ได้เห็นหน้าของเย่หยวนนั้นหลัวหยุนชิงก็เข้าใจไปว่าความสำเร็จของเขามันยิ่งใหญ่จนแม้แต่เย่หยวนยังอายจึงยิ่งทำให้เขานั้นรู้สึกภาคภูมิขึ้นกว่าเก่า
แน่นอนว่าการบ่มเพาะถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวและสร้างค่ายกำลังอย่างพันธมิตรเลือดขึ้นมาในเวลาแค่ร้อยกว่าปีนั้นมันย่อมจะเป็นเรื่องใหญ่ล้ำในสายตาคนทั่วไป
“พี่หลัว ฝีมือของท่านนี้…แข็งแกร่งที่สุดในพันธมิตรเลือดแล้วหรือไม่?” เย่หยวนถามขึ้นมา
“แน่นอน!”
หลัวหยุนชิงพยักหน้ากล่าวขึ้นต่อ “พันธมิตรเลือดเรานั้นมีสมาชิกเกือบถึงพันคนด้วยกัน มีระดับผู้นำสามคนคือข้าและสองรองผู้นำพันธมิตร พวกเราต่างล้วนมีพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวกันสิ้น! อีกสองคนที่ข้าพูดถึงนี้หนึ่งมาจากนิกายสวรรค์หมื่นช้างอีกคนมาจากนิกายสวรรค์ล้ำคาด! มาเถอะ กลับไปที่พันธมิตรเลือดกับข้าก่อน เราค่อยมาคุยเรื่องรายละเอียดต่อจากนี้กัน!”
หลัวหยุนชิงนั้นดึงตัวเย่หยวนไปอย่างไม่คิดยอมรับคำปฏิเสธแม้แต่น้อย
เย่หยวนเองก็ไม่อาจขัดจึงได้แต่ต้องตามไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
เย่หยวนนั้นผิดหวังอยู่ไม่น้อย พวกเขานั้นไม่มีจักรพรรดิเซียนแม้สักคนหนึ่ง มีหรือที่จะต่อต้านอะไรได้!
สำหรับพันธมิตรโอสถแล้วพวกเขาคงไม่ได้ต่างอะไรจากแมลงที่บินว่อนสร้างความรำคาญหรอกใช่ไหม?
ดูท่าแล้วภัยของพวกเขานี้มันคงไม่เท่าคำประกาศของเย่หยวนแค่คำเดียวนั้นด้วยซ้ำ
ระหว่างทางนั้นคนทั้งสองย่อมจะพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบของกันและกัน
เย่หยวนเองก็ไม่คิดปิดบังใดๆ เล่าเรื่องราวตั้งแต่เขาไปถึงแดนสวรรค์ใต้และเรื่องราวมากมายต่อจากนั้น
หลัวหยุนชิงได้รู้ว่าเย่หยวนนั้นได้บ่มเพาะอย่างบ้าคลั่งในแดนสวรรค์ใต้กว่าที่จะมีวันนี้ได้จึงไม่ได้คิดสงสัยอะไรมากมาย
แต่ว่าเวลาแค่ร้อยกว่าปีกลับบ่มเพาะจากชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่ขึ้นชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นปลายได้นั้นมันย่อมจะเป็นอะไรที่ยากเย็นเกินคน
ระหว่างทางหลัวหยุนชิงเองก็ไม่ได้เปิดเผยตัวตนและยังคงเดินทางกลับไปอย่างระมัดระวัง
ครึ่งเดือนต่อมาคนทั้งสองก็ได้มาถึงยังเทือกเขาหนึ่งบริเวณชายแดนของดินแดนสวรรค์ตะวันธาร
ในเขาใหญ่นั้นมันมีน้ำตกสูงใหญ่ราวกับหลุดออกมาจากนิยาย!
หลัวหยุนชิงนั้นเดินนำเย่หยวนผ่านใต้น้ำตกนั้นไปจนเข้าสู้ห้วงมิติลับด้านหลังน้ำตก
ภาพตรงหน้าของพวกเขานั้นเปลี่ยนไปทันทีเพราะเข้ามาถึงโลกอีกใบหนึ่ง
ในมิติลับนี้มันมีทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างมาก คนส่วนมากในที่แห่งนี้กำลังบ่มเพาะฝึกฝนตัว ส่วนคนอีกกลุ่มที่เหลือก็ทำหน้าที่ดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยไป
หลัวหยุนชิงนั้นยิ้มขึ้น “เย่หยวน คิดอย่างไรกับที่นี่บ้าง?”
เย่หยวนพยักหน้าตอบไปด้วยรอยยิ้มทันที “ไม่เลว!” เขานั้นรู้สึกได้ว่าที่แห่งนี้มันไม่เลวจริงๆ ด้วยนิสัยของหลัวหยุนชิงแล้วเขาคงต้องพยายามอย่างมากกว่าที่จะสร้างอะไรระดับนี้ขึ้นมาได้
“เดิมทีแล้วที่แห่งนี้มันคือมิติวิเศษเล็กๆ แห่งหนึ่ง หลังจากพันธมิตรเลือดเราเข้ามายึดครองมันแล้วก็ได้ปรับเปลี่ยนมันให้กลายเป็นฐาน! ไม่ว่าพันธมิตรโอสถนั้นมันจะเก่งกาจแค่ไหนแต่หากเราซ่อนอยู่ที่นี่แล้วต่อให้พวกมันจะพลิกแผ่นดินหา พวกมันก็ไม่อาจจะหาเราเจอได้! วันหน้านั้นเจ้าจงบ่มเพาะอยู่ที่นี่เถอะ เรื่องที่เหลือข้าจะดูแลเอง!”
พูดไปมันก็ปรากฏสองเงาร่างเดินเข้ามากล่าวทักทาย
คนทั้งสองนั้นกล่าวขึ้นทัก “ผู้นำพันธมิตร!”
หลัวหยุนชิงนั้นยิ้มขึ้น “ทั้งสองคนมาถึงได้เวลาพอดี ให้ข้าแนะนำเขาให้พวกเจ้าได้รู้จักเถอะ เย่หยวน นี่คือยอดอัจฉริยะแห่งนิกายสวรรค์หมื่นช้าง หยูไห่เจิ้ง ส่วนนี่คือรองเจ้านิกายสวรรค์ล้ำคาด โจวหยุนเซียง! พวกเขาทั้งสองตอนนี้เป็นรองผู้นำของพันธมิตรเลือดเรา ถือเป็นมือซ้ายมือขวาของข้า!”
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะคนทั้งสองก่อนจะกล่าวทักขึ้น “ยินดีที่ได้รู้จักพี่หยู พี่โจว!”
หยูไห่เจิ้งนั้นยิ้มตอบกลับไป “ข้านั้นได้ยินนามของน้องเย่มานาน ยินดีที่ได้เจอตัวเป็นๆ!”
หลัวหยุนชิงกล่าวขึ้นต่อ “พี่น้องทั้งสอง นี่คือเย่หยวนแห่งนิกายสวรรค์ยุทธมั่นข้า เขานั้นคือผู้ก่อตั้งศาลาโอสถที่พวกเจ้าคงรู้จักกันดี! แล้วจากวันนี้ไปเขาก็จะเป็นผู้นำพันธมิตรเลือดของเราด้วย!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนก็ต้องผงะและรู้ได้ทันทีว่าไม่ได้การแล้ว
แน่นอนว่าสีหน้าของพวกโจวหยุนเซียงต้องเปลี่ยนสีไป
“ผู้นำพันธมิตร ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” โจวหยุนเซียงถามขึ้นทันที
หลัวหยุนชิงนั้นตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “เย่หยวนนั้นเป็นเจ้านิกายสวรรค์ยุทธมั่นข้า เขาย่อมจะอยู่ต่ำกว่าหลัวคนนี้ไม่ได้! จากวันนี้ไปเย่หยวนนั้นจะเป็นผู้นำของพันธมิตรเลือดด้วย!”
แต่ก่อนที่เย่หยวนจะได้กล่าวอะไรขึ้นโจวหยุนเซียงก็ร้องตวาดกลับมาทันที “หลัวหยุนชิง เจ้าคิดว่าพันธมิตรเลือดเรานั้นมันคืออะไร?! ที่เรานับถือเจ้าเป็นผู้นำนั้นก็เพราะว่าความเสียสละและกล้าหาญต่อสู้เสี่ยงตายของเจ้า! ไอ้เด็กคนนี้มันยังไม่ทันได้ทำอะไรแม้แต่น้อย เจ้ากลับจะแต่งตั้งมันเป็นผู้นำเสียแล้วหรือ? เรื่องของนิกายสวรรค์ยุทธมั่นเจ้ามันก็เรื่องของนิกายสวรรค์ยุทธมั่น เกี่ยวอะไรกับพันธมิตรเลือดเราด้วยเล่า?”
หยูไห่เจิ้งเองก็กล่าวเสริมขึ้น “ผู้นำพันธมิตร คิดทบทวนใหม่ด้วยเถอะ!”
ข่าวที่พันธมิตรเลือดได้ยินมานั้นมันมีเพียงแค่การกลับมาของเย่หยวนเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่ว่าเย่หยวนทำอะไรในดินแดนสวรรค์ตะวันเที่ยงไว้บ้างนั้นมันไม่มาถึงหูพวกเขา
ภายใต้การกดดันและตามล่าจากพันธมิตรโอสถพวกเขาย่อมจะไม่อาจสืบข่าวได้ดีเท่าค่ายนิกายต่างๆ
เพราะฉะนั้นการปล่อยให้จักรพรรดิหยกขั้นปลายคนหนึ่งมาเป็นผู้นำพันธมิตรนั้นมันจึงเกินกว่าที่จะรับได้
หลัวหยุนชิงนั้นเริ่มแสดงความไม่พอใจออกมาแต่ก็ยังคงกดมันไว้ “ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่ต้องมาพูดอีก!”
เวลานี้เย่หยวนจึงได้แต่ต้องกล่าวขึ้นมาขัด
“พี่หลัว ข้าไม่คิดจะเป็นผู้นำพันธมิตรเลือดนี้!” เย่หยวนกล่าวขึ้น
หลัวหยุนชิงนั้นยกมือขึ้นมาโบกปัด “ก่อนที่ท่านอดีตเจ้านิกายจะจากไปท่านได้สั่งไว้แล้ว สั่งข้าไว้ว่าให้ช่วยเจ้าฟื้นฟูนิกายสวรรค์ยุทธมั่นเรา! ข้าจะขัดคำของท่านได้อย่างไร? ไม่ต้องพูดเรื่องนี้กันอีกแล้ว!”
โจวหยุนเซียงนั้นมีนิสัยดุร้ายเป็นทุนเดิมเมื่อได้ยินจึงตวาดกลับมา “ไอ้หนู เจ้าอย่าได้มาวางท่า เรานั้นไม่ให้เจ้าเป็นผู้นำพันธมิตรแน่นอนอยู่แล้ว! ที่สำคัญไปกว่านั้นหากมิใช่เพราะเจ้าวิชาของห้ายอดนิกายเรามันก็คงไม่ถูกทำลายลงสิ้นเช่นนี้!”
หลัวหยุนชิงนั้นหรี่ตาลงอย่างไม่พอใจเมื่อได้ยิน “โจวหยุนเซียง เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
โจวหยุนเซียงยิ้มตอบกลับไป “เจ้าไม่เข้าใจหรือไงเล่า?”
หลัวหยุนชิงนั้นร้องลั่นขึ้นมา “พันธมิตรโอสถนั้นมันวางแผนทำลายพวกเรามาแสนนาน ต่อให้จะไม่มีศาลาโอสถขึ้นมาขัดขวางพวกมันก็คงโจมตีเราอยู่ดี! ที่สำคัญไปกว่านั้นหากมันเป็นเช่นนั้นจริงเราคงไม่รู้ตัวไม่ทันได้ตั้งตัวหนีหรือรับมือ ป่านนี้มันคงไม่มีแม้แต่พวกเราเหล่าผู้เหลือรอดจากการโจมตีนั้นแล้ว! เรื่องแค่นี้เจ้าก็ไม่เข้าใจหรือว่าแกล้งไม่เข้าใจ?”
โจวหยุนเซียงนั้นหัวเราะตอบกลับไป “แล้วทำไมเล่า? พันธมิตรเลือดนั้นมันสร้างขึ้นมาด้วยมือพี่น้องเรา ข้าไม่อยากให้ใครที่ไหนไม่รู้มาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเลือดเนื้อของเราหรอก!”
เย่หยวนได้แต่ต้องส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน
กองกำลังที่ไม่มีแม้แต่จักรพรรดิเซียนนั้นมันจะมีอะไรให้เย่หยวนได้เก็บเกี่ยวกัน?
ดูภายนอกนั้นคนทั้งหลายอาจจะดูเก่งกาจหนีการตามล่าของพันธมิตรโอสถได้จนทุกวันนี้
แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาเป็นได้แค่แมลงในสายตาพันธมิตรโอสถ!
ตูม!
เวลานั้นเองที่มันได้มีคลื่นพลังสั่นสะท้านกระแทกเข้ามาจนทำให้คนทั้งหลายหน้าเปลี่ยนสี
ในวินาทีเดียวกันนั้นมันก็มีลูกน้องคนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามารายงาน “ท่านผู้นำทั้งสาม เรื่องไม่ดีแล้ว! เวลานี้มิติของเราถูกพันธมิตรโอสถล้อมไว้จนไม่มีทางหนีรอดไปได้แล้ว!”
หลัวหยุนชิงนั้นหน้าซีดลงถามทันที “พันธมิตรโอสถมันส่งใครมาบ้าง?”
ลูกน้องคนนั้นได้แต่ต้องตอบกลับมาด้วยใบหน้าซีดๆ “เวลานี้มันมียอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวล้อมเราไว้ถึงสิบห้าคน นอกจากนั้นมันยังมียอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกและยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศล้ำอีกนับไม่ถ้วนด้วย! ฐานของเราถูกกำลังหลักของพวกมันเจอเข้าแล้ว!”
เมื่อคนทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นพวกเขาต่างก็หน้าซีดลงไปตามๆ กัน
พวกเขานั้นไม่อาจจะรับมือกับกองกำลังเช่นนี้ได้เลย!
พันธมิตรโอสถเตรียมกองกำลังมาเกินกว่าที่พวกเขาจะรับมือ!
โจวหยุนเซียงหน้าดำมืดลงทันทีก่อนจะชี้นิ้วไปหาเย่หยวน “มันต้องเป็นเจ้าเด็กนี่แน่! มันมาถึงพร้อมๆ กับคนของพันธมิตรโอสถแล้ว! หลัวหยุนชิง เจ้ายังคิดอยากให้มันเป็นผู้นำพันธมิตรอีกหรือ?”
หลัวหยุนชิงที่ได้ยินนั้นต้องร้องลั่นตอบกลับไปทันที “โจวหยุนเซียง! ขืนยังพูดจาไร้สาระอีกพ่อเจ้าจัดตัดลิ้นเจ้าทิ้งแล้ว! เย่หยวนนั้นเป็นคนซื่อสัตย์ซื่อตรง เขาย่อมไม่มีทางทรยศหักหลังใครได้!”
แต่โจวหยุนเซียงนั้นกลับไม่คิดเชื่อแม้แต่น้อยและหัวเราะตอบกลับมา “บางคนอยู่ด้วยกันจนตายยังไม่รู้นิสัยแท้จริงของกัน! ที่สำคัญนี่มันผ่านไปเป็นร้อยปีแล้ว คนเรามันเปลี่ยนกันไม่ได้หรือ? เจ้าไม่คิดว่านักยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศใหญ่คนหนึ่งก้าวขึ้นมาถึงชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิหยกขั้นปลายได้ในเวลาแค่ร้อยปีนี้มันแปลกบ้างหรือ?”
เคร้ง!
หลัวหยุนชิงนั้นชักดาบออกมาฟันเข้าใส่โจวหยุนเซียงทันที
โจวหยุนเซียงนั้นสงสัยตัวเขาได้ แต่จะตั้งคำถามกับเย่หยวนไม่ได้!
แต่ว่าดาบนี้มันได้ถูกหยุดไว้
และคนที่หยุดดาบนี้ไว้มันก็มิใช่ใครนอกจากเย่หยวนนั้น
เย่หยวนยิ้มกล่าวขึ้นมา “มันก็แค่นักยุทธพลังชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวมิใช่หรือ? ให้ข้าจัดการเถอะ พี่หลัว รอเดี๋ยว เดี๋ยวข้ามา!”
……………………….