“เยี่ยม พี่เย่หยวน! มันไม่ตามเรามาแล้ว!”
เมื่อซั่วเหยียนได้เห็นว่าหมาป่าศึกแสงม่วงและพวกนั้นหยุดเท้าไม่ตามมาแล้วเขาก็อดถอนใจยาวขึ้นมาอย่างโล่งอกไม่ได้
แต่เย่หยวนนั้นกลับหัวเราะขึ้นมา “เด็กโง่ เรานั้นคงหลุดเข้ามาในดินแดนต้องห้ามอะไรสักอย่างแล้วแน่นอน เพราะฉะนั้นพวกมันถึงไม่กล้าตามเข้ามา! เจ้าลองมองดูรอบๆ ให้ดี ที่นี่มันที่ไหนกันแน่?”
ซั่วเหยียนที่ได้ยินนั้นต้องหันหน้าไปมองดูรอบๆ ทันทีที่ได้ยิน
เมื่อเขามองดูแล้วเขาก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นมา
“ข้าไม่รู้จักดินแดนแถบนี้เลย! หรือว่า…เราจะล้ำเข้ามาในดินแดนของนักบุญสูงแล้ว?”
นักบุญสูงนั้นคือคำเรียกเหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนทั้งหลาย
“นักบุญสูง? ต่อให้มันจะเป็นดินแดนของเหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนแต่มันก็คงไม่มีอะไรให้ต้องกลัวถึงขนาดนั้นมิใช่หรือ?” เย่หยวนถามขึ้นมาอย่างมึนงง
“พี่ไม่รู้อะไร ดินแดนของเหล่านักบุญสูงนั้นมันห้ามเข้าออกโดยไม่ได้รับอนุญาต! หากเราถูกเจอตัวเข้าแล้วเราคงต้องตายลงแน่ ทั้งค่ายสำนักใดที่อยู่เบื้องหลังพวกเราเองก็จะต้องถูกทำลายลงสิ้นด้วยเช่นกัน!” ซั่วเหยียนกล่าวขึ้นมา
เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องขมวดคิ้วแน่น “ไร้เหตุผลปานนั้น? แค่มีพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนก็ทำตัวเช่นนี้แล้ว?”
“ไม่ได้การแล้วพี่เย่หยวน เราจะเข้าไปลึกกว่านี้ไม่ได้! หากถูกเจอตัวเข้านั้นนอกจากพวกเราจะต้องตายแล้วท่านพ่อนั้นยังจะต้องเจอหายนะไปด้วยแน่!”
พูดไปซั่วเหยียนก็ดึงตัวเย่หยวนกลับออกไป
แต่เย่หยวนนั้นกลับยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “สายไปแล้ว เราโดนเจอตัวมาระยะหนึ่งแล้ว!”
ซั่วเหยียนที่ได้ยินนั้นหน้าซีดลงทันทีก่อนจะได้เห็นเงาร่างหนึ่งค่อยๆ เดินออกมาจากป่า
ผู้ที่ก้าวออกมานั้นมันคือกระทิงเหลืองแก่ๆ ตัวหนึ่งแต่ร่างกายของมันนั้นกลับหนักแน่นดั่งขุนเขาและมีพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นสุดทีเดียว!
กระทิงเฒ่าเหลืองนั้นมองดูคนทั้งสองอย่างเงียบงันก่อนที่จะเปิดปากกล่าวพูดขึ้นมาในที่สุด “บุกรุกดินแดนนักบุญสูง พวกเจ้าฆ่าตัวตายชดใช้ความผิดเสียเถอะ”
เสียงของเขานั้นมันไม่เปิดโอกาสให้ได้เจรจาใดๆ
“ไปเถอะ!”
เย่หยวนร้องกล่าวก่อนจะใช้ปราณเทวะเฮือกสุดท้ายลากตัวซั่วเหยียนพุ่งหายไป
การนั่งรอความตายนั้นมันย่อมมิใช่สิ่งที่เย่หยวนจะทำ
กระทิงเฒ่านั้นหัวเราะขึ้น “คนอุตส่าห์เมตตากลับไม่ยอมรับ!”
พูดจบร่างของมันนั้นก็หายไปทันตา
เย่หยวนนั้นรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่ตามมาจากด้านหลังจนเขาแทบไม่อาจหายใจได้
กระทิงเฒ่านี้มันแข็งแกร่งอย่างมากล้ำ!
แต่ก่อนที่คนทั้งสองจะถูกบดขยี้จนตายตกลงนั้นคลื่นพลังหนักหน่วงรุนแรงนั้นกลับจางหายไป
มันเกิดขึ้นเร็วและหายไปเร็วกว่า!
แต่เบื้องหน้าของพวกเขานั้นมันก็มีร่างของกระทิงใหญ่มาขวางไว้แล้ว
กระทิงเฒ่ากล่าวขึ้นมา “พวกเจ้าทั้งสองตามข้ามา”
พวกเย่หยวนได้แต่ต้องหันมามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจความหมาย
แต่ว่าในที่สุดพวกเขาก็รอดชีวิตกลับมาได้
เย่หยวนที่ได้เห็นเช่นนั้นต้องถอนใจยาวจนแทบหมดแรงล้มลงไม่มีแรงเหลือจะเดินได้อีกจึงต้องขี่ขึ้นหลังซั่วเหยียนไป
เย่หยวนนั้นหยิบเอาโอสถสวรรค์ออกมากินเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง
เมื่อกระทิงเฒ่าได้เห็นโอสถสวรรค์ของเย่หยวนนั้นมันก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นมา
กระทิงเฒ่ากล่าว “โอสถสวรรค์นี้…มันดูไม่ธรรมดา”
เย่หยวนนั้นหลับตาลงซึมซับพลังของโอสถสวรรค์และไม่ได้คิดสนใจใดๆ เขาอีก
เขานั้นแทบจะต้องตายลงเพราะเจ้ากระทิงเฒ่านี้มีหรือที่เย่หยวนจะมีอารมณ์ถามตอบใดๆ ด้วย
เมื่อถูกเมินเช่นนั้นตัวกระทิงเฒ่าเองก็ได้แต่ต้องทำหน้าเหยเก
แต่ว่าเมื่อเขาได้เห็นความเร็วในการรักษาตัวของเย่หยวนนั้นเขาก็แทบจะต้องหยุดหายใจ
โอสถสวรรค์นี้มันเหนือล้ำเกินไป!
ไม่นานก่อนหน้านี้เย่หยวนยังมีสภาพปางตายแทบจะหมดลมหายใจอยู่รวยริน
แต่นี่ผ่านไปกี่นาที สภาพของเขานั้นมันกลับมาเหมือนคนที่แข็งแรงสมบูรณ์พร้อมได้!
หากมีโอสถสวรรค์เช่นนี้ให้ใช้งานแล้วตัวเขาคงจะต่อสู้ได้อย่างไม่ต้องหยุดพักใดๆ เลย!
ระหว่างที่ขี่หลังซั่วเหยียนมานั้นคลื่นพลังของเย่หยวนมันก็ปะทุขึ้นมารุนแรงกว่าตอนก่อนจะได้รับบาดเจ็บเสียด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้เย่หยวนมีพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำขั้นต้นสูงสุด
แต่พลังชีพมังกรที่หมี่เทียนส่งเข้ามาในร่างนั้นมันเป็นยาชั้นดีแก่เย่หยวน
เพราะฉะนั้นการบรรลุมันจึงเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
กระทิงเฒ่านั้นได้แต่หันมามองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
…
กระทิงเฒ่านั้นพาคนทั้งสองมาถึงถ้ำหนึ่งที่เงียบสงบ
กระทิงเฒ่ากล่าวขึ้นเตือนเย่หยวน “ที่แห่งนี้มันคือที่พักของท่านนักบุญสูง พวกเจ้ารอเงียบๆ ที่นี่ไป อย่าได้ไปก่อเรื่องภายนอก ไม่เช่นนั้นจงรับผลที่ตามมาด้วยตัวเองเถอะ!”
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจเขาและเดินเข้าไปนั่งพักในถ้ำทันที
กระทิงเฒ่านั้นได้แต่ต้องด่าว่าขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางนั้น “ไอ้มนุษย์โอหัง!”
หลังจากที่คนทั้งสองเข้ามาได้แล้วเย่หยวนก็เรียกหาหมี่เทียนในทะเลจิตของตนแต่กลับไม่ได้รับการตอบรับใดๆ
คลื่นพลังจากหัวใจมังกรนั้นเองมันก็ดูเบาบางลงไปมากจนทำให้เย่หยวนอดใจหายไม่ได้
ดูท่าการลงมือครั้งนี้มันจะทำให้หมี่เทียนเหนื่อยอ่อนไม่น้อย
เย่หยวนนั้นได้แต่ต้องรู้สึกผิดต่อหมี่เทียนในใจ
เดิมทีเขานั้นอยากจะถามหมี่เทียนถึงเรื่องของสายเลือดภูติแท้โกลาหลแต่ตอนนี้มันคงไม่มีทางถามอะไรได้
เย่หยวนนั้นไม่ได้กังวลเรื่องของซั่วเหยียนใดๆ เพราะดูท่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนคนนั้นคงสั่งให้กระทิงเฒ่าหยุดมือเพราะเห็นว่าสายเลือดของพวกเขานั้นมันไม่ธรรมดา
เมื่อไม่มีอะไรทำแล้วเย่หยวนจึงนึกย้อนกลับไปถึงวิชากระบวนท่าที่หมี่เทียนใช้สังหารเสือแปดดาวนั้นขึ้นมา
หมัดแปลงเก้ามังกรสวรรค์นั้นมันมีพลังที่น่ากลัวจนถึงที่สุด
เย่หยวนนั้นเชื่อมั่นว่าหากเขาเรียนรู้มันได้แล้วต่อให้เขาจะไม่ต้องใช้เขาแห่งถงเทียนออกมาเขาก็คงไร้เทียมทานในระดับชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำ!
ตอนที่ใช้กระบวนท่านี้ออกมาหมี่เทียนได้ยืมร่างของเย่หยวนใช้มัน แน่นอนว่าเย่หยวนย่อมจะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนของพลังงานชีพมังกรอย่างชัดเจน
แต่ว่าการทำงานของกระบวนท่านี้มันเหนือล้ำเกินความเข้าใจของเขาไปมาก
เย่หยวนนั้นจึงลองเดินพลังชีพมังกรในร่างตามความรู้สึกที่จำได้
ต่อยหมัดออกไป!
ปัง!
ไร้ซึ่งพลังใด
ต้นไม้ที่เขาต่อยไปนั้นมันแค่สั่นไหวเล็กน้อยเท่านั้น
การรู้สึกถึงมันได้ไม่ได้หมายความว่าเขาจะใช้งานมันได้
วรยุทธลึกลับนี้มันเข้าใจได้แต่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้
วรยุทธสุดแข็งแกร่งที่ทำให้คนก้าวข้ามชั้นบรรยากาศสวรรค์เอาชนะศัตรูนั้นมันดูท่าจะแข็งแกร่งกว่าแปลงยอดเต๋าด้วยซ้ำ มีหรือที่จะทำได้ในทันทีที่ลอง?
“ตอนที่ผู้อาวุโสหมี่เทียนท่านใช้มันนั้นท่านดึงพลังของยอดเต๋าลงมาได้ทำให้เกิดปาฏิหาริย์พลังในระดับเดียวกับแปลงยอดเต๋า แต่เวลาข้าใช้พลังสายเลือดมังกรออกมาทำไมมันกลับไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของพลังยอดเต๋าเลย?” เย่หยวนได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
แม้ว่าวรยุทธการบ่มเพาะของมนุษย์และมังกรนั้นมันจะแตกต่างกันแต่สุดท้ายเป้าหมายของพวกเขามันก็คือสิ่งเดียวกัน
มนุษย์นั้นใช้พลังในการวิเคราะห์ทำความเข้าใจพลังของกฎ
ส่วนภูติแท้นั้นจะสัมผัสยอดเต๋าผ่านสายเลือดในร่างกายตัวเอง
เผ่ามังกรนั้นเป็นเผ่าที่เกิดขึ้นมาจากความโกลาหลและมีพลังสายเลือดที่เหนือล้ำกว่าเผ่าใด แน่นอนว่าสัมผัสต่อยอดเต๋าของพวกเขานั้นมันก็จะมีมากกว่าใครๆ
แต่ก็เพราะว่าเช่นนั้นที่ทำให้มันยากกว่าใครๆ
เย่หยวนนั้นฝึกฝนซ้ำไปมาคิดใช้วิธีการของวรยุทธอื่นๆ มาประยุกต์แต่สุดท้ายก็ไม่อาจจะเข้าใจถึงจุดสำคัญของมันได้
แต่ว่าเขานั้นก็ไม่ได้กลัวเกรงใดๆ เพราะว่าพ่ายแพ้นั้นไม่มีผลใดๆ ต่อตัวเขา
และในเวลานั้นเองที่กระทิงเฒ่าก็ได้เดินเข้ามาในถ้ำ
เขานั้นมองหน้าเย่หยวนก่อนจะกล่าวด้วยท่าทางเย้ยหยัน “ที่แท้เจ้ากลับฝึกวิชาสายเลือดมังกร น่าเสียดายที่เจ้านั้นมันทำอะไรเกินตัวไปมากนักจนต้องล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า! วรยุทธที่เจ้าฝึกนั้นมันเป็นวรยุทธที่ดีแต่น่าเสียดายที่เจ้ากลับไม่อาจใช้พลังที่แท้จริงของมันได้ เผ่ามังกรนั้นเป็นเผ่าที่เกิดขึ้นมาจากความโกลาหลและใกล้เคียงกับเต๋าสวรรค์ที่สุด มีหรือที่มนุษย์คนหนึ่งจะลอกเลียนวิชาของพวกเขาได้?”
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจคำเย้ยของกระทิงเฒ่าแต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขากลับนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในหัว!
กระทิงเฒ่านั้นหัวเราะขึ้นมาต่อ “ไอ้เจ้ามนุษย์โง่เง่าโอหัง เจ้าคงไม่รู้หรอกใช่ไหม? ท่านนักบุญสูงนั้นบอกมาแล้วว่ามนุษย์ไม่ควรมายังเขาหมื่นอสูรและสั่งให้จัดการส่งเจ้าไปโลกหน้าเสีย!”
กระทิงเฒ่านั้นแข็งแกร่งอย่างมากหากเขาลงมือต่อเย่หยวนแล้วเย่หยวนย่อมจะเอาชนะไม่ได้แน่
แต่เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดสนใจและยังคงเบิกตากว้างขึ้นเรื่อยๆ