“นี่มัน… นี่มันจะไม่แข็งแกร่งเกินไปหรือ?”
“ยอดฝีมือระดับมหาบรรพกาลถึงห้าคน! อีกฝ่ายนั้นเป็นยอดฝีมือระดับมหาบรรพกาลถึงห้าคน! แค่หนึ่งในนั้นกลับตายลงง่ายๆ เช่นนี้?”
“เดิมทีก่อนหน้าข้าก็คิดไปว่าเอกภพนั้นคือสุดยอดวิชาไม้ตายของท่านนักบุญฟ้าครามแล้ว แต่ใครจะไปคิดกันเล่าว่าท่านนั้นยังจะมีอะไรที่เหนือล้ำกว่านั้นเก็บซ่อนไว้อีก!”
…
เหล่าเจ้าฟ้าดินทั้งหลายที่อยู่รอบๆ นั้นต่างมองดูเรื่องราวด้วยปากอ้าค้าง
สองขั้วที่เย่หยวนใช้ออกมานี้มันสังหารเต๋าบรรพกาลน้ำลงและประกาศถึงยุคสมัยใหม่!
เต๋าบรรพกาลเองก็ตายลงได้!
ในความเป็นจริงนั้นสองขั้วนี้เองจะนับว่าเป็นวิชากระบวนท่าใหม่มันก็มิเชิง เพราะแท้จริงนั้นมันเป็นเพียงแค่การปรับใช้เอกภพในรูปแบบหนึ่ง
เอกภพนั้นเป็นวิชาที่ครอบจักรวาลอย่างแท้จริง!
เพราะฉะนั้นตัวเอกภพมันจึงเรียบง่ายและแข็งแกร่งไร้ซึ่งช่องว่างใดๆ
แต่ทว่าวิชานี้มันก็ต้องแลกมาด้วยความเฉียบคมและพลังโจมตีที่เหนือล้ำของเต๋าดาบ
ส่วนสองขั้วนั้นมันคือวิชาที่ปรับเปลี่ยนมาจากเอกภพ
มันคือการแบ่งเอกภพออกเป็นสองฝั่งขั้ว
เมื่อทั้งสองขั้วนั้นเริ่มหมุนวนมันก็จะทำให้เกิดแรงตัดอันมหาศาลทำการผลักดันพลังโจมตีของเต๋าดาบออกมาจนถึงขีดสุด
เพราะฉะนั้นวิชานี้มันจึงได้รุนแรงจนถึงขั้นน่ากลัว
แน่นอนว่าการเปลี่ยนเอกภพมาเป็นสองขั้วมันต้องแลกพลังการป้องกันอันสมบูรณ์นั้นทิ้งไป
แต่เรื่องนั้นย่อมไม่เป็นปัญหากับเย่หยวน
เขานั้นมีร่างกายที่ก้าวถึงระดับของมหาบรรพกาล มีใครในโลกหล้านี้เล่าจะยังเทียบเคียงเขาได้?
แม้แต่ร่างกายของเทียนชิงเองก็ยังไม่อาจเทียบเคียงกับเย่หยวนได้เช่นกัน!
ในเวลานี้เย่หยวนยังสามารถใช้ทักษะเทวะภายในของมังกรบรรพกาล เกราะมายามังกรฟ้าขึ้นมาได้อีกอย่าง!
เกราะมายามังกรฟ้านั้นมันคือสุดยอดวิชาป้องกันในหมู่ทักษะเทวะภายในทั้งหลาย
เขานั้นรับมือการโจมตีของยอดคนไว้ถึงห้าคนพร้อมๆ กันและปล่อยวิชาดาบอันสุดแสนคมกริบเข้าสังหารเต๋าบรรพกาลน้ำและไล่คนที่เหลือทั้งสี่จนหนีหาย มันเป็นเรื่องที่คนทั้งหลายแทบไม่อยากเชื่อสายตา!
ภาพนี้มันทำให้พวกเขาสั่นสะท้านลงไปถึงขั้วหัวใจ
“นี่มัน… ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นได้ครอบครองผลึกแห่งกฎไปสองจากเก้าชิ้น! ในการแย่งชิงตำแหน่งเต๋าบรรพกาลครั้งนี้เขาคงเรียกได้ว่าอยู่ในตำแหน่งไร้พ่ายแล้ว!” มีเสียงคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมา
ผลึกแห่งกฎนั้นมันเป็นอะไรที่สุดแสนล้ำค่า!
ในการแย่งชิงตำแหน่งเต๋าบรรพกาลครั้งก่อนมันมียอดฝีมือเจ้าฟ้าดินตายลงไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
การสังหารที่เกิดขึ้นบนนี้มันหนักหนามากล้นกว่าสงครามใดๆ
พลังจากศึกครั้งนั้นมาฝ่ายมนุษย์ก็ต่างแตกแยกกันไปคนละทิศละทางไม่อาจรวมกำลังกันได้อีก!
แต่เวลานี้เย่หยวนกลับได้กลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่
ที่ด้านข้างนั้นมันมีคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาตาม “ด้วยกำลังของท่านนักบุญฟ้าครามในเวลานี้เมื่อผลึกแห่งกฎตกไปถึงมือท่านเมื่อใดมันก็คงไม่มีใครแย่งชิงไปได้แน่! ต่อให้จะเป็นเทียนชิงหรือเต๋าบรรพกาลชีวิตเองก็คงไม่อาจ!”
“ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นมีกำลังฝีมือเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลาย กอปรกับพลังของสองผลึกแห่งกฎนี้มหาพิภพถงเทียนในวันหน้าคงได้สยบอยู่ใต้เท้าท่านเป็นแน่!”
คนทั้งหลายนั้นต่างไม่มีใครคาดฝันถึงเรื่องราวในครั้งนี้
ขึ้นมายังไม่ถึงครึ่งทางนั้นเย่หยวนก็ได้รับมือผลึกแห่งกฎมาไว้ถึงสองชิ้นแล้ว!
และเมื่อผลึกแห่งกฎตกไปถึงมือของเขานี้ มันคงเป็นเรื่องยากที่จะหลุดลอยออกมาได้
…
จะว่าบอกเย่หยวนนั้นอับโชค เขาก็ได้ผลึกแห่งกฎมาถึงสองชิ้น
แต่หากจะบอกว่าเย่หยวนนั้นมีโชค จนสุดทางมานี้เขาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของหยาดชีวา
ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือคนทั้งหลายที่เดินมาประจบทางกับเขา
เวลานี้ตัวเย่หยวนก้าวขึ้นมาจนถึงระดับแปดแสนกิโลเมตรระหว่างทางมานั้นมันไม่มีใครจะไม่รู้ว่าเขาถือครองผลึกแห่งกฎอยู่
หากมีใครที่สามารถหาหยาดชีวามาได้จริงๆ นั้นพวกเขาคงไม่รอช้าที่จะเข้ามาแลกเปลี่ยนมันกับผลึกแห่งกฎ
แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีใครทำเช่นนั้นเลย!
เส้นทางบนเขานั้นมันค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมทีที่เป็นทางแคบๆ แสนคดเคี้ยวมันก็ได้กลับมาเป็นทางใหญ่พุ่งตรงสู่สวรรค์
แต่อารมณ์ของเย่หยวนนั้นมันกลับสุดแสนขุ่นมัวในเวลานี้
เขานั้นไม่สนใจสมบัติอื่นๆ ใด
เพราะสำหรับเขาแล้วสมบัติใดๆ นั้นมันแทบจะไร้ค่า
สิ่งเดียวที่เขาต้องการนั้นคือหยาดชีวา
ระหว่างทางที่ขึ้นเขามาเรื่อยๆ ความกังวลในจิตใจของเย่หยวนมันก็เพิ่มพูน
เย่หยวนนั้นเดินผ่านม่านหมอกขึ้นมาจนถึงระดับหนึ่งล้านกิโลเมตรในที่สุด!
เวลานี้ด้านหน้าของเขานั้นมันแยกออกไปเป็นเก้าเส้นทางอย่างชัดเจน
แต่วินาทีที่มาถึงนั้นดวงตาของเย่หยวนก็ต้องหรี่ลง!
เพราะเวลานี้มันมีเงาร่างหน้าตาคุ้นเคยนั่งลงปิดทางใหญ่อยู่
และรอบๆ ตัวเขานั้นมันได้มีผู้คนสามร่างกำลังนอนนิ่งอยู่บนพื้น
คนทั้งสามนั้นถูกตัดเส้นเอ็นมือเท้าสิ้น คลื่นพลังที่ออกมาจากร่างเองก็สุดแสนอ่อนแอเรียกได้ว่าแทบไม่อาจรอดชีวิต
และคนทั้งสามที่นอนอยู่ตรงนั้นมันก็คือผางเจิ้น ว่านเจิ้นและจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้!
และผู้ที่นั่งขัดสมาธิรออยู่นั้นมันก็มิใช่ใครที่ไหนนอกจากเต๋าบรรพกาลชีวิต หลินเฉาเถียน!
หลินเฉาเถียนที่ได้เห็นเย่หยวนต้องยิ้มถามขึ้น “กว่าจะมาได้?”
เย่หยวนหรี่ตาลงพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เจ้าต้องการอะไร?”
หลินเฉาเถียนตอบกลับมา “ไม่มีอะไรมาก ข้าแค่อยากจะทำข้อตกลงกับเจ้า!”
เย่หยวนจึงตอบกลับไปทันที “พูดมา!”
มุมปากของหลินเฉาเถียนเผยอยิ้มขึ้น “ข้ารู้ว่าเจ้านั้นมีผลึกแห่งกฎอยู่กับตัวถึงสองชิ้น เจ้าส่งมันมาแลกกับชีวิตของคนสองคน! อีกคนที่เหลือต้องตาย!”
หลังจากหลินเฉาเถียนเข้ามาในเขาแห่งถงเทียน เขาก็ไม่ได้คิดจะไปออกตามหาผลึกแห่งกฎใดๆ
กลับกัน ตัวเขานั้นกลับได้สั่งการลูกกน้องทั้งหลายของคนเพื่อตามสืบว่าคนสนิทของเย่หยวนแยกย้ายกันไปทางไหนบ้าง
ในหมู่คนสนิทของเย่หยวนนั้นมันมีหลายต่อหลายคนที่เข้ามาในครั้งนี้ด้วย
นอกจากผางเจิ้นและว่านเจิ้นแล้วนั้นมันยังมีหลงยี่ ไป่เชินและคนทั้งหลายอีก
และสวรรค์นั้นก็ให้รางวัลผู้พยายาม หลินเฉาเถียนนั้นได้พบตัวผางเจิ้น ว่านเจิ้นรวมไปถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้!
ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นถูกหลินเฉาเถียนจับมาด้วยตัวเอง
เย่หยวนนั้นต้องหรี่ตามองดูด้วยจิตสังหารเย็นเยือก
หลินเฉาเถียนนั้นมันไร้ยางอายจนถึงที่สุด!
แต่ว่าเมื่อหลินเฉาเถียนได้เห็นสีหน้านั้นของเย่หยวนเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างขึ้น “เจ้าดูจะไม่พอใจมาก? หึๆ ตอนที่อยู่ด้านนอกเจ้าโอหังมากมิใช่หรือ? เวลานี้เป็นอย่างไรเล่า? ยังจะมีหน้ามาโอหังอีกหรือไม่! หืม? บรรพกาลผู้นี้รู้ดีว่าคนรอบๆ ตัวเจ้านั้นมันคือจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของเจ้าแต่เจ้าก็ยังจะมีหน้าพาพวกมันเข้ามาโดยไร้การป้องกันใด! นอกจากจะพามันเข้ามาแล้วเจ้ายังปล่อยให้มันได้ไปไหนมาไหนบนเขาแห่งถงเทียนด้วยตัวเองเสียอีกด้วย! หึๆ เวลานี้เจ้าคงรู้สึกได้ถึงความโง่ของตนแล้วใช่ไหม?”
หลินเฉาเถียนนั้นสุดแสนสะใจที่ได้ชำระความคับแค้นออกมาบ้าง
หลายต่อหลายปีมานี้ตัวเขาผู้เป็นเต๋าบรรพกาลต้องสูญเสียอะไรไปมากมายด้วยน้ำมือของเย่หยวน
ความชิงชังที่เขามีต่อเย่หยวนนั้นมันก้าวเหนือล้ำคำว่าขีดจำกัดไปนานแสนนาน
นักบุญฟ้าครามแล้วอย่างไร?
เขานี้คือเต๋าบรรพกาล!
เขานี้คือเต๋าบรรพกาลอันดับหนึ่ง!
แต่เวลานี้เขากลับได้กลายเป็นแค่หมาขี้เรื้อนข้างทาง!
เรื่องทั้งหมดมันก็เพราะเย่หยวน!
เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องการจะคืนความเจ็บช้ำนี้ให้แก่เย่หยวน!
“หึๆ เข้าเขาแห่งถงเทียนมาครานี้ข้าไม่เคยคิดว่าจะออกไปตามหาผลึกแห่งกฏใดๆ ทั้งสิ้น! เพราะว่าข้านั้นรู้ว่าเจ้าจะเป็นคนช่วยเอามันมาส่งให้ข้าเอง! โชคชะตาของเจ้านั้นมันเหนือฟ้าสะท้านสวรรค์! แน่นอนว่าเจ้าไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ! ไม่เพียงแค่เจ้านั้นเอาผลึกแห่งกฎมาได้แต่ยังได้มาถึงสองชิ้น!”
“แต่น่าเสียดายที่เจ้านั้นได้มาแค่สองชิ้น! ฮ่าๆๆ… เจ้านั้นต้องทิ้งคนผู้หนึ่งไว้ให้คายลง เจ้าคงเจ็บปวดมาสิ? แต่ความเป็นปวดนี้แหละที่ข้าต้องการ!”
พูดมาถึงตรงนี้หลินเฉาเถียนก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ
หลายต่อหลายปีมานี้เขาไม่เคยจะสะใจเรื่องอะไรถึงขนาดนี้มาก่อน!
วินาทีต่อมานั้นเขาก็ยกฝ่ามือขึ้นเผยให้เห็นถึงหยาดแก้วในมือ
วินาทีที่เข้าสิ่งนี้ปรากฏออกมา มันก็มีคลื่นพลังชีวิตรุนแรงปะทุขึ้นทันที
เจ้าหยาดแก้วนี้มันมีรูปร่างคล้ายหยดน้ำที่แข็งเป็นก้อน
เย่หยวนสั่นสะท้านไปทั้งกายอย่างไม่ต้องเดาเลยว่าสิ่งนี้มันคืออะไร
หยาดชีวา!
หยาดชีวาที่เขานั้นเฝ้าตามหามาอย่างยากเย็น!
มันกลับไปอยู่ในมือของหลินเฉาเถียน!
หลินเฉาเถียนนั้นยิ้มกล่าวขึ้น “หึๆ เจ้ามองไม่ผิดหรอก นี่มันคือหยาดชีวา! ข้ารู้ว่าเจ้านั้นกำลังตามหามันอย่างเอาเป็นเอาตายแต่น่าเสียดายที่มันตกมาอยู่ในมือข้าแทน!”
………………………..