“น้องเย่ มันมีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น! วรยุทธบ่มเพาะทั้งหลายนี้มันจะช่วยเราบรรลุไปถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเที่ยงได้ทีเดียว!” นักบุญสูงต้าวหยุนนั้นยิ้มกว้างจนปากแทบฉีกกล่าวขึ้น
ความคับแค้นใดๆ กับเย่หยวนก่อนหน้ามันได้หายไปจากใจของเขาสิ้นเชิง
เขานั้นย่อมจะเคยเข้ามิติวิเศษที่เป็นซากของค่ายสำนักใหญ่เช่นนี้มาก่อน แต่ของที่ได้กลับมามันก็ไม่อาจจะเอามาเทียบกับการเดินทางครั้งนี้ได้เลย
วรยุทธบ่มเพาะ วรยุทธต่อสู้ สมบัติยอดหมอก โอสถสวรรค์ มันมีแต่ของที่สุดยอดเหนือจินตนาการสิ้น
เรื่องนี้มันได้พิสูจน์แล้วว่าหากตามเย่หยวนไปมันย่อมจะได้ประโยชน์มหาศาล แต่หากคิดต่อต้านเขามันมีแต่จะได้ตายอย่างหมาข้างถนนเท่านั้น
“น้องเย่ เจ้าจะไม่เอาวรยุทธบ่มเพาะลับทั้งหลายนี้จริงหรือ?” นักบุญสูงจื่อหยางถามขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อ
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าไม่ต้องการพวกมันหรอก พวกเจ้าเก็บมันไว้เองเถอะ”
“อ่า เช่นนั้นก็แล้วไป ขอบคุณน้องเย่มาก!” นักบุญสูงจื่อหยางหยิบหนังสือตรงหน้าขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้น
หมี่เทียนนั้นบอกไว้ว่าเหล่าวรยุทธทั้งหลายนั้นมันคงเป็นสุดยอดสมบัติสำหรับคนทั่วๆ ไปในทวีปพิรุณใส
แต่มันย่อมจะไม่อาจเทียบเคียงกับสวรรค์สัมฤทธิ์ไร้คำได้
หากมันเป็นตัววังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตหลักแล้วที่แห่งนั้นต่างหากมันถึงจะมีสมบัติที่ล้ำค่าอยู่จริงๆ
แต่ต่อให้เย่หยวนจะเอามันไปเขาก็ไม่ต้องเอามันมาฝึกฝนใดๆ
เพราะสวรรค์สัมฤทธิ์ไร้คำนั้นต่อให้จะเทียบกับวรยุทธบ่มเพาะระดับสูงของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย!
ที่สำคัญไปกว่านั้นเย่หยวนยังบ่มเพาะวรยุทธสาขาของสวรรค์สัมฤทธิ์ไร้คำมาตั้งแต่สมัยมีพลังชั้นบรรยากาศสามัญ การเปลี่ยนแปลงวรยุทธบ่มเพาะไปตอนนี้มันคงไม่ได้ประโยชน์อะไร
ส่วนวรยุทธต่อสู้นั้นเย่หยวนย่อมไม่เคยเดินตามรอยผู้ใดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
หากมันมิใช่วรยุทธที่ทรงพลังล้ำฟ้าจริงๆ แล้วเย่หยวนย่อมจะไม่คิดสนใจและของพวกนั้นมันก็ไม่มีทางมาอยู่ที่นิกายนอกเช่นนี้
คัมภีร์ทั้งหลายนั้นมันถูกแบ่งกันไปอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าหากมิใช่เพราะเย่หยวนคอยดูแลสถานการณ์แล้วเหล่าคนทั้งหลายคงลงมือฆ่าสังหารเพื่อแย่งชิงสมบัติกันแน่
“น้องเย่ เราจะไปไหนกันต่อดี? จะเข้าไปลึกกว่านี้หรือถอยกลับกันก่อน?” นักบุญสูงต้าวหยุนถามขึ้น
พวกเขานั้นให้ตำแหน่งผู้นำแก่เย่หยวนไปโดยปริยายแล้ว
อย่างน้อยๆ ในวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนี้หากเย่หยวนบอกให้ไปขวา มันก็จะไม่มีใครโง่เดินไปซ้าย
ออกห่างจากตัวเย่หยวนนั้นมันเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก!
เย่หยวนตอบกลับไป “ข้านั้นจะไปฝึกฝน พวกเจ้าจะมาด้วยหรืออย่างออกไปก่อน?”
นักบุญสูงต้าวหยุนนั้นผงะไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้น “ฝึกฝน? ในนี้?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เดินผ่านทางเดินนี้ไปด้านหน้ามันมีลานฝึกฝนของศิษย์ตั้งอยู่ ในเมื่อเรามาแล้วมันก็ย่อมจะทิ้งโอกาสไปไม่ได้”
แน่นอนว่าคนที่บอกตำแหน่งลานฝึกฝนนั้นให้เย่หยวนมันคือหมี่เทียน
หลายสิบปีที่ผ่านๆ มานี้เย่หยวนใช้เวลาส่วนมากไปกับการเก็บตัวบ่มเพาะฝึกฝนวิชาการโอสถจนพัฒนาไปอย่างบ้าคลั่งแต่มันทำให้เขานั้นขาดพลังด้านกฎ
เวลานี้กฎทั้งสามของเย่หยวนนั้นมันยังคงหยุดอยู่ที่ระดับสาม
การโจมตีใดๆ ก่อนหน้าของเขานั้นมันล้วนแล้วแต่พึ่งพลังของดาบมังกรวสันต์สิ้น
“ศิษย์? น้องเย่ เราจะไปทำอะไรที่ลานฝึกฝนของศิษย์กันเล่า?” นักบุญสูงต้าวหยุนกล่าวขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนนั้นคือพลังขั้นต่ำของคนที่จะมาเป็นศิษย์วังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตได้ ไม่ว่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกคนหนึ่งจะเก่งกาจแค่ไหนมันก็ไม่มีทางได้รับการยอมรับจากวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกต”
เมื่อคนทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็แทบจะสิ้นสติลง
“หะ? น้องเย่ นี่จะ…ล้อเล่นกันเกินไปแล้ว!” นักบุญสูงต้าวหยุนนั้นผงะไปทันที
“ใช่แล้ว จักรพรรดิเซียนนั้นจะอย่างไรก็เป็นตัวตนที่ปกครองแผ่นดินได้ แต่พอมาถึงวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนี้พวกเขากลับเป็นได้แค่ศิษย์เฝ้าประตูหรือ?” นักบุญสูงจื่อหยางกล่าวขึ้นตาม
เหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนทั้งหลายนั้นต่างเป็นตัวตนที่อยู่เหนือเรื่องราวทางโลกบนทวีปพิรุณใสมีสถานะล้ำฟ้า
พวกเขานั้นย่อมจะรู้ว่าเหนือฟ้ามันยังมีฟ้า เพราะจะอย่างไรมันก็ยังมีเหล่าจักรพรรดิเที่ยงเหนือจักรพรรดิเซียนไป
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่เชื่อว่าพลังระดับพวกตนนี้มันจะเป็นได้แค่ศิษย์
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เถอะ พวกเจ้าจะออกไปก่อนหรือไปฝึกฝนกับข้าเล่า?”
นักบุญสูงต้าวหยุนนั้นหัวเราะกล่าวขึ้น “ข้านั้นอยากจะเห็นนักว่าวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนี้มันฝึกฝนศิษย์กันอย่างไร!”
นักบุญสูงจื่อหยางเองก็พยักหน้ารับกล่าวขึ้นตาม “ข้าเองก็อยากจะเห็นเช่นกัน!”
เหล่านักบุญสูงคนอื่นๆ นั้นต่างก็พยักหน้าตามดูท่าคงไม่มีใครขัด
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ในเมื่อตกลงกันได้แล้วก็ตามข้ามาเถอะ”
แน่นอนว่าเมื่อมันถูกทิ้งร้างไว้นานปีเช่นนี้มันก็ย่อมจะมีตัวอันตรายมากมายเข้ามาอยู่อาศัยภายในวัง
แต่ว่าด้วยคำแนะนำของหมี่เทียนนั้นเย่หยวนได้ใช้พลังของค่ายกลปิดกั้นมากมายและทำลายเหล่าตัวอันตรายนั้นสิ้น
เหล่ายอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนทั้งหลายที่ตามติดเย่หยวนมานั้นได้แต่ต้องเดินด้วยความสั่นกลัวทั้งใจ
เมื่อเดินผ่านทางเดินที่มืดสนิทมาได้ไม่นานพวกเขานั้นก็ได้พบกับลานฝึกฝนใหญ่โตตรงหน้า
เย่หยวนนั้นพาคนทั้งหลายเดินเข้าไปภายในและหลังจากมองหาอยู่ไม่นานเขาก็ได้พบร่องอยู่ไม่ห่างจากทางเข้านัก
เย่หยวนนั้นหยิบเอาผลึกสวรรค์ออกมาเทใส่ร่องนั้น
ไม่นานพื้นที่ทั้งบริเวณนั้นมันก็สว่างขึ้นเหมือนเครื่องจักรที่ได้รับพลังงานอีกครั้ง
เมื่อเย่หยวนได้เห็นเช่นนั้นเขาก็ยิ้มขึ้น “โชคยังดีที่ลานฝึกฝนไม่ได้รับความเสียดายใด”
แม้จะเปิดใช้งานลานฝึกฝนขึ้นมาได้แล้วแต่เบื้องหน้าของคนทั้งหลายกลับไม่มีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น
ทุกสิ่งอย่างนั้นมันดูแสนปกติ แค่สว่างขึ้นเท่านั้น!
แต่ในเวลานั้นเองที่มันกลับเกิดจอแสงฉายขึ้นบนกำแพงของลานฝึก
บนนั้นมันมีรายชื่อยาวเหยียดเขียนไว้
“จักรพรรดิเซียนอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์วังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนิกายนอก จุนเทียนเซียว!”
“จักรพรรดิเซียนอันดับสองในประวัติศาสตร์วังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนิกายนอก จั่วเหวินเถียน!”
…
“จักรพรรดิเซียนอันดับร้อยในประวัติศาสตร์วังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนิกายนอก ซุนฉี!”
บนจอแสงนั้นมันมีนามร้อยนามเขียนเรียงไว้
นามนั้นมันไม่ได้ดูยิ่งใหญ่เหนือล้ำอะไรแต่คำว่าในประวัติศาสตร์นั้นมันทำให้เย่หยวนต้องหันมาสนใจ!
เพราะแม้คนอื่นจะไม่รู้แต่เย่หยวนนั้นรู้ดีว่าวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหนมาก่อน
ตอนที่มันรุ่งเรืองนั้นมันมีศิษย์นับล้าน!
และหมี่เทียนนั้นก็ได้บอกเย่หยวนไว้ว่าวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนี่ดำเนินอยู่อย่างมั่นคงมาหลายยุคสมัยเป็นเวลากว่าล้านปี!
ค่ายสำนักระดับนั้นการจะขึ้นเป็นหนึ่งร้อยอันดับแรกในประวัติศาสตร์มันย่อมจะต้องเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน!
แม้จะไม่ต้องไปมองย้อนในประวัติศาสตร์ แค่ในคนรุ่นสุดท้ายนั้นมันก็เหนือล้ำเกินกว่าจะเข้าใจได้แล้ว
ติดอันดับร้อยในจำนวนศิษย์พลังจักรพรรดิเซียนนับล้าน มันย่อมจะต้องเป็นสุดยอดของสุดยอดอัจฉริยะ!
“เหอะ ไอ้หนู คนทั้งร้อยนั้นมันไม่มีใครชอบรังแกคน เจ้านั้นมีพลังแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยก พวกมันก็จะใช้พลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกสู้เช่นกัน! หากเจ้าเอาชนะพวกมันลงได้แม้สักคนพรสวรรค์ของเจ้าก็คงถือว่าติดหนึ่งในร้อยของสามสิบสามสวรรค์ได้เช่นกัน!” หมี่เทียนกล่าวขึ้นมา
ความหมายในคำพูดของเขานั้นมันคือเขาไม่คิดว่าเย่หยวนจะเอาชนะคนทั้งร้อยนี้ได้แม้สักคน
หรือก็คือเย่หยวนนั้นไม่เก่งกาจพอจะติดหนึ่งร้อยอันดับแรก
“ผู้อาวุโส ท่าน…ฟังน้ำเสียงแล้วไม่คิดว่าข้าจะชนะเลยสิ!” เย่หยวนได้แต่ต้องหัวเราะขึ้น
หมี่เทียนยิ้มตอบกลับไป “ไอ้หนู อย่าได้หาว่าข้าสบประมาทเจ้าเลย! คำพูดของข้านั้นความจริงแล้วนับเป็นคำชมด้วยซ้ำ! เพราะมันมิใช่ทุกคนที่จะมีพลังท้าทายคนทั้งร้อยนี้ได้! พวกที่ตามเข้ามานั้นคงไม่มีคุณสมบัติพอจะท้าทายใดๆ เลย!”
“เจ้านั้นไม่เคยเห็นว่าเหล่าศิษย์ของวังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตนั้นมันมีแต่ยอดเพชรมากฝีมือแค่ไหน! การขึ้นมาติดร้อยอันดับแรกได้นั้นมันย่อมจะหมายความว่าพลังฝีมือของพวกเขานั้นเหนือล้ำที่สุดในยุคสมัยของตัวเองแล้ว! ต่อให้จะเทียบเคียงกับประวัติศาสตร์อันยาวนานพวกเขานั้นก็ถือเป็นยอดคนที่เหนือล้ำสวรรค์เช่นกัน!”
“ในหมู่คนทั้งหลายนี้ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ตายพวกเขาย่อมจะกลายเป็นเจ้าสวรรค์ได้ในที่สุด! คนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ไปไหนมาไหนไม่มีใครกล้าขัด! ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่วังศักดิ์สิทธิ์เขาวงกตจะคิดการใหญ่รวมสามสิบสามสวรรค์เป็นหนึ่งได้?”
เย่หยวนนั้นรู้ดีว่าหมี่เทียนแค่กล่าวคำพูดออกมาตามความจริง
แต่คำพูดนี้ของหมี่เทียนมันกลับกระตุ้นเย่หยวนขึ้นอย่างมาก
จะบอกว่าเขานั้นด้อยกว่าเหล่ายอดอัจฉริยะแห่งสวรรค์นี้จริงๆ
เย่หยวนคนนี้ตั้งแต่เริ่มเส้นทางแห่งพลังบ่มเพาะขึ้นมา เขานั้นล้วนผลักเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายจนตกข้างทางไปนับไม่ถ้วน
แต่วันนี้จะบอกว่าเขานั้นด้อยกว่าเหล่ายอดอัจฉริยะแห่งสวรรค์นี้?