“ข-แข็งแกร่งนัก! เต๋าบรรพกาลไฟและเต๋าบรรพกาลชีวิตสองคนร่วมมือกันกลับไม่อาจจะกักขังท่านไว้ได้ด้วยซ้ำ!”
“จัดการเต๋าบรรพกาลไฟไปด้วยกระบวนท่าเดียว! ท่านนักบุญฟ้าครามในตอนนี้ช่างมีกำลังสมชื่อฐานะอันสูงส่ง”
“ใช่แล้ว! การที่ท่านนักบุญฟ้าครามบรรลุเต๋านั้นมันนับเป็นบุญของผู้คนทั้งหลายแล้ว!”
…
หลังจากความตื่นตะลึงจางลงมันก็มีเสียงชื่นชมโห่ร้องเข้ามาแทนที่
เต๋าบรรพกาลชีวิตนั้นกลับยอมจะจบเรื่อง!
การข่มขู่นี้มันได้ผล
เย่หยวนนั้นมีกำลังมากพอที่จะเทียบเคียงกับตัวเขาได้อย่างไม่ด้อยกว่าแล้ว
หลินเฉาเถียนนั้นกลัววันนี้มาตลอดรู้ดีว่ามันจะมาถึงแต่ก็ไม่นึกฝันว่ามันจะมาถึงได้อย่างรวดเร็วปานนี้
ไม่นานก่อนหน้านี้เย่หยวนได้รับฉายาว่าเป็นนักบุญฟ้าครามแต่ตัวเขาแท้จริงนั้นไม่มีกำลังฝีมือสมควรกับตำแหน่งที่สูงส่งนั้น
แต่เวลานี้ตัวเย่หยวนนั้นเอาชนะเต๋าบรรพกาลไฟด้วยกระบวนท่าเดียวเรียกได้ว่ามีฝีมือเทียบเคียงเต๋าบรรพกาลชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดได้ เวลานี้เขาจึงมีทั้งชื่อเสียงและกำลังสมเป็นนักบุญฟ้าครามอย่างแท้จริง!
เขานั้นคือนักบุญฟ้าครามผู้สร้างตำนานอันเป็นนิรันดร์!
ตูม!
แต่ทว่าในเวลาเดียวกันนั้นเองมันก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น!
พลังหมัดรุนแรงสายหนึ่งมันพุ่งทะลวงผ่านกลางคนทั้งหลายมาตกใส่ร่างของเต๋าบรรพกาลไฟที่นอนดิ้นอยู่บนพื้นจนร่างแหลกเหลว
เต๋าบรรพกาลไฟนั้นกลับตายตกลงไปง่ายๆ เช่นนี้!
คนทั้งหลายนั้นตกตะลึงอย่างมากต้องเปิดอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
“หึๆ พวกอ่อนแอนั้นมันไม่มีค่าจะใช้ชีวิตต่อหรอก แทนที่จะอยู่อย่างน่าสมเพชสู้ให้บรรพบุรุษผู้นี้ส่งเจ้าไปนรกดีกว่า” เทียนชิงหัวเราะลั่นขึ้น
หมัดนี้มันย่อมเป็นหมัดของเทียนชิงแล้ว
เต๋าบรรพกาลไฟวิญญาณผู้ปกครองมหาพิภพมาถึงหนึ่งยุคสมัยนั้นกลับต้องมาตายลงหน้าเขาแห่งถงเทียนเช่นนี้!
ก่อนหน้านี้เย่หยวนเล่นงานเต๋าบรรพกาลไฟจนบาดเจ็บสาหัส คนทั้งหลายตื่นตะลึงกับฝีมืออันเหนือล้ำของเย่หยวน
แต่ความตายของเต๋าบรรพกาลไฟนี้มันก็ยังสร้างความแตกต่างให้คนทั้งหลายได้อย่างมาก
คนทั้งหลายได้รู้แล้วว่ายุคสมัยแห่งการเปลี่ยนถ่ายมันได้มาถึงแล้ว!
ในยุคสมัยนี้ แม้แต่เต๋าบรรพกาลเองก็ตายลงได้!
เย่หยวนหันไปมองเทียนชิงด้วยใบหน้านิ่งเฉย ไม่ได้ต่อว่าใดๆ ออกไป
เต๋าบรรพกาลไฟนั้นคือขี้ข้าของหลินเฉาเถียน ต่อให้จะตายไปเย่หยวนก็คงไม่คิดสงสารให้มากมาย
เวลานี้กำลังฝีมือของตัวเขาเองก็พัฒนาขึ้นไปอย่างมาก เรื่องที่ต้องพึ่งพาเต๋าบรรพกาลทั้งหลายเองนั้นมันก็ไม่จำเป็นเหมือนแต่ก่อน
ที่สำคัญไปกว่านั้นคืออีกไม่นานจากนี้มันคงได้มีเต๋าบรรพกาลคนใหม่ถือกำเนิดขึ้น
เต๋าบรรพกาลไฟจะตายหรือไม่มันก็ไม่สำคัญใด
แต่หลินเฉาเถียนและเต๋าบรรพกาลคนอื่นๆ ทั้งเจ็ดต่างสั่นสะท้านไปทั้งกายเมื่อเห็นเต๋าบรรพกาลไฟตายลงตรงหน้า
หลินเฉาเถียนนั้นร้องตะโกนขึ้นมาทันที
“เย่หยวน! เจ้าคิดสมคบกับเผ่าเทวาสังหารเต๋าบรรพกาลของเผ่าพันธุ์เรา! เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!” หลินเฉาเถียนร้องลั่นขึ้นมา
เย่หยวนหันกลับไปมองหลินเฉาเถียนพร้อมกล่าวตอบกลับไป “เทียนชิงฆ่าคนแต่เจ้ากลับไม่กล้าจะไปด่าว่ามัน เลยหันมาด่าว่าข้าแทน? เรื่องนี้มันเกิดขึ้นก็เพราะพวกเจ้า เวลานี้เต๋าบรรพกาลไฟมันตายลงแล้วเจ้าก็ยังจะมาคิดโทษข้า? เจ้าคิดว่าผู้คนทั้งหลายนั้นไม่มีสมองกันเลยหรือ?”
วินาทีที่เย่หยวนมาถึงนั้นหลินเฉาเถียนและเต๋าบรรพกาลไฟก็บ้าคลั่งเข้าโจมตีเขา
ตัวเย่หยวนนั้นแต่ตอบโต้กลับไป เวลานี้หลินเฉาเถียนนั้นกลับจะมาโทษความผิดใส่เขา
น่าขันเสียจริง!
หลินเฉาเถียนนั้นตอบกลับมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เด็กน้อย เจ้ารอก่อนเถอะ! เราจะได้แสดงฝีมือที่แท้กันบนเขาแห่งถงเทียน!”
พูดจบเขานั้นก็เดินสะบัดหน้าหนีไป
ครืน…
วินาทีเดียวกันนั้นเองมันก็เกิดคลื่นพลังรุนแรงไหลออกมาจากเขาแห่งถงเทียน
พร้อมๆ กันการปรากฏขึ้นของประตูแสงบานยักษ์
เขาแห่งถงเทียนมันเปิดออกแล้ว!
หลินเฉาเถียนหรี่ตาลงมองก่อนจะร้องสั่ง “ไป!”
เขารีบขยับร่างพุ่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูแสง
หลินเฉาเถียนนั้นหยิบตราถงเทียนขึ้นมาถือไว้ในมือก่อนจะเดินผ่านประตูแสงไป
ดูแล้วเขาคงไม่กล้าจะชักช้ารอไปมากกว่านี้
เต๋าบรรพกาลทั้งเจ็ดนั้นเองก็ตามติดไปเข้าสู่เขาแห่งถงเทียนทันที
เทียนชิงนั้นหันกลับมามองเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “เจ้าก็ชักช้าเหลือเกินนะ เจ้าไม่กลัวพวกมันจะแย่งเอาตำแหน่งเต๋าบรรพกาลไปหมดหรือ?”
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “ข้านั้นไม่สนใจตำแหน่งเต๋าบรรพกาลใดๆ”
เทียนชิงนั้นแทบสำลักเมื่อได้ยิน “ไม่สนใจ? หึๆ น่าสนนี่! เจ้ารู้หรือไม่ว่าบรรพบุรุษผู้นี้จะมีกำลังเพิ่มขึ้นไปอีกแค่ไหนหากข้าได้เป็นเต๋าบรรพกาล?”
เย่หยวนยิ้มขึ้นตอบ “แนวคิดแห่งห้วงมิติและเต๋าค่ายกลของข้านั้นมันก็แทบจะบรรลุถึงระดับกฎแล้วเช่นกัน!”
เทียนชิงที่ได้ยินนั้นแทบต้องกระอักเลือดออกมา เดิมทีเขานั้นคิดจะเยาะเย้ยเย่หยวนแต่กลับถูกเย่หยวนตอกสวนจนแทบกระอัก
“เจ้าหมอนี่ ไม่น่ารักเสียเลยจริงๆ! ไปเถอะ!” เทียนชิงนั้นสั่งขึ้นมาก่อนจะเดินนำเข้าเขาแห่งถงเทียนไป
หลังจากเผ่าเทวาเข้าไปจนหมดสิ้นแล้วเย่หยวนก็กล่าวขึ้นมากับกลุ่มคนทั้งหลาย “หลังจากเข้าเขาแห่งถงเทียนไปแล้วพวกเจ้าทั้งหลายจงใช้กำลังฝีมือของตนเองหาโชคของตนเถอะ! ข้าจะบอกเรื่องนี้อีกครั้ง ใครที่ช่วยหาหยาดชีวาให้ข้าได้นั้นข้าจะช่วยคนผู้นั้นให้ได้รับตำแหน่งเต๋าบรรพกาล!”
เจ้าฟ้าดินนับร้อยๆ นั้นต่างกล่าวรับกันขึ้นมาพร้อมๆ กัน “ขอรับท่านนักบุญฟ้าคราม!”
เดิมทีนั้นเย่หยวนย่อมจะไม่คิดอยากเข้าร่วมศึกแย่งชิงตำแหน่งเต๋าบรรพกาลใดๆ
แต่สุดท้ายนั้นเขาก็ยังต้องฟังคำแนะนำของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ไว้
อย่างน้อยๆ ด้วยหูตาของคนนับร้อยๆ นี้ พวกเขาก็จะช่วยเพิ่มโอกาสหาหยาดชีวาได้อีกมาก
ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นตัวเย่หยวนไม่คิดสนใจ
เมื่อก้าวมาถึงหน้าประตูแสงนั้นเย่หยวนก็หยุดเท้าลงด้วยความรู้สึกอันหลากหลายในใจ
หลังจากพยายามนานหลายต่อหลายปี ในที่สุดเขาก็มาถึงขั้นนี้ได้
เย่หยวนนั้นค่อยๆ กดความรู้สึกที่พลุ่งพล่านนั้นลงก่อนจะก้าวผ่านประตูแสงไป
เบื่อหน้าของเขานั้นมันคือม่านหมอกสีเทาส่วนบนท้องฟ้านั้นมันมีสายฟ้าพุ่งผ่านไปมาอย่างรุนแรง
เย่หยวนที่ได้เห็นถึงกับต้องขมวดคิ้วแน่น ภาพตรงหน้าของเขานี้มันเหมือนสภาพในหมอกแบ่งอาณาจักรเลยมิใช่หรือ?
“มีอะไรหรือเย่หยวน?” มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก้าวขึ้นมาถามเมื่อเห็นสีหน้าแปลกประหลาดนั้นของเย่หยวน
เย่หยวนจึงตอบกลับไป “การกำเนิดแห่งเต๋าสวรรค์ ม่านหมอกที่กั้นแต่ละอาณาจักรบนเขาแห่งถงเทียน ข้าคิดว่า… มันจะเป็นการสับเปลี่ยนของพลังกฎเสียอีก! ดูท่าแล้วในแต่ละยุคสมัยนั้นมันก็จะแตกต่างกันไป”
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นถามขึ้นมาทันที “นี่… นี่คือสภาพภายในหมอกกั้นอาณาจักร?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ข้านั้นเคยเข้าไปในหมอกกั้นอาณาจักรนั้นมาก่อนและมันเป็นภาพเช่นนี้จริง”
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นหันมามองเย่หยวนอย่างไม่รู้จะกล่าวอะไร
เจ้าหมอนี่มันสัตว์ประหลาดโดยแท้!
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นลองสัมผัสหมอกนั้นดูแต่สีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนไปทันที “ให้ตายสิ ที่แห่งนี้มันมีพลังแห่งยอดเต๋ากดดันอยู่สิ้น! เราไม่อาจจะเหินบินหรือมุดห้วงมิติใดๆ ได้เลย เช่นนี้คงได้แต่ต้องเดินเท้าไป เหมือนดั่งถูกขังไว้ในกรงใหญ่!”
เย่หยวนผงะหน้าไปเล็กน้อย “จริงหรือ?”
พูดจบเขานั้นก็กระโดดขึ้นพุ่งตัวไปหลายเมตร
จากนั้นเขาก็ดีดตัวขึ้นไปสูงในอากาศ
วินาทีเดียวกันนั้นมันก็ปรากฏสายฟ้าพุ่งเข้ามาแต่เย่หยวนนั้นกลับเอามือจับสายฟ้านั้นไว้
เจ้าหมูสมบัติที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานั้นทำจมูกฟุดฟิดขึ้นก่อนจะกินสายฟ้านั้นลงไปและทิ้งตัวนอนลงอีกครั้ง
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นต้องอ้าปากค้างมองดูภาพตรงหน้าราวกับได้เห็นผี
เจ้าสองคนนี้มันมิใช่มนุษย์แล้ว!
เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้และคนอื่นๆ ได้เห็นเช่นนั้นบ้างพวกเขาต่างก็อ้าปากค้างขึ้นมาตามๆ กัน
“เจ้า… เจ้าทำได้อย่างไรกัน? นี่เจ้าไม่ถูกพลังของยอดเต๋ากดดันไว้จริงๆ หรือ?” มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลร้องลั่นขึ้น
“ท่านนักบุญฟ้าครามจะสุดยอดเกินไปแล้ว! เขานั้นกลับสามารถเหาะเหินบนเขาแห่งถงเทียนได้!”
“สัตว์ประหลาด! สัตว์ประหลาดโดยแท้!”
“การสามารถจะมุดห้วงมิติ สามารถจะเหาะเหิน มันย่อมทำให้คนผู้นั้นไร้เทียมทานบนเขาแล้ว!”
“คิดถูกจริงๆ ที่เลือกจะติดตามท่านนักบุญฟ้าครามมา!”
…
เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็ต้องร่ำร้องขึ้นด้วยความตกตะลึง
วินาทีที่พวกเขาเข้ามานั้นพวกเขาทั้งหลายต่างถูกพลังยอดเต๋ากดหัวไว้จนแทบกลายเป็นคนธรรมดาไป
ใครจะไปนึกฝันว่าเย่หยวนนั้นกลับไม่ถูกผูกมัดใดๆ ไว้แม้แต่น้อย?
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “โลกใบน้อยของข้ามันพิเศษ พลังยอดเต๋านั้นมันกดหัวข้าไว้ไม่ได้หรอก”
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นยิ้มแห้งๆ ออกมา “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงไม่คิดสนใจแม้แต่ตำแหน่งเต๋าบรรพกาล!”