ตอนที่ 2799 ฆ่าจักรพรรดิเที่ยง!
“ฮ่าๆๆ…เจ้ามนุษย์โง่ เจ้าฆ่าเราไม่ได้หรอก!” หลังจากจักรพรรดิเซียนขั้นสุดคนหนึ่งฟื้นตัวกลับมาได้เขาก็หัวเราะลั่นขึ้น
การคืนชีพของเผ่าเลือดนั้นมันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับมนุษย์
ศัตรูที่ฆ่าไม่ตายนั้นมันมีแต่จะทำให้พวกเขาหมดแรงใจสู้!
“เช่นนั้นหรือ? แต่การฟื้นตัวของเจ้ามันก็ช้าลงมากนี่?” เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปก่อนจะดึงพลังปราณกลับปิดค่ายกลดาบเอกภพลงทันที
เพราะการสังหารสับร่างพวกเผ่าเลือดลงด้วยค่ายกลดาบเอกภพนี้มันทำให้การฟื้นฟูตัวของเผ่าเลือดนั้นช้าลงไปมาก
จากนั้นสายเลือดมังกรของเย่หยวนมันก็ปะทุออกมา!
หมัดแปลงเก้ามังกรสวรรค์!
เย่หยวนต่อยหมัดออกมาใส่หมอกเลือดตรงหน้า
เปลี่ยนให้หมอกเลือดนั้นกลายเป็นเพียงแค่ความว่างเปล่าทันที
เท่านี้มันก็เหลือไว้เพียงแค่หมอกขาว
ดวงตาของจักรพรรดิเซียนขั้นสุดคนนั้นเบิกกว้างขึ้นร้องลั่น “นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
เย่หยวนตอบกลับไป “มันมีใครในโลกนี้ที่เป็นอมตะจริงบ้าง? พวกเจ้ามันก็แค่มีจำนวนมากไป ข้าจึงต้องตัดกำลังของพวกเจ้าให้เหนื่อยอ่อนก่อนสังหารเท่านั้น!”
พูดจบเขาก็ต่อยหมัดออกไปอีกครั้งหนึ่งทำลายเผ่าเลือดอีกคนลง
หากจะเทียบแล้วค่ายกลดาบเอกภพนั้นย่อมจะมีการโจมตีป้องกันที่ครบเครื่อง มันช่วยขยายพลังของเย่หยวนเวลาต้องรับมือเมื่อถูกรุมโจมตีได้ดี
แต่หากจะวัดกันด้วยพลังโจมตีที่รุนแรงแล้วค่ายกลดาบเอกภพมันย่อมจะด้อยกว่าหมัดแปลงเก้ามังกรสวรรค์ไปมาก
ตอนนี้สายเลือดมังกรของเย่หยวนมันพัฒนาไปถึงระดับภูติศึกแล้ว พลังของมันย่อมจะรุนแรงกว่าก่อนๆ หลายเท่า!
ที่สำคัญไปกว่านั้นพลังนี้มันยังเล็กไปที่จุดเดียวทำให้ความรุนแรงนั้นมากล้ำ
มันเหมาะมากที่จะใช้กำจัดเผ่าเลือด
เย่หยวนต่อยหมัดออกไปทำลายเผ่าเลือดจนลดฮวบไปกับตา
ตูม!
จักรพรรดิเซียนขั้นสุดคนนั้นเองก็ตายลงด้วยหมัดเดียวเช่นกัน
ฮันกวงที่อยู่ลึกในหมอกนั้นต้องเบิกตากว้างขึ้น
เพราะเขานั้นสัมผัสได้ว่าสายเลือดของลูกน้องเขามันกำลังค่อยๆ จางหายลงไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว
“เป็นอะไรหรือท่านฮันกวง? มันก็แค่จักรพรรดิเซียนไม่กี่คน หรือว่าเมี่ยเฉินจะจัดการไม่ได้เชียว?”
ฉื่อเลอนั้นไม่ได้มีสัมผัสที่เฉียบคมเท่าฮันกวงแต่ว่าเมื่อได้เห็นสีหน้าของฮันกวงนั้นเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันมีเรื่องผิดปกติ
ฮันกวงเบิกตากว้างกล่าวขึ้นมาอย่างตกตะลึง “ตอนนี้มันเหลือแค่เมี่ยเฉินคนเดียวแล้ว!”
“อะไรนะ?! หรือว่าจะเป็นจักรพรรดิเที่ยงปลอมตัวมา?” ฉื่อเลอนั้นผงะไปทันทีที่ได้ยิน
ฉันกวงส่ายหัวออกมา “มันเป็นจักรพรรดิเที่ยงครึ่งก้าวคนหนึ่งและที่เหลือก็มีแค่จักรพรรดิเซียน ไม่มีแม้แต่จักรพรรดิเซียนขั้นสุดด้วยซ้ำ หืม? เมี่ยเฉินตายลงแล้ว!”
สัมผัสได้เช่นนั้นฮันกวงก็หน้าเสียไปทันที
ตายเร็วเกินไป!
นี่มันเพิ่งผ่านไปได้ไม่ถึงสิบห้านาทีดี
หากเผ่าเลือดไม่เจอคู่ต่อสู้ที่มีพลังเหนือล้ำกว่าตนอย่างท่วมท้นแล้วพวกเขาย่อมจะไม่มีทางตายลงได้รวดเร็วปานนี้
จักรพรรดิเที่ยงครึ่งก้าวอย่างเมี่ยเฉินนั้นเอาชนะจักรพรรดิเที่ยงครึ่งก้าวคนอื่นๆ ไปได้สิ้นเชิง
ต่อให้จะไปเจอสัตว์ประหลาดของเผ่ามนุษย์เข้า มันก็คงไม่ยากเกินกว่าจะหนีเอาตัวรอดกลับมา
แต่ตอนนี้กลับตายลงสิ้น!
“ไม่ได้การ! พวกมันจะผ่านหมอกไปได้แน่! ตอนนี้พวกมันรู้แล้วว่าเราหลบซ่อนอยู่ที่นี่ หากมันไปส่งข่าวนี้แล้วแผนของเราคงพินาศสิ้น! ฉื่อเลอ เจ้าพาคนครึ่งหนึ่งออกไปสังหารมัน! ไม่สิ ทุกคนเตรียมเคลื่อนพล! เจ้าต้องสังหารพวกมันลงให้ได้!”
…
“พวกเผ่าเลือดมันลอบโจมตีเจ้าเช่นนี้คงเพราะว่าเราไปเจอพวกมันเข้าเป็นแน่ นี่มันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่บางอย่าง!” หมี่เทียนร้องบอก
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เช่นนั้นแล้วเราต้องรีบนำข่าวไปบอกคนบนทวีปสวรรค์แรกให้เร็วที่สุด!”
เย่หยวนเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่ากลับจะมาเจอเรื่องราวเช่นนี้ตั้งแต่ก่อนได้เหยียบขึ้นทวีปสวรรค์แรก
เหล่าคนที่ออกมาลอบโจมตีเขานี้มีผู้นำเป็นถึงจักรพรรดิเที่ยงครึ่งก้าว หมายความว่าในหมอกด้านหลังนั้นมันคงมีจักรพรรดิเที่ยงรออยู่เป็นแน่แล้ว!
“ถอย!” เย่หยวนร้องลั่นพุ่งตัวออกไป
“สายไปแล้ว!”
ฝ่ามือหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมพุ่งเข้าหาหยางชิง
ฝ่ามือนี้มันย่อมจะเป็นของฉื่อเลอแล้ว
“อ้าก! ข้าอีกแล้วเรอะ? ไอ้ฉิบหาย ข้าไม่ได้เก่งที่สุดโว้ย ไอ้โง่!” หยางชิงนั้นร้องขึ้นมาจนเสียงหลงแต่ร่างกายของเขานั้นมันกลับหมุนหลบการโจมตีนี้ไปได้เฉียดฉิว!
ฉื่อเลอต้องเบิกตากว้างมองดูหยางชิงอย่างตะลึง
จักรพรรดิเที่ยงครึ่งก้าวคนนี้มันกลับหลบฝ่ามือของเขาไปได้
แต่แม้จะตกตะลึงแค่ไหนเขาก็ไม่สนใจ เวลานี้บนใบหน้าของฉื่อเลอมันปรากฏรอยยิ้มขึ้นแทน
เพราะคนที่จะลงมือสังหารนั้นมันมิใช่เขา!
มือสังหารจริงๆ คือฮันกวง!
เวลาเดียวกันนั้นคนทั้งห้าก็ได้พุ่งตัวออกไปจากหมอกหนีฉื่อเลอ
แต่วินาทีเดียวกันนั้นมันก็ได้มีฝ่ามือตกลงมาจากด้านบน!
พลังนี้มันรุนแรงไม่อาจเทียบกับฉื่อเลอนั้นได้เลย!
ฝ่ามือสังหารของจักรพรรดิเที่ยงนั้นมันย่อมจะเป็นเหมือนวันสิ้นโลกสำหรับจักรพรรดิเซียน!
ไม่มีที่ให้หลบ!
“ตายห่าแน่แล้ว!” หยางชิงร้องออกมา
ต้าหวงและคนอื่นๆ ไม่อาจแม้แต่จะขยับปากพูดได้!
ฮันกวงนั้นมีพลังเหนือล้ำตัวฉื่อเลอไปมาก
บนท้องฟ้านั้นฮันกวงก้มหน้าลงมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย
สังหารจักรพรรดิเซียนนั้นมันไม่ได้ต่างอะไรจากการบี้มดสำหรับเขา
ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเที่ยงครึ่งก้าวมันก็ยังไม่นับว่าเป็นพิษภัยใดๆ
แต่ในเวลานี้มันกลับเกิดคลื่นพลังรุนแรงสายหนึ่งปะทุขึ้นใต้ฝ่ามือเขา
พลังนี้มันทำให้แม้แต่เขายังต้องใจสั่น
ฉื่อเลอที่กำลังยิ้มเย้ยอยู่นั้นต้องอ้าปากค้างขึ้นมาร้อง “แม่ทัพฮันกวง ระวัง!”
แต่มันสายไปแล้ว!
พลังดาบรุนแรงนั้นมันแทงผ่านฝ่ามือขึ้นไปจนถึงร่างของฮันกวงทันที
ดาบนี้มันส่องสว่างเจิดจ้าจนทำให้หลายๆ คนแทบไม่อาจลืมตาขึ้นมาได้!
วินาทีที่ดาบนี้ปรากฏมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนโลกหล้าจะถูกตัดขาด!
ฉื่อเลอที่อยู่ไกลออกไปนั้นยังต้องกระอักขึ้นมา
อึก!
ฮันกวงนั้นถูกดาบนี้กระแทกเข้าอย่างแรง!
คนทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องอ้าปากค้างมองหน้าเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
ดาบนี้มันย่อมจะเป็นดาบของเย่หยวนแล้ว!
ไม่มีใครคิดฝันว่าจักรพรรดิเซียนขั้นกลางคนหนึ่งมันกลับจะสังหารจักรพรรดิเที่ยงลงได้ด้วยดาบเดียว!
เขานั้นกระโดดข้ามอาณาจักรมาสังหารศัตรู!
ดาบนี้มันเหนือล้ำกว่าพลังบ่มเพาะใดๆ สิ้น!
“นี่…ท่านฮันกวงตายลงด้วยดาบเดียว? ระ-เรื่องบ้าอะไรกันนี่?”
“ช่างเป็นดาบที่เจิดจ้านัก! นี่เจ้ามนุษย์คนนี้เป็นแค่จักรพรรดิเซียนขั้นกลางจริง?”
“ก่อนหน้าเราคิดกันว่าตัวร้ายคือเจ้าจักรพรรดิเที่ยงครึ่งก้าวคนนั้น ไม่นึกฝันเลยว่ามันกลับจะเป็นเจ้าหมอนี่!”
เพราะก่อนที่ดาบนี้จะถูกปล่อยออกมานั้นมันย่อมจะไม่มีใครคิดสนใจเย่หยวน
ในหมู่คนทั้งห้านั้นเย่หยวนยังมีพลังบ่มเพาะไม่ถึงระดับของจิงเฟยด้วยซ้ำ
แต่ดาบนี้ของเย่หยวนมันช่างเจิดจ้านัก
ดาบเต๋า!
นี่คือดาบที่รุนแรงที่สุดของเย่หยวน มันคือพลังที่เหนือล้ำกว่าดาบสังหารสวรรค์ไปเสียด้วยซ้ำ!
ดาบของเย่หยวนนั้นคือดาบที่ต่อต้านสวรรค์ มันคือทุกสิ่งอย่างในเต๋าของเขา
ปล่อยดาบนี้ออกไปมันก็เหมือนปล่อยชีวิตตัวเองออกไปด้วย!
หลังจากปล่อยดาบนี้ไปแล้วสภาพของเย่หยวนเองก็ดูไม่ได้เช่นกัน ใบหน้าของเขาซีดขาวไร้สีเลือดใด
“ต้าหวง!”
เย่หยวนร้องขึ้นมาแต่แม้เขาจะไม่ต้องสั่งต้าหวงก็เตรียมพุ่งเข้ามารับร่างไร้เรี่ยวแรงของเย่หยวนอยู่ก่อนแล้ว
แต่อีกฝ่ายนั้นยังอ้าปากค้างกันไม่หาย
ไม่มีใครคิดจะไปหยุดคนทั้งห้าที่หนี
พวกหยางชิงนั้นต่างรู้ถึงดาบนี้ของเย่หยวนมาก่อนจึงไม่มีใครตกตะลึงใดๆ มากมาย
บนท้องฟ้านั้นมันมีหมอกเลือดอยู่ก้อนหนึ่งที่ทำท่าเหมือนจะค่อยๆ ผสานกลับมาเป็นร่างอีกครั้ง
แต่มันกลับไม่อาจทำได้!
ภายใต้พลังของดาบนี้ แม้แต่เผ่าเลือดก็ยังยากที่จะคืนชีพกลับมาได้!
พวกฉื่อเลอนั้นลืมเรื่องที่ต้องตามล่าคนไปสิ้น
“แม่ทัพฮันกวง เป็นอะไรมากไหม?” ฉื่อเลอถามด้วยความกังวล
จนสุดท้ายหมอกเลือดนั้นมันก็ค่อยๆ กลับมารวมก่อเป็นรูปร่างได้อีกครั้ง
แต่วินาทีที่ปากของเขากลับมาก่อตัวได้เขาก็ร้องลั่นขึ้นมา “ตามไป! พวกเจ้าจะยืนนิ่งหาอะไรกัน?”
………………………..