเขามันก็พุ่งทะยานอย่างบ้าคลั่ง
สำหรับตัวเขาแล้วพลังงานวิญญาณที่ต้องการใช้เพื่อบรรลุนั้นมันมากมายเกินกว่าจะหาได้
หากบ่มเพาะไปตามปกติ ไม่รู้ว่ากว่าเขาจะก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรการกำเนิดขั้นปลายนั้นมันต้องใช้เวลากี่ล้านๆ ปี
แต่ช่วงการกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์นี้มันเป็นเวลาทองของเขา
“หึ วิญญาณโกลาหลดั่งเดิมมันช่างมีประโยชน์เสียจริงๆ! แม้ว่าข้านั้นจะยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรกันแน่แต่ที่แน่ๆ คือมันแข็งแกร่งมาก!” เย่หยวนยิ้มขึ้นมา
เพราะฟังจากความตกตะลึงในน้ำเสียงของคนผู้นั้นแล้ววิญญาณโกลาหลดั่งเดิมนี้เองก็คงมิใช่ของธรรมดาๆ แม้แต่ในระดับของมัน
หากลองดูในตอนนี้แล้ววิญญาณโกลาหลดั่งเดิมนั้นนอกจากจะไม่มีวันแตกสลายแล้วมันยังสามารถทนรับได้แม้แต่สายฟ้าทลายล้าง
สายฟ้าทลายล้างที่ไม่ว่าจะเป็นเต๋าบรรพกาลหรือยอดฝีมือสิบลายก็ไม่กล้าจะเข้าใกล้ เย่หยวนนั้นกลับยืนรับมันได้สบายๆ
ที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังไม่ได้ดึงพลังทั้งหมดออกมาใช้เสียด้วยซ้ำเพราะว่าเขาต้องการให้สายฟ้าทลายล้างนั้นมันเข้ามาถึงตัวได้บ้างจะได้ใช้มันตีหลอมกายเนื้อให้พัฒนา
ด้วยพลังของสายฟ้าทลายล้างนี้มันย่อมจะเหมาะสมในการตีหลอมพัฒนาร่างกายของเขาอย่างมาก
ร่างกายของเย่หยวนนั้นมันก้าวผ่านทุกขจุติระดับเก้าขึ้นมาถึงกายทองคำสัมบูรณ์ระดับเก้าแล้ว
แต่หลังจากขึ้นมาถึงระดับเก้านั้นการพัฒนาใดๆ มันกลับช้าลงไปมาก
เพราะว่าบนโลกหล้านี้มันไม่มีอะไรที่จะสามารถช่วยพัฒนาร่างกายของเขาไปได้มากกว่านี้
เวลานี้ด้วยพลังของสายฟ้าทลายล้างมันจึงเหมาะสมที่สุดที่จะใช้เพื่อหลอมให้กายทองคำสัมบูรณ์ของเขาพัฒนาไปถึงระดับเก้าขั้นสุด
เวลานี้พลังของเขามันพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง
พร้อมๆ กันนั้นมันก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาลในพิภพโกลาหลของเย่หยวน
เวลานี้ทั้งดวงจันทร์ตะวันและดวงดาว ภูเขาแม่น้ำทะเลนั้นมันต่างเริ่มแบ่งแยกกันอย่างชัดเจนมากขึ้น
เมื่อเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าได้เห็นภาพนี้พวกเขาต่างก็ได้แต่ต้องหรี่ตามองด้วยความอิจฉา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวหลินเฉาเถียนที่อิจฉาจนแทบคลั่ง
เขานั้นเสียเวลามากมายไปกับการศึกษาเขาน้อยแห่งถงเทียน แต่สุดท้ายมันกลับเสียเวลาเปล่า!
“เจ้าหมอนี่มันสร้างวรยุทธบ่มเพาะแบบใดขึ้นมากันแน่? ความโกลาหลที่เกิดขึ้นจากการบรรลุของมันนี้จะไม่ยิ่งใหญ่เกินไปหน่อยหรือ?!” เต๋าบรรพกาลไฟกล่าวขึ้นมา
เพราะความโกลาหลที่เกิดขึ้นจากการบรรลุของเย่หยวนนั้นมันรุนแรงจนพวกเขายังแทบยืนทนรับไม่ไหว
แม้จะอยู่สูงไกลไปเสียดฟ้าแต่แรงกดดันที่เกิดขึ้นมานั้นมันก็ยังทำให้จิตใจของผู้คนสั่นไหว
“ข้านั้นไม่รู้เลยจริงๆ ว่ามันเป็นวรยุทธบ่มเพาะใดที่ทำให้เกิดพลังโลกที่หนักแน่นได้ปานนี้! ข้ารู้สึกได้ว่ามันย่อมจะแตกต่างจากพวกเราไปสิ้นเชิง! มันนั้นไม่จำเป็นต้องเผชิญทุกข์ทลายใด!” หลินเฉาเถียนกล่าวขึ้น
ไม่ว่าหลินเฉาเถียนนั้นจะคิดไปเท่าไหร่เขาก็ไม่อาจจะนึกได้เลยว่าเย่หยวนนั้นใช้พลังสมองของตนเองสร้างโลกใบน้อยที่เทียบเคียงมหาพิภพถงเทียนได้ขึ้นมา
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้แต่ต้องอิจฉา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดสุดท้ายคลื่นพลังของเย่หยวนมันก็ไปถึงจุดสูงสุดและไม่อาจจะเพิ่มไปได้มากกว่านี้แล้ว
ในเวลานี้บัญญัติเทพแห่งถงเทียนมันได้พัฒนามาจนถึงขั้นสุด!
แต่เย่หยวนนั้นยังไม่อาจจะวาดแผนใดๆ ของอาณาจักรต่อไปได้เลย
เขานั้นพยายามศึกษาเขาน้อยแห่งถงเทียนมานานแต่ก็ยังไม่อาจจะคาดเดาได้ว่าต้องเดินไปทางไหนต่อ
มันเหมือนทุกสิ่งอย่างได้จบลงเพียงเท่านี้
แต่เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ว่าวรยุทธบ่มเพาะของเขานี้มันยังจะสามารถบรรลุขึ้นไปได้สูงกว่านี้
เย่หยวนลองตรวจสอบดูในโลกใบน้อยของตนและพบว่าทุกสิ่งอย่างมันได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว
มหาพิภพนี้มันกลายเป็นมหาพิภพอย่างสมบูรณ์!
แต่เย่หยวนนั้นกลับต้องขมวดคิ้วแน่นบ่นขึ้นมากับตนเอง “โลกของข้ามันยังขาดอะไรไปอยู่! ใช่แล้ว แม้ว่ามันจะเป็นโลกที่แข็งแกร่งแค่ไหนแต่มันกลับไร้ซึ่งชีวิตใดๆ แม้แต่น้อย! ไม่มีดอกไม้ใบหญ้า ไม่มีนกไม่มีสัตว์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักยุทธใดๆ เพราะต่อให้จะโยนนักยุทธลงไปในโลกของข้านั้นพวกเขาก็คงไม่อาจจะบ่มเพาะใดๆ กันได้! แต่ต้องทำอย่างไรมันจึงจะให้กำเนิดชีวิตได้เล่า?”
เย่หยวนนั่นรู้สึกว่าเรื่องนี้มันคือกุญแจสู่อาณาจักรต่อไป
เพียงแค่ว่าเขานั้นไม่รู้เลยว่าปัญหามันอยู่ที่ใดกันแน่
การสร้างโลกนั้นมันไม่ได้ง่ายที่แค่คิดว่าให้มีแสง แสงก็จะเกิดขึ้นมา
หากมันง่ายเช่นนั้นแล้วเย่หยวนคงไม่ต้องลำบากตรากตรำมาจนป่านนี้
แม้ว่าเวลาที่เขาบ่มเพาะมามันจะไม่ได้ยาวนานแต่ประสบการณ์ของเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าคนทั่วๆ ไปอย่างไม่อาจเอามาเทียบ
แค่เรื่องการสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนขึ้นมานี้มันก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจมีใครเข้าใจได้แล้ว
“เวลานักยุทธคนอื่นๆ บ่มเพาะนั้นตราบแค่บรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าได้พวกพวกเขาก็จะสร้างโลกพร้อมชีวิตขึ้นมา แต่โลกของข้ามันกลับไม่เป็นเช่นนั้น! แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งมากมายแต่มันกลับยังขาดอะไรบางอย่างไป!” เย่หยวนกล่าวขึ้นมา
“ช่างเถอะ ค่อยๆ คิดไประหว่างทาง เวลานี้พลังแนวคิดต่างๆ ของข้าเองก็ยังไม่สมบูรณ์ หลังจากบรรลุพลังกฎไปแล้วข้าคงไม่ต้องเกรงกลัวใครในมหาพิภพถงเทียนนี้อีก!”
หลังจากที่พิภพโกลาหลนั้นมันพัฒนาจนสมบูรณ์แล้วกำลังของเย่หยวนก็ย่อมจะพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ
เวลานี้เจ้าฟ้าดินห้าทลายทั่วๆ ไปไม่อาจจะเทียบเคียงพลังของเขาได้แล้ว
มีแต่เต๋าบรรพกาลที่ดึงพลังของกฎมาใช้เท่านั้นที่จะพอต่อสู้กับเขาได้
เย่หยวนก้าวและค่อยๆ ร่อนตัวกลับลงมาสู่พื้นโลก
เขานั้นหันไปมองเทียนชิงก่อนจะกล่าวขึ้น “เทียนชิง ข้านั้นไม่มีปัญหาใดหรอกที่เผ่าเทวาเจ้าจะกลับขึ้นมาบนมหาพิภพถงเทียน! แต่หากเจ้าคิดจะทำให้ทุกข์ชีวิตต้องทนทุกข์ทรมานหรือคิดจับคนหลากเผ่าพันธุ์ไปเป็นทาสอีก เย่ผู้นี้จะเป็นคนสังหารเจ้าด้วยมือคู่นี้เอง!”
คำพูดนี้มันก็ถือเป็นการปกป้องเต๋าบรรพกาลทั้งเก้าไปด้วย
เพราะแม้เย่หยวนจะมีเรื่องบาดหมางกับคนทั้งหลายนี้แต่พวกเขาก็ยังจะตายไม่ได้
หากไม่มีพวกเขาแล้ว คนหลากเผ่าพันธุ์คงได้ไร้ที่พึ่งพิงแน่
เพราะลำพังแค่กำลังของตัวเขาคนเดียวในเวลานี้นั้นมันยังไม่มากพอที่จะทำลายเผ่าเทวาลงให้สิ้น
แต่มันก็มากพอจะทำให้เผ่าเทวาเกรงกลัวเขาได้!
แต่คำพูดของเย่หยวนนั้นมันย่อมฟังดูโอหังจนถึงที่สุด
บอกว่าจะสังหารยอดคนอันดับหนึ่งของเผ่าเทวาลงด้วยตัวเอง มันคงมีแต่เย่หยวนที่กล้าพูดเช่นนี้ออกมา
แน่นอนว่าเมื่อเทียนชิงได้ยินนั้นเขาก็ต้องหัวเราะลั่นขึ้นมา “ฮ่าๆๆ… เย่หยวน มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้านั้นมีปัญญาพอที่จะทำอย่างที่พูดหรือไม่!”
เย่หยวนที่ได้ยินก็พยักหน้ารับ “เจ้าก็เข้ามาลองดูได้ว่าข้ามีปัญญาทำตามที่พูดหรือไม่!”
…………………………