“นี่มันไร้สาระชัดๆ! เจ้าหอสามนั้นกลับส่งเหล่ายอดอัจฉริยะของแต่ละตระกูลมาหมดสิ้นแล้วรับไว้แค่เหล่าขยะไร้พรสวรรค์ เช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร?”
“ในความคิดข้า ข้าว่าเขาต้องจงใจแน่! เขานั้นไม่เคยคิดจะทิ้งวิธีการหลอมโอสถสวรรค์ระดับแท้ไว้ตั้งแต่แรก!”
“เขานั้นหลอกลวงเจ้าหอทั้งสองแล้วยังคิดจะหลอกลวงพวกเราเหล่าตระกูลทั้งหลายนี้อีก!”
…
ในโถงใหญ่นั้นมันย่อมจะมีแต่เสียงแห่งความไม่พอใจดังขึ้น
เหล่าผู้นำตระกูลทั้งหลายนั้นต่างไม่พอใจกับการกระทำของเย่หยวนนี้
ตัวซ่งเทียนหยางและหยุนปั่วหยู่เองก็ยังได้แต่ยืนทำหน้าเหยเก
เพราะพวกเขานั้นรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอก
แต่โชคยังดีที่ทั้งตระกูลซ่งและตระกูลหยุนนั้นยังมีคนถูกเลือกไปบ้าง
ยอดอัจฉริยะที่สุดของทั้งตระกูลซ่งและตระกูลหยุนอย่างซ่งเหวินห่าวและหยุนหยวนนั้นกลับไม่ถูกเย่หยวนเลือก หากไม่มีการประลองในวันนี้แล้วพวกเขาทั้งหลายคงมาโวยวายตั้งแต่วันแรกที่ถูกไล่ไป
แต่เมื่อเย่หยวนเปิดโอกาสให้ทั้งซ่งเหวินห่าวและหยุนหยวนมีโอกาสแก้ตัว พวกเขาทั้งหลายก็ย่อมจะยังรอดูสถานการณ์ไปก่อนได้
พวกเขาเองก็อยากจะเห็นนักว่าเจ้าหอสามนี้จะมีวิธีการลับล้ำฟ้าใดที่จะเปลี่ยนเหล่าคนธรรมดาให้ก้าวขึ้นมาเหนือหัวเหล่ายอดศิษย์ได้
ประตูของห้องหลอมโอสถนั้นถูกเปิดออกก่อนจะเผยให้เห็นชุยถงเดินออกมาเรียก “ทุกท่านเชิญด้านในได้!”
เหล่าคนใหญ่คนโตทั้งหลายนั้นต่างอดทนรอไม่ไหวที่จะเข้าไปตบหน้าเย่หยวนแล้ว
พวกเขานั้นไม่เชื่อว่ายอดอัจฉริยะที่พวกเขาเลี้ยงดูมาอย่างดีนั้นมันจะไม่อาจเทียบเคียงกับการสั่งสอนแค่สามเดือนของเย่หยวนได้!
ที่สำคัญไปกว่านั้นเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายเองก็ยังได้รับการสั่งสอนแบบเดียวกัน
ซ่งเทียนหยางเดินมาหาเย่หยวนด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ “เจ้าหอสาม ท่านคิดปลดตระกูลซ่งข้าจากตำแหน่งผู้อาวุโสข้าก็ยอมรับ! แต่ตอนนี้ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?”
หยุนปั่วหยู่กล่าวขึ้นตาม “เรานั้นรู้ดีว่าโอสถสวรรค์ระดับแท้นั้นมันล้ำค่าแต่เจ้าหอสามนั้นกลับคิดจะใช้วิธีการเช่นนี้ไล่เราไปหรือ? ตระกูลหยุนเราจะไม่ยอมรอความฉิบหายอยู่เฉยๆ หรอกนะข้าบอกเลย!”
เมื่อผู้นำตระกูลใหญ่ทั้งสองนั้นกล่าวขึ้นมาสีหน้าของเหล่าผู้นำตระกูลอื่นๆ เองก็เริ่มแสดงความไม่พอใจขึ้นตาม
แต่เย่หยวนนั้นกลับยิ้มตอบไป “พวกเจ้าทั้งหลายใจเย็นก่อน เดี๋ยวได้เห็นแล้วจะรู้ ในเมื่อเจ้ามาถึงก่อนแล้วก็ให้ซ่งเหวินห่าวลงสนามก่อนเลยเป็นอย่างไรเล่า?”
ซ่งเหวินห่าวนั้นรู้สึกคับแค้นอย่างไม่อาจจะหาที่ลงได้
เมื่อได้ยินเย่หยวนกล่าวเช่นนั้นเขาย่อมจะรีบพุ่งตัวเข้ามาตอบทันที “แน่นอน! ข้าจะขอเลือกคนที่จะประลองด้วยได้หรือไม่?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ในหมู่คนที่ข้ารับเป็นศิษย์นั้น เจ้าจะเลือกใครเป็นคู่ต่อสู้ก็ได้”
ซ่งเหวินห่าวนั้นรีบยกมือขึ้นมารับ “ไม่ต้องเลือกให้มาก! ข้าขอเลือกลูกพี่ลูกน้องข้าแล้วกัน ซ่งหมินเจ๋อ! ข้ารู้ดีว่าท่านนั้นสนใจเขาเป็นพิเศษในหมู่คนทั้งหลายนี้! วันนี้ข้าจะกระทืบมันลงต่อหน้าท่านเอง ให้ท่านเจ้าหอสามได้รู้ว่าท่านนั้นมันตามืดบอดแค่ไหน!”
เย่หยวนนั้นยิ้มตอบกลับไป “ซ่งหมินเจ๋อ ออกมา!”
“ขอรับ!” ซ่งหมินเจ๋อนั้นก้มหัวลงรับก่อนจะก้าวออกมา
ซ่งเหวินห่าวนั้นหันไปมองซ่งหมินเจ๋อด้วยท่าทางดูถูก “ซ่งหมินเจ๋อ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ในเวลาสั้นๆ แค่นี้ คิดหรือว่าจากเป็ดน้อยอย่างเจ้ามันจะกลายเป็นหงส์ฟ้าไปได้? วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่านายน้อยผู้นี้เหนือล้ำกว่าเป็ดน้อยอย่างเจ้าเพียงแค่ไหน!”
ซ่งหมินเจ๋อแสดงสีหน้าที่เกรงกลัวขึ้นไม่น้อย
เขานั้นรู้ดีว่าสามเดือนมานี้ตัวเขาพัฒนาไปมากแค่ไหน
แต่สิ่งที่เย่หยวนให้เขาฝึกฝนนั้นมันมีเพียงแค่โอสถสวรรค์พื้นฐานระดับหนึ่งสิ้น!
โอสถสวรรค์อื่นๆ นั้นเขาไม่ได้แตะต้องมันเลยด้วยซ้ำ
ในฐานะคนตระกูลซ่งแล้วซ่งหมินเจ๋อย่อมจะรู้ดีว่าซ่งเหวินห่าวนั้นเก่งกาจแค่ไหน
การให้เขามาประลองกับซ่งเหวินห่าวนั้นตัวซ่งหมินเจ๋อย่อมจะไม่มีความมั่นใจใดๆ
แล้วเหล่าผู้นำตระกูลอย่างซ่างเทียนหยางทั้งหลายนั้นต้องมีสายตาที่เฉียบคมปานใด?
สีหน้าของซ่งหมินเจ๋อนั้นพวกเขาย่อมจะเห็นมันได้อย่างชัดเจน
เดิมทีแล้วการโอสถมันย่อมจะไม่มีทางลัดใดๆ ที่จะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเหนือล้ำ
คิดอยากให้ซ่งหมินเจ๋อก้าวขึ้นมาเอาชนะยอดอัจฉริยะอย่างซ่งเหวินห่าวนั้นด้วยเวลาแค่สามเดือน มันจะเป็นไปได้หรือ?
เหล่าผู้นำตระกูลทั้งหลายนั้นต่างต้องหัวเราะเย้ยขึ้นมาในใจ
พวกเขานั้นรอที่จะตบหน้าเย่หยวนกันเต็มที!
และสิ่งที่น่าขำที่สุดนั้นก็คือเย่หยวนได้ปล่อยให้คนที่ท้าทายเป็นฝ่ายเลือกโอสถที่จะใช้ประลองกันด้วย!
ซ่งเหวินห่าวนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา “น้องข้า เจ้าคงไม่ได้อ่อนหัดจนคิดว่าข้าจะเลือกโอสถสวรรค์ปรับฐานระดับหนึ่งหรอกใช่หรือไม่? วางใจเถอะ ข้านั้นยังพอมีสมองอยู่บ้าง! คิดอยากจะประลองมันก็ย่อมต้องใช้ดาบหอกอย่างแท้จริง มาประลองกันด้วยโอสถสวรรค์ระดับสอง! ไม่ว่าเจ้าจะหลอมโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งได้เก่งกาจแค่ไหนสุดท้ายมันจะยังมีประโยชน์ใด? ข้าขอเลือกโอสถสร้างเลิศใหญ่!”
ได้ยินเช่นนั้นมุมปากของซ่งเทียนหยางก็เผยอยิ้มขึ้น
โอสถสร้างเลิศใหญ่นั้นมันคือโอสถสวรรค์ที่เย่หยวนใช้ตบหน้าทุกคนกลางงานเลี้ยงและทำให้หวงห่าวหยานและซูเป่ยหยุนบรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำนั้น!
ทำไมคนถึงเรียกซ่งเหวินห่าวว่าเป็นยอดอัจฉริยะ?
เพราะว่าเขานั้นสามารถจะหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิได้ตั้งแต่อายุเท่านี้!
เขานั้นคือนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองขั้นสุด!
แม้ว่าการหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิของเขานั้นมันยังจะต้องปรับปรุงกันอีกมากแต่แค่หลอมได้สำเร็จมันก็มากพอจะใช้อวดอ้างตัวได้แล้ว
โอสถสวรรค์จักรพรรดินั้นมันมิใช่สิ่งที่คนทั่วๆ ไปจะหลอมได้
เหล่าผู้นำตระกูลทั้งหลายต่างหัวเราะเย้ยขึ้นมาในใจ
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าหนุ่มซ่งเหวินห่าวมันถึงได้ถูกซ่งเทียนหยางชื่นชมนัก! การเลือกโอสถสวรรค์นี้มันช่างเหนือล้ำนัก!”
“เจ้าดูหน้าซ่งหมินเจ๋อมันสิ ดูอย่างไรก็รู้ว่ามันไม่มีความมั่นใจเลย!”
“หึๆ คิดจะให้ซ่งหมินเจ๋อหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิภายในสามเดือนนั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไร? ข้าล่ะอยากจะเห็นจริงๆ ว่าเย่หยวนจะเอาตัวรอดออกไปได้อย่างไร!”
…
เหล่าผู้นำตระกูลทั้งหลายนั้นต่างเตรียมคำพูดเย้ยหยันถากถางไว้ในใจรอด่าว่าเย่หยวนแล้ว
เวลานี้แม้แต่เหล่าตระกูลที่อยู่ใต้อำนาจจ้าวซุนและอู้จี้อันเองก็ยังไม่ค่อยพอใจกับท่าทางของเย่หยวน
เพราะการคัดเลือกศิษย์ของเขานี้มันไร้มาตรฐานเกินไป!
ซ่งหมินเจ๋อนั้นได้แต่ทำหน้าเหยเก อดไม่ได้ที่จะหันไปหาเย่หยวนและกล่าวขึ้น “อาจารย์เย่ ข้า…”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่ต้องเครียดมาก เจ้าหลอมไปตามปกตินั่นแหละ!”
ซ่งหมินเจ๋อจะอย่างไรก็เป็นได้แค่นักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองขั้นกลาง เขาย่อมจะยังไม่ถึงขั้นสูงเสียด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้นการหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิมันจึงเป็นได้แค่ฝันกลางวันสำหรับเขา
เขานั้นไม่คิดว่าการที่ฝึกฝนหลอมโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งมันจะช่วยอะไรให้เขาหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิได้
ซ่งหมินเจ๋อรู้ดีว่าเย่หยวนตั้งความหวังกับเขาไว้สูงแต่นั่นมันยิ่งทำให้เขากังวล
หากเขาแพ้ลงแล้วอาจารย์เย่คงต้องเสียหน้าหนักแน่
และนั้นมักจะถูกใช้เป็นตัวอย่างด้านแย่ในตระกูลซ่งเสมอๆ
เวลานี้เขาได้รับการยอมรับจากเย่หยวน จึงไม่อยากจะทำให้คนผู้เดียวที่ยอมรับเขาต้องผิดหวัง
แต่ว่าท่าทางสบายๆ ของเย่หยวนนั้นมันก็ทำให้เขาใจเย็นลงได้จริง
เขานั้นรู้สึกมาตลอดว่าการที่เย่หยวนให้เขาฝึกฝนโอสถสวรรค์ระดับหนึ่งนั้นมันจะต้องมีความหมายใดๆ แฝงไว้
เมื่อการหลอมเริ่มต้นขึ้นซ่งหมินเจ๋อก็ทิ้งความคิดใดๆ ไปและเริ่มตั้งสมาธิทำการหลอมเพียงอย่างเดียว
ความตั้งใจหลอมโอสถของเขานี้เองมันก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้เย่หยวนเลือกเขามา
เทียบกับซ่งเหวินห่าวแล้ว ซ่งหมินเจ๋อนั้นมีความตั้งใจที่หนักแน่นกว่ามาก
แม้ว่าเขานั้นจะต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาลแต่เขาก็ยังสามารถตั้งสมาธิได้ในที่สุด
ดูท่าความกดดันนั้นมันกลับจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนของเขาไปแล้วด้วยซ้ำ!
ได้เห็นท่าทางของซ่งหมินเจ๋อนั้นซ่งเทียนหยางก็กล่าวขึ้นมา “เจ้าหอสาม นี่คือคำอธิบายของท่านหรือ? ไม่เห็นจะเท่าไหร่!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ก็ดูไปก่อน สงครามยังไม่จบเจ้าจะรีบนับศพทหารทำไมเล่า?”
คำพูดของเย่หยวนนี้มันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายยิ้มเย้ยขึ้นมาในใจ
ความดื้อด้านไม่ยอมรับผิดนี้มันคงไม่มีใครเกินเย่หยวนแล้วใช่ไหม?
ด้วยท่าทางของซ่งหมินเจ๋อนั้นเขาจะยังหลอมโอสถสวรรค์จักรพรรดิได้หรือ?
น่าขัน!
เวลานี้เหล่าคนที่เคยสนับสนุนนั้นต่างเริ่มรู้สึกว่าการที่เจ้าหอใหญ่และเจ้าหอรองแต่งตั้งเย่หยวนมาเป็นเจ้าหอสามนั้นมันคือความผิดพลาด!
..