“ขอบพระคุณอาจารย์เย่!”
หวงห่าวหยานและซูเป่ยหยุนนั้นก้มหัวลงกราบเย่หยวนทันที
เย่หยวนนั้นได้ให้โชคครั้งใหญ่แก่พวกเขาไป มันย่อมทำให้พวกเขานั้นได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล
พวกเขาทั้งสองนั้นรู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังของโอสถสร้างเลิศใหญ่มันยังคงไหลเวียนอยู่ในร่างไม่หายไปไหน
วันหน้ามันคงจะช่วยสร้างเสริมกำลังให้พวกเขาได้อีกมาก
คนทั้งสองนั้นต่างรู้สึกซาบซึ้งสุดใจ การได้รู้จักเย่หยวนนั้นมันคือโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของพวกเขาแล้ว
เพราะหากไม่ได้เจอเย่หยวนนั้นอย่าว่าแต่จะได้บรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำใดๆ พวกเขานั้นคงได้กลายเป็นซากศพภายใต้เงื้อมมือของเผ่าเงือกไปแล้ว
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าเย่หยวนนั้นไม่เคยคิดตระหนี่ถี่เหนียวแก่สหาย แต่เย่ผู้นี้เองก็แยกชัดเจนด้วยว่าใครจะเป็นมิตรหรือศัตรู”
คำพูดของเขานี้มันทำให้สีหน้าของหลายต่อหลายคนเริ่มเปลี่ยนสี
เพราะคำพูดนี้มันถูกกล่าวขึ้นอย่างชัดเจน มิใช่แค่คนทั้งสองเท่านั้นที่ได้ยินแต่คนทั้งหลายเองก็ต่างได้ยินชัดเจน!
ตราบเท่าที่เจ้าติดตามข้าไปนั้น เย่หยวนผู้นี้จะมอบผลประโยชน์ให้เจ้าอย่างมากมายแน่นอน
แต่หากเจ้าคิดจะต่อต้านข้าแล้ว…
อนาคตวันหน้าของเจ้ามันคงมีแต่ความฉิบหาย
“เด็กน้อย เจ้าคิดจะใช้โอสถสวรรค์ระดับแท้นั้นมาดึงใจผู้คนหรือ? น่าขันนัก! สำหรับคนอื่นๆ นั้นโอสถสวรรค์ระดับแท้มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากปราสาทลอยฟ้า! เจ้าคิดจะใช้มันล่อตาคนเพื่อให้เจ้าได้ตำแหน่งเจ้าหอสามมาครองหรือ? หึๆ ข้าขอถามได้ไหมเล่าว่าเจ้าจะให้ผลประโยชน์ใดแก่พวกเขาได้หลังจากเจ้าขึ้นเป็นเจ้าหอสามแล้ว?” เถี่ยซินนั้นกล่าวเย้ยขึ้นมา
การได้เห็นโอสถสวรรค์ระดับแท้นี้แม้แต่ตัวเถี่ยซินเองก็ตกตะลึงไม่แพ้คนอื่นๆ เช่นกัน
แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้นเขาก็ยิ่งต้องพิสูจน์ว่าความคิดของตัวเองมันถูกต้อง
เย่หยวนไม่คิดสนใจคำเห่าหอนของเขาและหันไปกล่าวต่อคนทั้งหลาย “อย่าได้หาว่าเย่ผู้นี้ใจดำไม่เปิดโอกาสให้คน! เวลานี้ใครที่ยังอยากจะออกจากหอโอสถสวรรค์ใต้ไปอีกก็เชิญก้าวออกมาได้เลย!”
“นี่…นี่มันการบังคับให้คนเลือกฝ่าย!”
“หากถอนตัวจากหอโอสถสวรรค์ใต้ไปตอนนี้แล้วพวกเขาจะย่อมไม่มีทางได้เข้าใกล้โอสถสวรรค์ระดับแท้อีกแน่!”
“หึๆ เจ้าคิดมากไปหรือไม่? เจ้าคิดว่าหากยังทนอยู่ต่อไปแล้วจะได้มีสิทธิ์ครอบครองโอสถสวรรค์ระดับแท้หรือ?”
…
แน่นอนว่าคำพูดนี้มันย่อมทำให้หลายต่อหลายคนเริ่มลังเล
แม้แต่เหล่าตระกูลย่อยของสามตระกูลใหญ่เองก็ยังทำท่าตัดใจไม่ลงออกมา
เพราะจะอย่างไรเสียโอสถสวรรค์ระดับแท้นั้นมันก็น่าดึงดูดเกินไป!
“หึๆ ดูท่าเจ้าหอทั้งสองจะคิดแตกหักกับเราทั้งสามตระกูลแล้ว! ได้ เช่นนั้นตระกูลหมินข้าขอถอนตัวออกจากหอโอสถสวรรค์ใต้!” หมินหนานชานกล่าวขึ้นมา
“ข้าขอถอนตัว!”
“ข้าถอนตัวด้วย!”
…
เมื่อหมินหนานชานกล่าวนำขึ้นมาเหล่าตระกูลย่อยของตระกูลหมินต่างก็ก้าวขึ้นมาประกาศตาม
แต่ว่าจำนวนนั้นมันกลับน้อยลงกว่าก่อนหน้าไปกว่าครึ่ง!
ดูท่าแล้วหลายตระกูลคงยังไม่อาจตัดสินใจได้!
หมินหนานชานนั้นสั่นสะท้านไปทั้งใจเริ่มรู้สึกหวั่นกลัวขึ้นมาเมื่อได้เห็น เพราะไม้ตายของเย่หยวนนั้นมันรุนแรงจนเกินไป
เวลานี้หลายต่อหลายตระกูลเริ่มเสียจิตใจที่จะต่อต้านแล้ว
“หึ! พวกเจ้าคิดว่าอยู่ในหอโอสถสวรรค์ใต้ต่อไปแล้วพวกเจ้าจะได้โอสถสวรรค์ระดับแท้มาครองหรือ? คิดง่ายไปแล้ว!” หมินหนานชานนั้นพยายามกล่าวโน้มน้าว
เขานั้นต้องการจะดึงคนมาร่วม!
แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันกลับไม่เป็นดั่งหวัง!
เหล่าคนที่ลังเลนั้นย่อมจะลังเลเพราะคิดตัดสินใจไม่ถูก มีหรือที่จะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความพูดไม่กี่คำ?
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้หมินหนานชานนั้นกังวลที่สุดก็คือตัวซ่งเทียนหยางและหยุนปั่วหยู่!
เขานั้นได้แสดงจุดยืนออกมาชัดเจนแล้วแต่คนทั้งสองนั้นกลับยังไม่คิดก้าวออกมาตาม!
หมินหนานชานหันไปมองและพบว่าคนทั้งสองกำลังปั้นหน้าเครียดกันอยู่!
เห็นได้ว่าผู้นำตระกูลใหญ่ของตนไม่ขยับ เหล่าคนตระกูลย่อยทั้งหลายก็ย่อมได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าแสดงจุดยืนเช่นกัน
“ซ่งเทียนหยาง หยุนปั่วหยู่ พวกเจ้าจะยังรออะไรกันอีก?” หมินหนานชานกล่าวขึ้นมาถาม
แต่ในเวลานั้นเองที่หยุนปั่วหยู่ได้ถอนใจยาวเดินหน้าออกมาด้วยท่าทางตัดสินใจได้
ได้เห็นเช่นนั้นหมินหนานชานก็รู้สึกโล่งอกขึ้นทันที
หยุนปั่วหยู่ก้มหัวลงต่อหน้าเย่หยวนพร้อมกล่าว “หยุนผู้นี้ถูกความโลภเข้าครอบงำบดบังสายตา ทำให้ข้าลบหลู่ท่านเจ้าหอสามไป! ตระกูลหยุนของข้าพร้อมรับการลงโทษ!”
“หยุนปั่วหยู่ เจ้า!” หมินหนานชานนั้นอ้าปากค้างขึ้นมา คิดอยากจะวิ่งไปเตะหน้าหยุนปั่วหยู่ให้รู้แล้วรู้รอดไป
แต่จ้าวซุนและอู้จี้อันนั้นกลับหันมามองหน้ากันด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมใบหน้า
เย่หยวนนั้นลงมือได้ผลยิ่งใหญ่จริง!
วินาทีที่เย่หยวนลงมือนั้นมันก็กลับเป็นถึงโอสถสวรรค์จักรพรรดิระดับแท้ แน่นอนว่ามันย่อมทำให้จิตใจของคนทั้งสองสั่นไหว
ตราบเท่าที่สามตระกูลแตกแยกกันแล้วต่อให้ตระกูลหมินจะแยกตัวออกไปมันก็ย่อมจะมิใช่เรื่องใหญ่ใดๆ
เป็นแผนที่เยี่ยมยอด!
สายตาที่คนทั้งหลายใช้มองเย่หยวนนั้นมันยิ่งมีความเคารพมากขึ้นกว่าเก่า!”
จู่ๆ จากนั้นซ่งเทียนหยางก็เดินลงมาหยุดข้างหยุนปั่วหยู่พร้อมก้มหัวลงตาม “ซ่งเทียนหยางขอคารวะท่านเจ้าหอสาม! ตระกูลซ่งข้าพร้อมรับการลงโทษ!”
เหล่ายอดคนทั้งหลายที่ได้เห็นต่างต้องอ้าปากค้างขึ้นมา
เดิมทีแล้วเจ้าหอทั้งสองนั้นเรียกได้ว่าถูกต้อนจนมุม
ใครจะไปคิดฝันว่าวินาทีที่เย่หยวนลงมือนั้นมันกลับจะพลิกสถานการณ์กลับและทำให้สองตระกูลใหญ่มอบตัวในทันที!
ส่วนด้านหมินหนานชานและเถี่ยซินนั้นเองก็ต้องเบิกตาค้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตาเช่นกัน
ก่อนจะมาตระกูลทั้งสามได้คุยกันก่อนแล้วว่าจะบุกด้วยกันถอยด้วยกัน ใครจะไปคิดฝันว่าในวินาทีคับขันเช่นนี้ซ่งเทียนหยางและหยุนปั่วหยู่นั้นกลับจะทรยศหักหลังกันเช่นนี้!
เวลานี้คนที่อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกลับกลายเป็นตัวหมินหนานชานแทน!
เถี่ยซินนั้นจะอย่างไรก็มิใช่คนในหอโอสถสวรรค์ใต้ เขาย่อมจะมิเสียหายใดๆ มากมายนัก
แต่ตระกูลหมินนั้นมิใช่!
หากวันนี้เขาถอนตัวออกไปตระกูลเดียวแล้ว มันย่อมจะถูกบดขยี้ลงอย่างง่ายดาย!
หากไม่มีกำลังหนุนของสองตระกูลช่วย ต่อให้เขาจะเป็นนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสี่ขั้นสุดแต่มันจะยังต้านทานอำนาจของหอโอสถสวรรค์ใต้ได้หรือ?
เย่หยวนที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงยิ้มขึ้นมา
เพราะแท้จริงแล้วมันก็มิใช่ว่าแผนของเถี่ยซินนั้นมีรูโหว่ยิ่งใหญ่ใดๆ มันเพียงแค่ว่าเขานั้นไม่รู้จักพลังของโอสถสวรรค์ระดับแท้เท่านั้น
โอสถสวรรค์จักรพรรดิระดับแท้นั้นมีใครบ้างเล่าที่จะทนทานปล่อยมันผ่านมือไปได้?
ที่สำคัญไปกว่านั้นเขายังมีไม้ตายอื่นซ่อนไว้อีก!
“ตระกูลซ่งและตระกูลหยุนนั้นคิดท้าทายอำนาจของหอโอสถสวรรค์ใต้ ถือว่าเป็นกบฏ! เวลานี้ด้วยอำนาจของเจ้าหอข้าจะขอถอนพวกเจ้าออกจากตำแหน่งผู้อาวุโส พวกเจ้า…จะยอมรับการลงโทษนี้หรือไม่?” เย่หยวนถามขึ้นมา
เมื่อเหล่าคนทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นพวกเขาต่างก็หน้าซีดขาวลงไป
สองผู้นำตระกูลใหญ่เพิ่งจะก้มหัวขอโทษลงไปแต่กลับจะถูกถอดตำแหน่งผู้อาวุโส? เช่นนี้มันจะไม่ถือเป็นการขับไล่พวกเขาไปอยู่ดีหรือ?
ตำแหน่งผู้อาวุโสนั้นมันแสดงถึงอะไรหลายๆ อย่าง
การลงโทษนี้มันนับได้ว่ารุนแรงล้ำ!
เมื่อหมินหนานชานได้ยินเช่นนั้นเขาก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “ฮ่าๆๆ ซ่งเทียนหยาง หยุนปั่วหยู่ พวกเจ้านี้มันน่าขันเสียจริง! มันไม่คิดจะรับพวกเจ้ากลับเข้าไปแล้ว!”
ซ่งเทียนหยางและหยุนปั่วหยู่นั้นเมื่อได้ยินพวกเขาต่างก็ต้องผงะไปเช่นกันแต่สุดท้ายพวกเขากลับกัดฟันแน่นตอบรับมา
“ซ่งเทียนหยางขอน้อมรับโทษนี้ไว้!”
“หยุนปั่วหยู่ขอน้อมรับโทษนี้ไว้!”
เหล่าคนทั้งหลายที่ได้ยินคำตอบนั้นต่างก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นมาเป็นรอบที่ร้อยของวัน มันไม่มีใครคาดคิดว่าคนทั้งสองกลับจะยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ เช่นนี้!
เย่หยวนนั้นหันหน้าไปมองคนทั้งหลายก่อนจะกล่าวขึ้น “แดนสวรรค์ใต้นั้นมันมีเขาหมื่นอสูรปิดทางเหนือและมีทะเลหนามใต้ปิดทางใต้ไว้ เหล่าคนที่อยู่ในดินแดนนี้คงเรียกได้ว่าต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก! เพราะฉะนั้นการรวมกันเป็นหนึ่งมันจึงสำคัญยิ่ง! การทำลายความเป็นหนึ่งของแดนสวรรค์ใต้เพราะความโลภส่วนตนนั้นมันเป็นสิ่งที่สมควรได้รับโทษอย่างหนักหน่วง! วันนี้เจ้าหอผู้นี้จะขอประกาศว่าตระกูลหมินได้ถูกขับไล่ออกจากเมืองไปด้วยอำนาจของเจ้าหอสามนี้!”
คนทั้งหลายที่ได้ยินต่างใจสั่นขึ้นมาทันที เพราะการลงโทษนี้มันรุนแรงล้ำ!
แต่เย่หยวนนั้นยังกล่าวไม่จบประโยค
เย่หยวนกล่าวขึ้นต่อ “แต่ในเมื่อความเป็นหนึ่งนั้นมันสำคัญเจ้าหอผู้นี้จึงจะไม่ปิดบังความรู้ใดๆ! ครึ่งเดือนจากนี้ไปเหล่าตระกูลโอสถทั้งหลายสามารถส่งศิษย์ของตนมายังหอโอสถสวรรค์ใต้ได้มากที่สุดห้าคน! เจ้าหอผู้นี้จะเป็นคนช่วยสั่งสอนพวกเขาให้เอง! นอกจากนั้นแล้วเจ้าหอผู้นี้จะไปปรึกษาเรื่องการวางกฎกับเจ้าหอใหญ่และเจ้าหอรองด้วย! ใครก็ตามที่ทำได้ตามมาตรฐานนั้นเราจะให้โอสถสวรรค์ระดับแท้แก่พวกเขา! แน่นอนว่าเจ้าหอผู้นี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าวันหน้ามันจะมีคนที่ก้าวขึ้นมาหลอมโอสถสวรรค์ระดับแท้ได้เช่นกัน!”
…………………………