เหล่ายอดฝีมือที่อยู่รอบๆ นั้นต่างต้องอ้าปากค้างไปตามๆ กัน!
เจ้าเป็นจักรพรรดิเที่ยงแต่กลับกลัวจนหัวหด?
จักรพรรดิเที่ยงนั้นคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่เหนือล้ำสวรรค์ในสายตาของพวกเขา แต่ละคนนั้นต่างมีพลังไร้สิ้นสุด!
แต่สุดท้ายแล้วเขานั้นกลับกลัวจักรพรรดิเซียนขั้นต้นคนหนึ่งจนหนีหัวซุกหัวซุน!
หนีไปก็ยังพอว่าแต่มีหน้ามาประกาศว่าจะหนีไปจากทวีปพิรุณใสด้วย
คนทั้งหลายได้แต่ต้องหันมามองวิญญาณดั่งเดิมที่เลือนลางของเย่หยวนด้วยความมึนงงและชื่นชม
เขาคนนี้เก่งกาจล้ำจริงๆ!
แต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับต้องถอนใจยาวออกมาเมื่อได้เห็นเหยียนยูเจินหนีไป
เพราะว่าการต่อสู้นี้มันสร้างภาระให้วิญญาณดั่งเดิมของเขาอย่างมาก!
วิญญาณดั่งเดิมระดับชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเที่ยงนั้นมันทรงพลังล้ำ
ต่อให้เหยียนยูเจินนั้นจะไม่มีวรยุทธทางวิญญาณ และยังต้องใช้พลังส่วนมากไปกับการกดพิษหยอกชีวาราวฝันแต่ว่าศัตรูคนนี้ก็ยังทำให้เย่หยวนแทบเอาตัวไม่รอด
แต่ว่าเขานั้นก็ไม่ได้โกหกเรื่องที่ว่าธนูเทพล้างนั้นมันฝังตราวิญญาณลงในร่างของเหยียนยูเจิน
หากอยู่ในระยะแล้วเย่หยวนย่อมจะสามารถตรวจจับถึงวิญญาณดั่งเดิมของอีกฝ่ายได้ ไม่มีที่ไหนให้ซ่อน ที่สำคัญไปกว่านั้นด้วยวิชาระดับกำเนิดเทพนี้ตัวเหยียนยูเจินย่อมจะไม่มีทางลบล้างตรานี้ออกไปได้แน่!
ในเวลานี้เย่หยวนสัมผัสได้ชัดเจนว่าเหยียนยูเจินกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศใต้อย่างสุดตัว ดูท่าเขาคงจะกลัวจริงๆ
เย่หยวนนั้นย่อมไม่กลัวว่าเขาจะไปสร้างปัญหาใหม่อะไรในเร็วๆ นี้เพราะว่าตัวเหยียนยูเจินเองก็มีสภาพไม่ได้ดีไปกว่าเขา หยอกชีวาราวฝันนั้นมันแทบจะปะทุขึ้นมาในร่างนั้นแล้ว ดูศพที่นอนกองอยู่บนพื้นนั้นเย่หยวนก็ได้แต่ต้องส่ายหัวออกมา
นิกายสวรรค์หยกแท้นั้นจบสิ้นลงแล้วเหยียนยูเจินนั้นสร้างนิกายสวรรค์หยกแท้ขึ้นมากับมือและทำลายมันลงกับมือด้วยเช่นกัน แต่เรื่องนี้ย่อมมิใช่ปัญหาที่เขาต้องใส่ใจตราบเท่าที่คนสนิทของเขาปลอดภัย มันย่อมจะไม่มีปัญหาใด
สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันย่อมจะดูอ่อนแอเลือนลางเหมือนเงาที่จะลอยหายไปได้กับสายลม เขานั้นหันหน้ากลับคิดลงไปยังมหาพิภพถงเทียน แต่ในเวลานั้นเองที่มันมีเงาร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมาดักหน้าเขาไว้ก่อน
ผู้มาถึงนั้นมองหน้าเย่หยวนและถามขึ้น “เจ้าคือเย่หยวน? เย่หยวนแห่งนิกายสวรรค์ยุทธมั่น?” เบื้องหน้าเย่หยวนนั้นมีชายแก่วัยกลางคนในชุดคลุมจีนยืนขวางอยู่ เขานั้นมีพลังถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียน
แต่ดูท่าเขาคงเพิ่งจะบรรลุขึ้นมาได้ เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นเพราะอีกฝ่ายเดินมาขวางทางเช่นนี้คงไม่ได้มาดีแล้ว
“เป็นเย่ผู้นี้!” เย่หยวนนั้นไม่คิดปิดบังใดๆ
แต่เมื่อคำพูดนั้นถูกกล่าวขึ้นมาสีหน้าของเหล่ายอดฝีมือที่ยังมุงดูเรื่องราวอยู่ต่างต้องเปลี่ยนสีไป
“เป็นเขาจริง! เศษซากของนิกายสวรรค์ยุทธมั่น! เขากลับยังไม่ตาย!”
“มิใช่แค่ไม่ตายแต่ว่าวิญญาณดั่งเดิมของเขานั้นยังบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนได้! เมื่อกี้เขายังเอาชนะจักรพรรดิเที่ยงจนอีกฝ่ายหนีหากจุกตูดไปด้วย!”
“แต่เวลานี้เขามีสภาพปางตายแล้ว! จางไคหยุนนั้นคงไม่ปล่อยเขาไปแน่!”
…
เย่หยวนนั้นไม่รู้จักชายคนนี้แต่ยอดฝีมือทั้งหลายย่อมจะคุ้นหน้าเขาดี
เพราะเขาคนนี้คือที่นั่งแรกของนิกายสวรรค์หยกแท้ จางไคหยุน!
ที่นั่งแรกของนิกายสวรรค์หยกแท้นั้นย่อมจะเป็นคนของพันธมิตรโอสถ!
ตอนที่เย่หยวนเข้าไปยังนิกายสวรรค์หยกแท้นั้นจางไคหยุนกำลังอยู่ในช่วงของการเก็บตัว
หลายวันก่อนนั้นจางไคหยุนได้บรรลุขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนและออกมาจากการเก็บตัวในที่สุด
เขานั้นไม่นึกฝันเช่นกันว่าวันนี้มันกลับจะเกิดศึกใหญ่ขึ้นในดินแดนของนิกายสวรรค์หยกแท้
จากที่ฟังคำของเหยียนยูเจินและเย่หยวนนั้น จางไคหยุนก็รู้ได้ทันทีว่าเย่หยวนคนนี้คือใคร
ก่อนนั้นตอนที่พันธมิตรโอสถโจมตีนิกายสวรรค์ทั้งห้าก่อนกำหนดการมันก็เพราะว่าเย่หยวนคนนี้ ในฐานะคนระดับกลางของพันธมิตรโอสถตัวจางไคหยุนในตอนนั้นย่อมจะได้ยินเรื่องมาด้วย
เพียงแค่ว่าเขาเองก็ไม่คิดฝันว่าเย่หยวนนั้นจะเก่งกาจถึงขั้นเอาชนะจักรพรรดิเที่ยงลงได้เช่นนี้!
แต่เมื่อได้เห็นเช่นนั้นเขาย่อมจะมีความคิดอยากนั่งรอรับผลประโยชน์โดยไม่ลงมือใดๆ
วินาทีที่เขาได้ยินคำยืนยันของเย่หยวนนั้นเขาก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความดีใจ
“ฮ่าๆๆ…ช่วงนี้ข้านี่มันมีโชคเสียจริง! ทีแรกก็บรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนได้ ตอนนี้ยังจะได้สร้างคุณให้ทางพันธมิตรอย่างง่ายดายอีก!” จางไคหยุนนั้นหัวเราะลั่นขึ้นมา
เย่หยวนที่ได้ยินนั้นต้องขมวดคิ้วแน่น “เจ้าเป็นคนของพันธมิตรโอสถ?”
จางไคหยุนนั้นยิ้มตอบไป “ใช่แล้ว! ข้านั้นคือที่นั่งแรกของนิกายสวรรค์หยกแท้! หลายวันก่อนข้าได้บรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนมา ไม่นึกเลยว่าเจ้ากลับจะส่งมอบของขวัญที่สองให้ข้าได้รวดเร็วปานนี้!”
จางไคหยุนหัวเราะลั่นขึ้นมาเพราะการล่มสลายของนิกายสวรรค์หยกแท้นั้นมันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
การที่เขามายังนิกายสวรรค์หยกแท้นี้มันก็เพราะเรื่องส่วยและการสืบความลับ
เพราะเช่นนี้เองที่เขาสามารถจะบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนขึ้นมาได้
เหล่าที่นั่งแรกของพันธมิตรโอสถนั้นมันไม่ได้ต่างอะไรจากตัวเรือดของนิกายทั้งหลาย
ในความคิดของเขานั้นเย่หยวนย่อมไม่อาจหนีรอดไปได้แล้ว
เย่หยวนมองหน้าจางไคหยุนก่อนจะยิ้มตอบกลับไปด้วยความขำขัน “เช่นนั้นแล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะโค่นข้าลงได้?”
จางไคหยุนนั้ยิ้มตอบกลับไปอย่างเย็นเยือก “ไอ้หนู เจ้านั้นมันใกล้จะตามอยู่รอมร่อแล้ว เจ้าคิดว่าข้ามองไม่ออกหรือ? ก่อนหน้านี้เจ้าใช้พลังเฮือกสุดท้ายไล่เหยียนยูเจินนั้นมันหนีไปแต่หากเจ้าปล่อยพลังเช่นนั้นออกมาอีกวิญญาณดั่งเดิมของเจ้ามันคงแตกสลายลงก่อนมิใช่หรือ? ที่สำคัญไปกว่านั้นข้านั้นยังมีกายเนื้อและสภาพสมบูรณ์พร้อม ข้าไม่กลัวการโจมตีวิญญาณดั่งเดิมของเจ้าหรอก!”
เรื่องเย่หยวนนี้ตัวจางไคหยุนย่อมจะมั่นใจมาก
เขานั้นเห็นชัดเจนว่าธนูเทพล้างนั้นมันเป็นอาวุธที่มีเป้าหมายโจมตีเข้าวิญญาณดั่งเดิม
การโจมตีเช่นนี้มันย่อมจะเป็นอันตรายล้ำต่อวิญญาณดั่งเดิมที่ไร้ร่างเนื้อ
แต่เขานั้นเป็นถึงจักรพรรดิเซียนผู้มีวิญญาณดั่งเดิมอันแข็งแกร่งไม่น้อย ไหนจะเรื่องที่ว่าเขานั้นยังมีกายเนื้อเป็นเกราะให้วิญญาณด้วยอีก
หากเย่หยวนคิดอยากจะใช้ธนูนั้นโจมตีเขามันคงยากเกินกว่าจะเข้าถึงทะเลจิตของเขาได้
หากเย่หยวนนั้นยังคงมีสภาพสมบูรณ์ตัวเขาย่อมจะเกรงกลัวไม่น้อย
แต่ตอนนี้นอกจากยอมแพ้แล้วเย่หยวนคงทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น!
จางไคหยุนนั้นมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ้มเย้ยขึ้นมา “ที่สำคัญไปกว่านั้นเจ้าคิดว่าพันธมิตรโอสถข้ามันกระจอกเหมือนพวกเจ้าหรือ? พวกเราจะไม่มีวิชาวิญญาณดั่งเดิมเลยหรือ? หึๆ รากฐานของพันธมิตรโอสถข้านั้นมันเหนือล้ำกว่าที่เจ้าจะเข้าใจนัก!”
พูดจบจางไคหยุนนั้นก็ปล่อยพลังวิญญาณดั่งเดิมของตนออกมาทำให้หน้าของเหล่ายอดฝีมือรอบๆ เปลี่ยนสีไป
แข็งแกร่ง!
จางไคหยุนนั้นมีพลังวิญญาณที่เหมือนตะวันกลางฟ้าส่วนเย่หยวนนั้นเป็นได้แค่ตะวันที่กำลังอัสดง ไม่อาจเทียบเคียงกันได้เลย
เงาร่างจางๆ ของเย่หยวนนั้นอดหัวเราะขึ้นไม่ได้เมื่อได้ยิน “นี่คือความคิดของเจ้าหรือ? เจ้าคิดว่าตอนนี้ข้าไม่มีกำลังจะปล่อยสุดยอดวิชาออกมาแล้ว เจ้านั้นยืนมองดูเสือสองตัวกัดกัน ปล่อยให้เราต่อสู้กันจนเหนื่อยอ่อนก่อนที่จะเข้ามาแย่งผลประโยชน์ไป?”
จางไคหยุนนั้นหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะว่าคำพูดของเย่หยวนนั้นมันแฝงคำเย้ยหยันมาชุดใหญ่!
แต่เย่หยวนนั้นย่อมจะไม่สนใจหน้าดำๆ แดงๆ ของจางไคหยุนและกล่าวขึ้นต่อ “พันธมิตรโอสถของเจ้านั้นมีรากฐานที่ลึกล้ำ พลังบ่มเพาะของเจ้าเองก็เทียบเคียงกับข้าได้ที่สำคัญเจ้ายังมีร่างกายที่ปกป้องวิญญาณดั่งเดิมไว้ เจ้ามีขนาดนี้แล้วแต่กลับไม่กล้าโผล่หน้าออกมาต่อสู้? บางทีหากเจ้าช่วยเหลือเหยียนยูเจินมันเมื่อครู่ผลลัพธ์อาจจะเป็นอย่างที่เจ้าคาดหวังก็ได้! แต่ต้องขออภัยด้วย จักรพรรดิเที่ยงนั้นไม่ได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคิดหรอก! เหตุผลที่เหยียนยูเจินมันถูกข้าเล่นงานจนมีสภาพเช่นนั้นมันเพราะว่ามันไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวก็เท่านั้น! หากมันได้ตั้งตัวแล้วคงเป็นข้าต่างหากที่จะตายลงไป!”
เมื่อเย่หยวนกล่าวขึ้นมาจางไคหยุนก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ ในใจ
เขานั้นรู้สึกได้ทันทีว่าเขามองข้ามอะไรไป
เย่หยวนถามขึ้นต่อ “พูดมาขนาดนี้แล้วที่ข้าจะบอกก็คือเจ้าได้พลาดโอกาสสังหารข้าไปแล้ว! แม้ว่าตัวข้าในตอนนี้จะมีสภาพปางตายแต่ว่าสังหารขยะเช่นเจ้านั้นมันก็ยังมีแรงพอ ไม่ว่าเจ้าจะมากฝีมือแค่ไหน จะมีรากฐานที่ลึกล้ำปานใด เจ้านั้นก็ยังอ่อนแอเกินกว่าจะมาเทียบเคียงข้าได้!”
จางไคหยุนนั้นยิ้มตอบกลับไป “ไอ้หนู เจ้าคิดอวดอ้างข่มขู่คน? เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวหรือ?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “อวดอ้างข่มขู่คน? เจ้าคิดมากไปแล้ว!”
จางไคหยุนนั้นรู้สึกขนลุกทั้งกายก่อนที่จะไม่อาจสัมผัสอะไรได้อีก
เขานั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะใช้ปล่อยวิชาที่เตรียมไว้นั้นออกมา!