ไม่เลว พัฒนาเอกภพขึ้นมาด้วยค่ายกลดาบ ทั้งยังแฝงไว้ด้วยพลังของยอดเต๋าเปี่ยมล้น เป็นวิชาที่ไม่เลวเสียจริง”
ชายหนุ่มนั้นพยักหน้ารับขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าได้เข้ามาชมงานนิทรรศการที่เย่หยวนจัดการค่ายกลดาลเอกภพ
แม้จะถูกขังอยู่ในค่ายกลที่สุดแสนรุนแรงเช่นนี้แต่เขากลับวางท่าเหมือนกำลังเดินอยู่ในสวนหลังบ้าน
เย่หยวนนั้นได้แต่ต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาพร้อมเปิดใช้งานค่ายกลดาบในทันที!
ฟุบ ฟุบ ฟุบ…
ดาบแสงมากมายพุ่งออกมาราวสายฝนเข้าใส่ร่างของชายหนุ่มคนนั้น
แต่ว่าชายหนุ่มนั้นกลับไม่คิดจะหลบเลี่ยงใดๆ แม้แต่น้อย
เขานั้นแค่ยืนมองดูอยู่ตรงนั้น ดูการมาถึงของดาบแสงมากมายนี้
พริบตาต่อมาคนทั้งหลายก็ต้องอ้าปากค้างขึ้น!
เพราะดาบแสงมากมายนั้นไม่ว่ามันจะพุ่งมาจากทิศทางใด ไม่ว่ามันจะรุนแรงเท่าใดแต่เมื่อเข้าไปใกล้ร่างของชายหนุ่มแล้วมันกลับหักเหเปลี่ยนทิศไปสิ้น!
ปัง! ปัง! ปัง!
พื้นดินสั่นสะท้านมิติสั่นสะเทือนเพราะถูกดาบแสงมากมายพุ่งเข้าใส่ทำลายล้างอย่างไร้ชิ้นดี
แต่ว่ามันกลับไม่มีดาบแสงเล่มไหนที่พุ่งเข้าไปถึงร่างของชายหนุ่มได้!
เย่หยวนนั้นได้แต่ต้องหรี่ตาลงมองเพราะว่าจิตของเขามันกลับไม่อาจจะจับตัวตนของชายหนุ่มนี้ได้เลย
เมื่อดาบนั้นมันพุ่งมาถึงด้านหน้าของชายหนุ่ม พวกมันก็เหมือนจะลื่นพื้นวันฝนตกเปลี่ยนทิศทางไป
ไม่ว่าเย่หยวนจะพยายามควบคุมอย่างใดก็ไม่อาจจะเล็งเป้าได้เสียที!
แต่อีกฝ่ายนั้นกลับไม่ได้ทำอะไรแม้แต่น้อย!
มันเป็นวิธีการที่เย่หยวนไม่อาจจะมองออกได้แม้แต่น้อย!
จิตใจของเขานั้นสั่นไหว นี่มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอกับศัตรูที่ห่างชั้นกันในระดับนี้
แม้แต่ตอนที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือตอนที่ยังขึ้นไม่ถึงอาณาจักรเต๋าลึกล้ำ เขาก็ยังไม่เคยจะรู้สึกไร้พลังถึงขั้นนี้มาก่อน
ศัตรูในคราวนี้มันแข็งแกร่งเกินไป!
แข็งแกร่งจนเขาไม่อาจจะหาช่องว่างใด!
แข็งแกร่งอย่างเหนือความเข้าใจ!
เย่หยวนนั้นไม่อาจจะอ่านวิธีการของอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย มีหรือที่จะจัดการกับอีกฝ่ายได้?
ในเวลานี้ที่สุดแล้วชายหนุ่มคนนั้นก็เริ่มขยับ
เขานั้นยกนิ้วขึ้นมาชี้ใส่ค่ายกลดาบ
ตูม!
พริบตาต่อมามหาค่ายกลยิ่งใหญ่มันก็แตกสลายลงสิ้น
เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังรุนแรงที่ปะทะเข้ามาใส่ร่างกายเหมือนดั่งว่าเขานั้นถูกภูเขาหล่นทับจนต้องปลิวลิ่วลอยออกไปไกล
นี่มันคือพลังของแค่หนึ่งนิ้ว!
โลกทั้งใบนั้นตกสู่ความเงียบงัน
เหล่ายอดฝีมือที่มองดูเรื่องราวอยู่ไกลๆ นั้นต่างไม่อาจจะพูดกล่าวใดๆ ได้
“ข้า… ตาข้าฝาดหรือ?”
“บ้าน่า! ท่านนักบุญฟ้าครามนั้นกลับเป็นเหมือนแค่เด็กทารกต่อหน้าเขา!”
“เขาผู้นี้มาจากที่ใดกัน? ทำไมจึงได้แข็งแกร่งปานนี้?”
…
ภาพตรงหน้านี้มันทำให้คนทั้งหลายแทบสิ้นสติลง
นี่มันเป็นครั้งแรกที่เย่หยวนได้แสดงค่ายกลดาบเอกภพออกมาต่อหน้าผู้คนแต่ทุกคนต่างเข้าใจว่านี่มันคือการใช้งานผสานสี่กฎเข้าด้วยกัน!
เทียบกับตอนที่สู้ห้าต่อหนึ่งครั้งนั้นแล้ว วิชานี้มันย่อมจะต้องแข็งแกร่งกว่าเป็นแน่!
แต่เพียงแค่ว่าเมื่อมันถูกใช้ต่อหน้าชายหนุ่มชุดฟ้าคนนี้แล้ว มันกลับกลายเป็นแค่เรื่องตลกไป!
แค่นิ้วเดียวก็ทำลายลงได้!
ยอดคนอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมหาพิภพถงเทียนนั้นกลับอ่อนแอราวเด็กทารกเมื่ออยู่ต่อหน้าชายผู้นี้!
หลังจากปลิวไปได้ไกลนับสิบๆ กิโลเมตรเย่หยวนจึงพอจะตั้งตัวกลับมายืนมั่นได้อีกครั้ง
และสภาพเขาในเวลานี้มันแทบไม่ต่างจากศพที่พึ่งลุกขึ้นมาจากหลุม เป็นสภาพที่ดูแสนสาหัสมีเลือดอาบท่วมกาย
ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มกล่าวขึ้น “ข้าบอกแล้วว่าความต่างของเรานั้นมันห่างกันเท่าโลก! เจ้านั้นไม่ได้ต่างจากพวกมันทั้งหลายหรอกในสายตาของข้า อย่างมากที่สุดเจ้ามันก็แค่เป็นมดใหญ่ตัวหนึ่ง จัดการกับเจ้านั้นแค่นิ้วเดียวมันก็เกิน”
เย่หยวนค่อยๆ ประคองลมหายใจตัวเอง ศัตรูของเขาในครั้งนี้มันแข็งแกร่งอย่างไร้เหตุผลอย่างแท้จริง
แต่ว่าใบหน้าของเขานั้นยังคงเปี่ยมความหนักแน่น
“ท่าทางโอหังของเจ้านั้นมันช่างน่าชังนัก! เป็นมดแล้วทำไมเล่า? เป็นมดแล้วต้องมีชีวิตให้เจ้าบีบเล่นด้วยหรือ? เป็นมดแล้วต้องตายลงใต้เท้าเจ้าเพียงเท่านั้นหรือ? เป็นมดแล้วมีแต่ต้องก้มหัวร้องขอชีวิตจากเจ้าเท่านั้นหรือ? วันนี้เย่ผู้นี้จะบอกเจ้าให้… มดนั้นมันก็มีศักดิ์ศรีของมดเช่นกัน!”
เย่หยวนนั้นค่อยๆ พยุงตัวขึ้นมาพร้อมปล่อยคลื่นพลังออกมาจากร่างกายอีกครั้งหนึ่ง
พร้อมๆ กันนั้นมันก็ปรากฏค่ายกลดาบเอกภพขึ้นมาหมุนวนรอบๆ ตัวเขาขึ้น
ค่ายกลดาบสองขั้ว!
แม้จะได้ยินคำว่าอย่างเดือดดาลของเย่หยวนนั้นไปแต่ชายหนุ่มชุดฟ้านั้นก็ยังไม่คิดสนใจใดๆ ยิ้มตอบกลับมา “มดนั้นมันจำเป็นต้องมีศักดิ์ศรีใด? หึๆ ค่ายกลดาบที่เปลี่ยนแปลงได้อันนี้มันน่าสนใจไม่น้อย! นี่คือเต๋าดาบ เปิดเผยความคมต่อโลกหล้า ปราณดาบพุ่งทะยาน! เพียงแค่ว่าจะอย่างไรมดมันก็คือมด ไม่นานเจ้านั้นจะได้เข้าใจว่าความคับแค้นของเจ้านั้นมันไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แม้แต่น้อย”
ฟุบ!
เมื่อค่ายกลดาบสองขั้วทำงานความคมกริบที่ราวกับทำผ่าโลกามันก็ถูกปล่อยออกมาทันที!
มันราวกับว่าโลกทั้งใบนี้กำลังสั่นสะเทือน!
“ตาย!”
เย่หยวนร้องลั่นพร้อมผลักดันค่ายกลดาบสองขั้วออกมาอย่างรุนแรง
ในเวลานี้มันมีเพียงแค่ดาบแสงเท่านั้นที่ปกคลุมท้องฟ้ากว้าง!
ฟู่! ฟู่! ฟู่!
ดาบแสงมากมายพุ่งเข้าไปต่อหน้าชายหนุ่มผู้นั้น!
ภายใต้พลังรุนแรงนี้ พลังของค่ายกลดาบสองขั้วนั้นมันยิ่งรุนแรงมากขึ้นไปกว่าเก่านับสิบเท่า!
เพียงแค่ว่าไม่ว่าเย่หยวนจะควบคุมมันได้ดีอย่างไรดาบแสงของเขานั้นมันก็ไม่อาจจะเข้าถึงร่างของชายหนุ่มได้เลย
แต่เย่หยวนนั้นได้พบว่าดาบแสงของเขามันเข้าใกล้ชายหนุ่มได้มากขึ้นเรื่อยๆ!
เขานั้นยิ้มกว้างขึ้นมาเมื่อได้เห็น!
เพราะอีกฝ่ายนั้นไม่ได้ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง!
หรืออย่างน้อยๆ นิ้วเดียวก็ไม่มากพอที่จะจัดการกับเขาลง!
ปราณเทวะโกลาหลของเขาปะทุขึ้นมาพุ่งอัดใส่ค่ายกลดาบอย่างสุดตัว
นั่นมันยิ่งทำให้พลังของค่ายกลดาบสองขั้วรุนแรงขึ้นไปอย่างมากล้ำ!
ดาบแสงของเขานั้นมันเข้าใกล้ชายหนุ่มไปเรื่อยๆ
“ช่างเป็นมดที่คิดบวกเสียจริง! หึๆ เจ้าคิดว่าการโจมตีแค่นี้มันจะทำอันตรายใดข้าได้หรือ?”
ชายหนุ่มชุดฟ้านั้นยิ้มตอบกลับมาก่อนจะยกนิ้วขึ้นชี้ออก
ยังคงเป็นแค่นิ้วเดียวเหมือนเดิม!
แต่ว่าพลังของนิ้วเดียวนี้มันแทบจะเจาะแผ่นฟ้าลงได้!
เมื่อนิ้วนี้ถูกชี้ออกมาคลื่นพลังรุนแรงมันก็ระเบิดออกมาโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง
“ซ่อน!”
“เกราะมายามังกรฟ้า!”
เย่หยวนร้องลั่นขึ้นมา
วินาทีเดียวกันนั้นดาบแสงที่ปกคลุมท้องฟ้ามันก็ได้จางหายไปสิ้นอย่างไร้ร่องรอย!
และพลังของดัชนีนั้นมันก็กระแทกเข้าใส่ร่างของเย่หยวนอย่างจัง
“อ่อก!”
เมื่อถูกพลังของดัชนีนี้เข้าไปเย่หยวนก็ต้องกระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง
แต่เขานั้นยังคงไม่คิดจะถอย!
“ปรากฏ!”
ดาบแสงที่ปกคลุมท้องฟ้านั้นได้ปรากฏขึ้นมาสู่สายตาคนอีกครั้ง!
ฟู่! ฟู่! ฟู่!
ดาบแสงมากมายพุ่งเฉียดเข้าไปถึงร่างของชายหนุ่มชุดฟ้า
แค่มันยังห่างไปแค่นิ้ว!
ชายหนุ่มชุดฟ้าเลิกคิ้วสูงด้วยความตกตะลึง
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนนิ้วเป็นฝ่ามือออกมาซัดกระแทก!
ตูม!
พลังของดาบแสงที่ปกคลุมท้องฟ้านั้นมันไม่อาจจะทนรับแรงนี้ได้จนต้องแตกสลายลงในที่สุด
“อั่ก!”
เย่หยวนเองก็ไม่อาจจะทนรับพลังนั้นไว้ได้จนต้องกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ต่อให้มันจะเป็นเกราะมายามังกรฟ้าผสานกับพลังของกายทองคำสัมบูรณ์ระดับเก้าแต่ฝ่ามือนี้มันก็เกือบจะสังหารเขาลง!
เพราะมันรุนแรงจนเกินกว่าจะบรรยาย!
และที่น่ากลัวกว่านั้นคือชายหนุ่มชุดฟ้าคนนี้กลับไม่ได้ออกแรงหนักหนาใดๆ แม้แต่น้อย!
แค่นิ้วเดียวนี้มันก็มากพอจะทำร้ายเย่หยวนให้บาดเจ็บสาหัสเกือบตายลงได้!
ชายหนุ่มคนนั้นตอบกลับขึ้นมา “ไม่เลวทีเดียว น่าสนใจ! เป็นแค่มดแต่กลับทำให้ข้าต้องใช้มือได้เจ้าจงภาคภูมิเสียเถอะ! เจ้านั้นมีสิทธิที่จะรู้นามของข้าได้! ฟังให้ดี ข้านั้นมีนามว่าจุนเถียนผู้มาจากสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิด!”
มันราวกับว่าการที่เย่หยวนได้รู้นามของเขานั้นจะเป็นเกียรติยศต่อวงศ์ตระกูลใดๆ
แต่เย่หยวนนั้นกลับรู้สึกขมขื่นสุดใจ
ภาคภูมิ?
เขานั้นใช้สุดยอดวิชาของตนออกไปแล้วทั้งยังยอมรับการโจมตีแลกด้วยชีวิตแต่กลับทำได้แค่บังคับให้อีกฝ่ายต้องใช้มือออกมา
นี่มันคือความอับอาย!
“เอาล่ะ ทีนี้เจ้าคงได้เข้าใจความแตกต่างแล้วใช่ไหม? แล้วทำไมยังไม่คุกเข่ารับพรไปอีก? นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าแล้ว!” จุนเถียนกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสูงส่งราวขุนนางที่ไม่คิดฟังคำปฏิเสธจากปากไพร่ทาส
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนั้นแทบไม่อาจหายใจได้!
สิ้นหวัง!
ยอดฝีมืออันดับหนึ่งตลอดกาลของมหาพิภพถงเทียนนั้นกลับอ่อนแอเกินกว่าที่จะรับแม้แต่หนึ่งกระบวนท่า!
ยอดฝีมืออันดับหนึ่งตลอดกาลของมหาพิภพถงเทียนนั้นกลับมีค่าแค่เป็นคนรับใช้ของผู้คน!
คนทั้งหลายนั้นต่างหลับตาลงด้วยความขมขื่นสุดใจ
“ห-หึๆ ฮ่าๆๆ…”
เย่หยวนหัวเราะขึ้นมาด้วยปากที่เลือดท่วมนั้น
“คุกเข่ากับพ่อเจ้าเถอะ! ปู่เย่นี้มีแต่ยอมตายไม่เคยยอมก้มหัวให้ใคร! จะเป็นยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์แล้วทำไมเล่า? หากเจ้ามีปัญญาก็ลองมาสังหารปู่เย่ผู้นี้ลงเถอะ!”