“นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าหอสาม ตระกูลเราเองก็ไม่อาจจะรับมันได้เช่นกัน!”
“ใช่แล้ว เด็กน้อยนี้มันมีสิทธิอะไรมาเหยียบหัวพวกเรากัน?”
“โอสถสวรรค์ระดับแท้แล้วมันทำไมกันเล่า? สิ่งที่เราไม่มีทางจับต้องได้เช่นนั้นมันจะยังมีค่าอะไร!”
…
เหล่าตระกูลน้อยใหญ่ทั้งหลายที่พึ่งพาอำนาจของสามตระกูลใหญ่นั้นต่างก้าวออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยพร้อมๆ กันทำให้เกิดภาพที่สุดแสนโกลาหลขึ้นมา
หอโอสถสวรรค์ใต้นั้นมันแตกต่างจากจวนเจ้าเมืองมาก
เจ้าเมืองเมิ่งฮั่นเฟิงนั้นเป็นตัวตนที่มีพลังถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวแล้ว แตกต่างจากเหล่าผู้คนทั้งหลายอย่างไม่อาจจะไปเทียบเคียงได้
แม้ว่าเมิ่งฮั่นเฟิงจะพึ่งพาตัวจ้าวซุนและอู้จี้อันอยู่มากแต่เหล่ายอดฝีมือด้านการโอสถในเมืองสวรรค์ใต้มันก็ไม่ได้มีแค่พวกเขานั้น
วิชาโอสถนั้นมันแตกต่างจากวิชายุทธที่ตัดสินกันด้วยความตาย
เจ้าหอทั้งสองนั้นมีกำลังฝีมืออย่างแท้จริงแต่ผู้นำตระกูลทั้งสามเองก็ย่อมจะเก่งกาจไม่น้อยเช่นกัน
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงยังมีอำนาจในมือใหญ่หลวง
ทั้งสามตระกูลนั้นรวมๆ กันแล้วนับได้ว่าเป็นกำลังถึงร้อยละสี่สิบของหอโอสถสวรรค์ใต้
แม้ว่ามันจะไม่ได้สูงล้ำแต่มันก็มากพอจะเรียกว่าเป็นกองกำลังหลักได้
จ้าวซุนและอู้จี้อันรู้สึกว่าตัวเองช่างอับโชคเสียจริงๆ
พวกเขานั้นไม่นึกฝันว่ากลับจะถูกรวมหัวกันเล่นงานเช่นนี้!
“หมินหนานชาน เจ้าคิดขบถแล้ว?” จ้าวซุนนั้นกล่าวออกมา
หมินหนานชานนั้นยังคงกล่าวตอกกลับมาเสียงแข็ง “ท่านเจ้าหอใหญ่ ตระกูลทั้งสามของเรานั้นต่างเป็นคนของหอโอสถสวรรค์ใต้ หากลองถามใจเราดูแล้วเราย่อมจะเคารพเจ้าหอทั้งสองอย่างมาก การแสดงออกของเราในครั้งนี้มันเพียงแค่เพราะเราอยากจะสร้างความสงบให้แก่แดนสวรรค์ใต้เท่านั้น! ไม่ว่าท่านจะมองมันจากมุมไหนเจ้าเด็กคนนี้มันก็ไม่มีสิทธิจะขึ้นมาเป็นเจ้าหอสามได้แน่นอน!”
ซ่งเทียนหยางนั้นเองก็กล่าวขึ้นมาตาม “เจ้าเด็กคนนี้มันไร้ที่มาที่ไป ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วมันวางแผนการร้ายอะไรไว้อยู่หรือไม่?”
จ้าวซุนที่ได้ยินนั้นต้องตวาดตอบกลับไป “หากเจ้าหอผู้นี้คิดจะแต่งตั้งเขาเป็นเจ้าหอสามให้ได้เล่า?”
หมินหนานชานนั้นไม่คิดถอยกลับและกล่าวขึ้นมา “เช่นนั้นแล้วสามตระกูลของเราจะขอถอนตัวจากหอโอสถสวรรค์ใต้และไปเริ่มต้นกันใหม่ที่อื่น! ข้าว่าด้วยกำลังของตระกูลทั้งสามเราท่านเจ้าเมืองเองก็คงไม่คิดว่ากล่าวใดๆ มากมาย!”
ฮือ!
มันเกิดความแตกตื่นขึ้นมาในฝูงชนทันที!
การลงมือครั้งนี้มันเป็นการตัดขาอย่างรุนแรง!
หากสามตระกูลใหญ่ถอนตัวไปแล้วมันย่อมจะทำให้หอโอสถสวรรค์ใต้เสื่อมอำนาจลงอย่างมากแน่นอน
พร้อมๆ กันนั้นมันก็จะเกิดคู่แข่งที่เทียบเท่าหอโอสถสวรรค์ใต้ขึ้นมา
เรียกได้ว่ามีแต่เสียกับเสีย!
จ้าวซุนเองก็ไม่คิดฝันว่าหมินหนานชานนั้นกลับจะกล้ามากถึงขั้นนี้
ปกติแล้วตระกูลใหญ่ทั้งสามเอาแต่จะเล่นงานกันเองทำให้ตัวเขาที่เป็นเจ้าหอใหญ่ได้นั่งครองตำแหน่งสบายใจไม่มีใครคิดยุ่งเกี่ยวกับเขามากมาย
แต่เวลานี้การปรากฏตัวขึ้นของเย่หยวนมันทำให้ตระกูลใหญ่ทั้งสามเกิดไม่พอใจขึ้นมาพร้อมๆ กัน
นี่มันเป็นเรื่องที่ยากจะจัดการได้แล้ว
จ้าวซุนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเย่หยวนด้วยใบหน้ารู้สึกผิด ไม่นึกฝันว่ามันกลับจะเกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นมาได้
แต่เป็นฝ่ายเย่หยวนต่างหากที่นั่งฟังคนทั้งหลายพูดกล่าวไปอย่างเงียบสงบราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องของตน
แต่จู่ๆ เถี่ยซินนั้นก็ลุกขึ้นมากล่าวเสริม “เจ้าหอทั้งสองและผู้นำตระกูลทั้งสาม จะอย่างไรพวกท่านทั้งหลายก็เป็นคนของหอโอสถสวรรค์ใต้ ทำไมถึงต้องมาขัดแย้งกันเองเช่นนี้ด้วย? แม้ว่าเถี่ยซินผู้นี้จะไร้ความสามารถแต่ข้าก็พอจะเห็นทางออกของเรื่องวันนี้ได้? พวกท่านสนใจจะฟังความเห็นของข้าบ้าหรือไม่?”
ได้เห็นเถี่ยซินเปิดปากกล่าวขึ้นมาจ้าวซุนก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
เดิมทีเขานั้นย่อมจะไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งบาดหมางใดๆ กับเถี่ยซินนั้นแต่เรื่องที่เถี่ยซินทำในเมืองสงบทักษิณมันทำให้เขาเกลียดชังชายผู้นี้อย่างมาก
เพียงแค่ว่าตอนนี้เขาเองก็ไร้ทางออกได้ เมื่อได้ฟังเถี่ยซินกล่าวเช่นนี้ขึ้นมาเขาก็ยังอยากจะรับฟังมันไว้ก่อน
“ว่ามา!” จ้าวซุนนั้นกล่าวขึ้น
เถี่ยซินยิ้มตอบกลับไป “แท้จริงแล้วตระกูลใหญ่ทั้งสามนั้นเองก็ได้สร้างคุณให้แก่แดนสวรรค์ใต้เราไว้มากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำตระกูลหมินนั้นเขาได้ฝึกฝนและพัฒนาตัวเองขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หากให้เขาขึ้นเป็นเจ้าหอสามแล้วข้าว่ามันย่อมจะไม่มีใครคัดค้านแน่ ส่วนไอ้เด็กคนนี้ มันก็มิใช่คนแดนสวรรค์ใต้เราอยู่แล้ว ให้มันกลับค่ายสำนักของมันไปเถอะ”
จ้าวซุนนั้นหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยิน เขานั้นเข้าใจทันทีว่าสมองของชายคนนี้คงถูกทำลายไปตอนที่เขาพ่ายให้แก่พลังของสังข์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลหยกแล้ว
หากคนเรายังมีสมองอยู่ในหัวแล้ว มันจะคิดเสนอเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้?
การให้หมินหนานชานขึ้นมาเป็นเจ้าหอสามและไล่เย่หยวนไปย่อมจะมีแต่เขาที่คิดได้!
จ้าวซุนนั้นหัวเราะตอบกลับไป “นี่หรือคือทางออกของเจ้า? หึๆ หมินหนานชานมันมีฝีมืออะไรถึงจะมาครองตำแหน่งเจ้าหอสามได้? หลังจากฝีมือของเขาพัฒนาถึงระดับสี่ขั้นสุดได้แล้วค่อยมาคุยกันใหม่!”
แต่ทางเถี่ยซินนั้นกลับยิ้มกว้างขึ้นมา
เมื่อจ้าวซุนได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดขนลุกขึ้นมาไม่ได้
“ท่านเจ้าหอใหญ่ หมินผู้นี้เข้าใจถึงเรื่องนั้นดี แต่ไม่นานมานี้ข้าเองก็ได้บรรลุขึ้นมาถึงระดับสี่ขั้นสุดแล้ว! โอสถทหัยหิมะจันทร์ลับนี้มันเป็นสิ่งที่หมินผู้นี้หลอมขึ้นมาก่อนจะมาถึงงาน”
พูดไปหมินหนานชานก็หยิบเอาโอสถสวรรค์ออกมา
เมื่อจ้าวซุนได้เห็นเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนสีไปทันที
เพราะโอสถสวรรค์เม็ดนี้มันยังมีไอร้อนลอยขึ้นมาจากภายใน ดูท่าแล้วคงเพิ่งจะหลอมขึ้นมาจริงๆ
เหล่ายอดคนที่มาร่วมงานทั้งหลายต่างหันมามองอย่างตกตะลึง
“โอสถทหัยหิมะจันทร์ลับ นั่นมันโอสถสวรรค์จักรพรรดิระดับสี่! ผู้นำตระกูลหมินนั้นกลับบรรลุขึ้นมาได้จริง!”
“เก่งกาจนัก! ไม่นึกเลยว่าผู้นำตระกูลหมินกลับจะบรรลุขึ้นมาอย่างไม่มีวี่แววใดๆ เช่นนี้ได้!”
“เท่านี้แม้แต่เจ้าหอใหญ่เองก็คงไม่อาจจะปฏิเสธได้อีกแล้ว! หากสามตระกูลใหญ่ถอนตัวไปตอนนี้จริงๆ มันคงทำให้พวกเขาก้าวขึ้นมาเทียบเคียงเป็นศัตรูร้ายของหอโอสถสวรรค์ใต้ทันที!”
…
สิ่งที่หมินหนานชานนำออกมานี้มันคงเรียกได้ว่าเป็นอาวุธสังหาร
การจะถูกยอมรับว่าเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ขั้นสุดได้นั้นมันคือต้องหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิขึ้นให้ได้!
ในแดนสวรรค์ใต้นี้นอกจากจ้าวซุนและอู้จี้อันแล้วมันไม่มีใครหลอมได้อีก
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงได้ครองตำแหน่งเจ้าหอไป!
แต่เวลานี้หมินหนานชานกลับทำได้เช่นกัน!
เท่านี้มันก็คงกลายเป็นศัตรูที่ยากจะรับมือกว่าเก่าแล้ว!
จ้าวซุนนั้นเข้าใจดีว่าคนทั้งหลายนี้คงวางแผนเตรียมการจู่โจมงานเลี้ยงมาแสนนาน
แต่เขาก็ไม่นึกฝันว่าการให้เย่หยวนขึ้นมาเป็นเจ้าหอสามนั้นมันกลับจะทำให้เกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นมา
หมินหนานชานกล่าวขึ้นมา “เจ้าหอทั้งสอง ข้านั้นมีคุณสมบัติพอจะเป็นเจ้าหอสามหรือไม่เล่า?”
ตระกูลใหญ่ทั้งสามนั้นต่างยิ้มกว้างขึ้นมาโดยเฉพาะคนของตระกูลหมินนั้นที่แทบจะลุกขึ้นมาเต้น
การบรรลุของผู้นำตระกูลหมินนั้นมันย่อมจะเป็นข่าวดีที่สุดแก่พวกเขา!
“เราขอสนับสนุนให้ผู้นำตระกูลหมินขึ้นเป็นเจ้าหอสาม!”
“เจ้าหอทั้งสองท่าน ท่านอย่าได้ทำให้จิตใจคนเหินห่างเลย!”
“ไอ้เด็กคนนี้มันมีดีอะไรมากมายถึงจะขึ้นมาเป็นเจ้าหอสามกันเล่า?”
…
สำหรับคนส่วนมากแล้วโอสถสวรรค์ระดับแท้นั้นมันย่อมจะอยู่สูงเกินเอื้อมมือ
พวกเขานั้นรู้ดีว่าโอสถสวรรค์ระดับแท้นั้นดีงามแค่ไหนแต่มันย่อมจะเป็นสิ่งที่เหนือล้ำกว่าพวกเขาจะเข้าถึงได้
หนึ่งคือโอสถสวรรค์ระดับแท้นั้นมันจะต้องถูกเจ้าหอทั้งสองควบคุมอย่างเข้มงวดแน่
สองคือต่อให้โอสถสวรรค์ระดับแท้มันจะถูกปล่อยออกมาราคาของมันก็คงเหนือหัวพวกเขาไปมากล้ำ
พวกเขานั้นต่างล้วนได้ยินมาสิ้นว่าเจียงหลี่นั้นใช้เงินกว่าหกสิบแปดล้านผลึกสวรรค์เพื่อจะซื้อโอสถสวรรค์ระดับแท้มาครอง!
สำหรับนักยุทธทั่วๆ ไปแล้วราคานั้นมันย่อมจะเกินมือไปมาก
เถี่ยซินนั้นยิ้มกว้างมองดูเย่หยวนอย่างเย้ยหยัน “เด็กน้อย เจ้ายังจะมีหน้ามายืนนิ่งอีกหรือ? ที่แห่งนี้มันคือที่สำหรับคนแดนสวรรค์ใต้ เจ้ามาจากหลุมไหนก็กลับไปหลุมนั้นเถอะ!”
เวลานี้คลื่นมันได้ก่อตัวขึ้นแล้ว แม้แต่เจ้าหอทั้งสองเองก็คงไม่อาจจะฝืนคลื่นในครั้งนี้ไปได้
ในความคิดของเขานั้นเย่หยวนย่อมจะต้องถูกขับไล่ออกไปแน่แล้ว!
เย่หยวนนั้นหันไปมองเถี่ยซินด้วยรอยยิ้ม “เสียเวลาไปตั้งนานสุดท้ายเจ้าก็ออกหน้าแล้ว! อ่า แผนการของเจ้านี้มันเป็นไปได้อย่างสวยงามจริง ติดแค่ว่ามันโง่ไปหน่อย!”
เถี่ยซินยิ้มเย้ยตอบกลับมา “เด็กน้อย เจ้ายังจะมีหน้ามาวางตัวใหญ่โตอีกหรือ? เจ้านั้นคิดร้ายหมายทำลายหอโอสถสวรรค์ใต้ลงแล้ว! ทหาร! จับมันไป!”
“ใครกล้า?!” จ้าวซุนตวาดออกมาทันทีทำให้สีหน้าของทหารทั้งหลายนั้นซีดขาวไม่กล้าขยับตัวอีก
เพราะจะอย่างไรเขานั้นก็เป็นเจ้าหอใหญ่!
แต่เย่หยวนนั้นกลับเดินลงมาหาฝูงชนด้วยรอยยิ้ม
…………………………