“เจ้าว่ายังไงนะ? หลินจงเว่ยใช้กายวัชรธาราออกมาแล้วแต่กลับยังถูกไอ้เด็กนั่นโจมตีวิญญาณดั่งเดิมได้?”
เวลานี้หลี่ฉางเซิงได้แต่ต้องผงะเมื่อได้ยินคำรายงานจากจ้าวติงนั้น
ดวงตาของเขามันเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง
ไม่มีใครเข้าใจพลังของกายวัชรธารา ศาสตร์ป้องกันวิญญาณดั่งเดิมนี้ได้ดีเท่าเขาอีกแล้ว
เพราะต่อให้จะหาทั้งสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดศาสตร์ป้องกันวิญญาณนี้มันก็นับว่าเป็นสุดยอดติดสิบอันดับแรกได้ง่ายๆ!
แต่เย่หยวนนั้นกลับมีการโจมตีวิญญาณดั่งเดิมที่ทะลวงศาสตร์ป้องกันนี้เข้ามาได้!
มันหมายความว่ายังไง?
มันหมายความว่าเย่หยวนนั้นมีวรยุทธวิญญาณดั่งเดิมที่เหนือกว่ากายวัชรธารา!
ในทวีปสุดขอบอย่างทวีปพิรุณใสนี้มันกลับมีสุดยอดวรยุทธวิญญาณดั่งเดิมปรากฏขึ้นมาได้?
เดิมทีแล้วตัวหลี่ฉางเซิงย่อมจะไม่ได้คิดสนใจเย่หยวนเลย
แต่เวลานี้เขาอดไม่ได้ที่จะเริ่มกังวลขึ้นมาแล้ว
การโจมตีวิญญาณดั่งเดิมของเย่หยวนมันสุดแข็งแกร่ง แข็งแกร่งจนสามารถข้ามชั้นสังหารจักรพรรดิเซียนลงได้ทุกเมื่อ!
กองกำลังที่เขาทุ่มเทแรงกายสร้างขึ้นมานี้มันกลับตกอยู่ในอันตรายจริงๆ แล้ว!
“มิใช่แค่นั้น!”
จ้าวติงกล่าวขึ้นต่อ “มันนั้นยังมีสมบัติยอดหมอกระดับสองอยู่ในครอบครองด้วย พลังของมันสามารถทำลายค่ายกลประตูสวรรค์มหาโกลาหลลงได้ในการโจมตีแค่สามครั้ง! กายเนื้อของมันนั้นมีพลังระดับชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนครึ่งก้าวไปแล้ว เพียงแค่ว่าพลังบ่มเพาะของมันนั้นยังไม่แข็งแรงพอ ข้าคิดว่า…มันอาจคิดใช้เราเพื่อฝึกตัว!”
จักรพรรดิหยกกลับคิดใช้จักรพรรดิเซียนเพื่อฝึกฝน?
หลี่ฉางเซิงนั้นได้แต่ต้องกุมขมับ!
เขานั้นคิดว่าเจ้าเด็กคนนี้มันตายไปแล้ว ใครจะไปคิดว่านอกจากมันจะยังไม่ตายมันกลับกลายเป็นสัตว์ร้ายที่เป็นภัยขนาดนี้ได้?
หากมันเป็นแค่เด็กยอดฝีมือวิชาการโอสถยังพอว่า
แต่เย่หยวนนั้นนอกจากจะมีวิชาโอสถที่เหนือฟ้าแล้วเขายังมีวิชายุทธที่ไม่แพ้ใครอีกด้วย
ศัตรูเช่นนี้มันย่อมจะทำให้เขารู้สึกเครียดขึ้นมาได้
หลังจากคิดอยู่นานหลี่ฉางเซิงก็กล่าวขึ้น “คิดใช้จักรพรรดิเซียนเป็นคู่ซ้อมหรือ? เฮอะ! มันคิดว่าข้านี้อ่อนแอนักหรืออย่างไร?”
…
ครึ่งเดือนต่อมาที่พันธมิตรโอสถสาขาตะวันเจิด
ในค่ำคืนอันมืดมิด
เย่หยวนนั้นจัดการศิษย์เฝ้าประตูก่อนจะค่อยๆ ลอบผ่านค่ายกลประตูสวรรค์มหาโกลาหลเข้ามาภายใน
สาขาตะวันเจิดนั้นมีผู้นำชื่อว่ากั๋วห้วย เขาเป็นถึงจักรพรรดิเซียนขั้นต้นกลาง
ฝีมือของเขาย่อมจะไม่อาจประมาณได้!
ในการต่อสู้กันครั้งก่อนนั้นเย่หยวนได้รู้ว่าในระดับเดียวกันแล้วคนของพันธมิตรโอสถมันเก่งกาจกว่าพวกต้าวหยุนทั้งหลายไปมาก!
เรื่องนี้ยิ่งทำให้เย่หยวนสงสัยถึงที่มาของพันธมิตรโอสถมากขึ้นไปกว่าเก่า
หมี่เทียนกล่าวว่าศาสตร์ป้องกันวิญญาณดั่งเดิมที่หลินจงเว่ยใช้นั้นมันมีชื่อว่ากายวัชรธารา!
ศาสตร์วิญญาณดั่งเดิมในระดับนี้มันคงเรียกได้ว่าเป็นระดับแนวหน้าของสามสิบสามสวรรค์ทีเดียว
แม้ว่าศาสตร์ป้องกันวิญญาณดั่งเดิมนี้มันจะไม่แข็งแกร่งเท่ากำเนิดเทพแต่เย่หยวนนั้นจะอย่างไรก็มีพลังบ่มเพาะที่ต่ำต้อยกว่าอีกฝ่ายมาก จึงไม่อาจจะทำลายวิญญาณดั่งเดิมของอีกฝ่ายลงได้
ผลลัพธ์เช่นนั้นมันเกิดขึ้นได้ก็เพราะว่าตัวหลินจงเว่ยเองด้วยที่อ่อนแอ หากเขาโจมตีใส่จ้าวติงแล้วมันคงแทบไม่มีผลอะไร!
นี่มันทำให้เย่หยวนต้องตกตะลึง
ทวีปพิรุณใสนั้นเป็นแค่ดินแดนบ้านนอกสุดขอบสวรรค์ แม้แต่วิชาการโอสถยังสุดแสนล้าหลังแล้วทำไมมันถึงได้มีศาสตร์วิชาวิญญาณดั่งเดิมระดับนี้ปรากฏขึ้นมาได้?
เมื่อลองนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องของโอสถสวรรค์ระดับแท้ของพันธมิตรโอสถด้วยแล้วเย่หยวนก็เดาได้ทันทีว่าผู้นำพันธมิตรโอสถอย่างหลี่ฉางเซินนั้นแท้จริงแล้วคงเป็นคนจากนิกายระดับสูงภายนอกทวีปพิรุณใส!
หากเป็นเช่นนั้นแล้วยักษ์ใหญ่ที่อยู่หลังพันธมิตรโอสถมันคงน่ากลัวมากแน่
แน่นอนว่าไม่ว่ามันจะเหนือล้ำแค่ไหนเย่หยวนก็ไม่คิดจะหยุดเส้นทางแห่งการล้างแค้นลง
พันธมิตรโอสถมันต้องพังทลายลง!
เย่หยวนนั้นใช้กฎแห่งห้วงมิติปิดซ่อนตัวเข้ามาจนถึงโถงหลัก
ค่ายกลเคลื่อนย้ายมันตั้งอยู่ที่นี่
ที่สาขายุทธมั่นนั้นเป้าหมายของเย่หยวนย่อมจะมิใช่การไปสังหารคนแต่เป็นการหาตำแหน่งของค่ายกลเคลื่อนย้ายภายใน
สาขาย่อยทั้งหลายนั้นมันถูกสร้างขึ้นมาบนพิมพ์เขียวเดียวกัน เพราะฉะนั้นตำแหน่งของค่ายกลเคลื่อนย้ายก็คงเคลื่อนกันไปไม่มาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายกลเคลื่อนย้ายที่สำคัญขนาดนี้มันย่อมจะต้องเก็บไว้ในที่ปลอดภัยที่สุด
แล้วที่ไหนจะปลอดภัย?
แน่นอนว่าย่อมจะเป็นโถงหลัก!
ที่แห่งนี้มันมียอดคนไปมากมายทั้งตัวผู้นำพันธมิตรเองก็อยู่ที่นี่
คนนอกนั้นย่อมจะไม่มีทางเข้ามายุ่งกับค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ได้เลย
แต่ด้วยกฎแห่งห้วงมิติกอปรกับความมืดมิดยามค่ำคืน เย่หยวนก็ได้บุกเข้ามาจนถึงภายในจนได้
เมื่อผ่านค่ายกลป้องกันชั้นแล้วชั้นเล่าเข้ามาเย่หยวนก็มาถึงตำแหน่งของค่ายกลเคลื่อนย้ายในที่สุด
ที่นี่มันมีจักรพรรดิหยกยืนเฝ้ากันอยู่สี่ทิศคอยปกป้องดูแลค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้
เย่หยวนได้แต่ต้องหัวเราะขึ้นในใจก่อนจะใช้การโจมตีวิญญาณดั่งเดิมทันที
ระเบิดวิญญาณแท้!
จักรพรรดิหยกทั้งสี่นั้นตายลงพร้อมๆ กัน
แต่ว่าพลังนี้มันก็ทำให้ค่ายกลป้องกันทำงานขึ้นมา
“ใครกัน?! มันกล้าบุกสาขาตะวันเจิดเรา!” กั๋วห้วยร้องลั่นขึ้นมาและพุ่งมาถึงในพริบตา
แต่มันก็สายไปแล้ว!
ตูม!
เขาแดนอนันต์นั้นตกลงกระแทกค่ายกลเคลื่อนย้ายทำลายเส้นทางมิติลงในทันที!
กั๋วห้วยนั้นพุ่งตัวมาถึงแต่ก็ได้เพียงแค่ยืนมองซากของค่ายกลเคลื่อนย้ายด้วยใบหน้าซีดขาว
“เจ้าคือเย่หยวน!” กั๋วห้วยร้องขึ้นมาเมื่อเห็นเย่หยวน
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่ต้องกลัวให้มากน่า ข้าไม่โจมตีวิญญาณดั่งเดิมเจ้าหรอก! มา มาซ้อมมือกับข้าหน่อย!”
กั๋วห้วยนั้นได้แต่ต้องกัดฟันแน่นหัวเราะตอบกลับไป “เจ้าคิดยืมมือข้าฝึกฝนหรือ? หึๆ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจักรพรรดิเซียนนั้นอ่อนแอนักหนา?”
กระบี่เทพทลายสวรรค์!
เสียงของเขายังไม่ทันจางหายกั๋วห้วยก็พุ่งตัวเข้ามาโจมตีด้วยกระบี่ในมือ!
กระบี่นี้มันรวดเร็วล้ำ!
ที่สำคัญไปกว่านั้นกระบี่นี้มันยังเป็นถึงสมบัติยอดหมอกด้วย!
พริบตาเดียวนั้นเย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่ปิดล้อมเขาไว้จนไม่อาจหลบหนีไปไหนได้!
เวลานี้เย่หยวนได้แต่ต้องรับแรงกดดันนั้นไว้ซึ่งหน้า!
กั๋วห้วยนั้นมีปราณกระบี่ที่รุนแรงในระดับของแปลงยอดเต๋าทีเดียว!
แน่นอนล่ะว่าจักรพรรดิเซียนของพันธมิตรโอสถนั้นมันย่อมจะมีกำลังไม่ธรรมดา!
แต่ว่านี่แหละคือสิ่งที่เย่หยวนต้องการ
เวลาเดียวกันนั้นเขาก็ได้ชักดาบมังกรวสันต์ออกมารับไว้อย่างไม่เกรงกลัว
จักรพรรดิหยกปะทะจักรพรรดิเซียน!
ตูม!
คลื่นพลังรุนแรงนั้นมันได้เป่าโถงหลักจนปลิวหายไปสิ้น
คลื่นพลังบ้าคลั่งที่ปะทะกันนี้มันได้ปลุกคนทั้งสาขาตะวันเจิดให้ได้สติตื่นขึ้นมา!
“ศัตรูบุก!”
“ท่านผู้นำกำลังต่อสู้กับศัตรูอยู่!”
“หืม? ทำไมมันถึงเป็นแค่จักรพรรดิหยก? หรือว่า…มันคือเย่หยวน!”
“แข็งแกร่งนัก! เจ้าหมอนี่มันเป็นแค่จักรพรรดิหยกแท้ๆ แต่กลับสู้กับท่านผู้นำพันธมิตรได้อย่างไม่เสียเปรียบเลย!”
…
วินาทีเหล่าคนสาขาตะวันเจิดนั้นต่างสะดุ้งขึ้นมาตั้งแต่หัวจรดเท้า
พวกเขานั้นไม่เคยเห็นจักรพรรดิหยกที่ไหนต่อสู้กับจักรพรรดิเซียนเช่นนี้มาก่อน!
แต่วันนี้มันได้เห็นเป็นบุญตาแล้ว!
ดาบมังกรวสันต์นั้นมันแปลงกลายเป็นดาบร้อยแปดบินสร้างค่ายกลดาบขึ้นมา
ส่วนตัวกั๋วห้วยเองก็ไม่คิดยอมแพ้ตวัดกระบี่ออกมาจนเกิดเป็นรูปร่างประหลาด
คนทั้งสองทั้งต่อสู้กันอย่างไม่คิดหยุดมือจนทำให้ยอดหลักนั้นระเบิดหายไป!
ที่ใดที่พวกเขาผ่านไปนั้นศิษย์ของพันธมิตรโอสถต่างล้วนจะตายลงสิ้น
พวกเขานั้นไม่อาจจะเข้าไปขัดการต่อสู้นี้ได้เลย
กั๋วห้วยนั้นมีพลังรุนแรงล้ำ
แม้ว่าดูผ่านๆ มันจะดูสูสีแต่แท้จริงเขากดดันเย่หยวนไว้ได้มาก
ปราณดาบของเย่หยวนนั้นมันถูกปราณกระบี่ของกั๋วห้วยกดดันไว้จนแทบไม่ได้พักหายใจ
เหตุผลที่ทำให้กั๋วห้วยยิ่งปล่อยพลังออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ก็เพราะว่าเขานั้นกลัวตาย
เขานั้นรู้ดีว่าหากเย่หยวนโจมตีวิญญาณดั่งเดิมเขาแล้ว เขาคงได้ตายอย่างไม่รู้ตัวแน่
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้ทุ่มกำลังทั้งหมดออกมากดดันศัตรูตรงหน้าให้ได้มากที่สุด
หากเย่หยวนนั้นเกิดพลาดตายลงไปด้วยกระบี่ของเขาก่อนจะได้โจมตีวิญญาณเล่า?
แต่การต่อสู้กับเย่หยวนนั้นมันก็ทำให้เขาตกตะลึงสุดใจ
แปลงยอดเต๋าของเขานั้นมันเป็นแค่แปลงหนึ่งกฎและหยุดแค่ที่รูปแบบที่สาม
แต่เย่หยวนที่แปลงยอดเต๋าสามกฎนั้นกลับสามารถฝึกฝนมันจนถึงรูปแบบที่สี่ขั้นปลายได้!
นี่คือเหตุผลที่เขาทุ่มสุดกำลังแล้วแต่ก็ยังไม่อาจจะชิงความได้เปรียบที่ชัดเจนมาจากเย่หยวน
กั๋วห้วยนั้นได้แต่ต้องคิดขึ้นในใจ หากเย่หยวนบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนขึ้นมาแล้วเขาจะเก่งกาจขึ้นไปอีกกี่เท่า?
…………………………