ตอนที่ 2805 พัฒนาสายเลือด!
“เพื่อที่จะต่อต้านเผ่าเลือดแล้วสามสิบสองยอดฝีมืออาณาจักรเจ้าโลกได้ร่วมมือกันสร้างเขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ขึ้นมาจนป้องกันเผ่าเลือดไว้ได้ในที่สุด”
“แต่ว่าดินแดนรอบๆ พื้นที่เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์มันก็ได้กลายเป็นเหมือนเครื่องบดเนื้อที่จะทำลายทุกสิ่งอย่าง ยอดฝีมือมากมายต้องตายลงที่นั่น ศึกนี้มันดำเนินมาแล้วกว่าพันปี! ในเวลาพันกว่าปีมานี้เขตแดนสวรรค์สัมบูรณ์ได้ถูกทะลวงเข้ามาหลายครั้งหลายคราด้วยกันแต่เราก็ต่อต้านไล่พวกมันกลับออกไปได้ทุกครั้ง เวลาพันกว่าปีมานี้เจ้าโลกของฝ่ายเราตายลงไปถึงเจ็ดคน เหล่ามหาจักรพรรดิที่ตายลงไปนั้นเองก็มีจำนวนถึงสามหลัก! แต่สุดท้ายเราก็ยังป้องกันไว้ได้!”
“แต่ไม่มีใครคิดฝันว่าสุดท้ายแล้วเผ่าเลือดมันจะเปิดเส้นทางมิติขึ้นทางเหนือและลอบโจมตีเราเช่นนี้ หากมิใช่เพราะเจ้าเสี่ยงชีวิตส่งข่าวมาแล้วเมืองทางเหนือเราคงแตกพ่ายกันหมดสิ้นแน่ ถึงตอนนั้นทวีปสวรรค์แรกมันก็คงต้องตกไปอยู่ในมือของเผ่าเลือด”
ซ่งเหมียวนั้นกล่าวขึ้นมาด้วยความกังวลล้ำเพราะสภาพปัจจุบันมันไม่สู้ดีนัก
การปรากฏตัวขึ้นของเผ่าเลือดจากด้านหลังเช่นนี้มันทำให้เขานั้นต้องเหงื่อตกด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดหัวใจ
เย่หยวนเองก็ไม่คิดฝันว่าเมื่อข้ามฝั่งทะเลมาแล้วมันกลับจะเจอสภาพเช่นนี้เข้า
เขานั้นเคยได้ยินหมี่เทียนบอกมาก่อนว่าเผ่าเลือดนั้นไปที่ใดมันก็เหมือนฝูงตั๊กแตนที่บุกไร่นา ไร้ซึ่งชีวิตใดๆ ไว้ในเส้นทางของพวกมัน
พวกมันนั้นอยู่เพื่อกินเลือดของเผ่าอื่นทั่วทั้งสามสิบสามสวรรค์ พัฒนาตัวตนขึ้นมาเรื่อยๆ ระหว่างที่สู้!
ที่สำคัญไปกว่านั้นต้นกำเนิดของพวกมันนั้นยังแตกต่างจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ สิ้นเชิง
พวกมันนั้นเหมือนเป็นเชื้อราที่ขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อออกจากร่างหลัก ทำให้มีความสามารถในการขยายพันธุ์ที่น่ากลัว
ที่สำคัญไปกว่านั้นยิ่งร่างหลักเก่งกาจเท่าไหร่ ลูกหลานของพวกมันก็ยิ่งจะทรงพลังเท่านั้น
พวกมันนั้นจะกลืนดูดเลือดคนไปเรื่อยๆ และพัฒนาตัวตนไปพร้อมขยายพันธุ์อย่างไร้สิ้นสุดทำให้เป็นเผ่าพันธุ์เจ้าปัญหา
จนถึงจุดหนึ่งที่พวกมันนั้นมีจำนวนมากจนเกินไปเหล่าคนเผ่าพันธุ์ทั้งหลายก็เริ่มหวาดกลัวกันขึ้นมา
เหมือนกับสภาพของสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดในตอนนี้ไม่มีผิด!
ราวแสนกว่าปีก่อนนั้นเหล่าเจ้าโลกทั้งหลายได้รวมตัวกันไล่ล่ากำจัดเผ่าเลือดและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกมันไปรอบหนึ่ง
แต่หมี่เทียนก็ไม่คิดฝันว่าแสนกว่าปีต่อมานี้เผ่าเลือดมันกลับจะลุกขึ้นมาใหม่ได้และยังสร้างความเสียดายที่ใหญ่หลวงขนาดนี้ให้แก่สวรรค์
สวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นเหลือกำลังอยู่ไม่ถึงหนึ่งในสามแล้ว
ไม่รู้ว่าสภาพของสวรรค์อื่นๆ อีกสามสิบสองแห่งนั้นจะเป็นอย่างไร
แน่นอนว่าเรื่องนั้นมันยังอยู่ไกลตัวเย่หยวนไปมาก
เพราะหากทวีปสวรรค์แรกแตกลงแล้วตัวเย่หยวนเองก็คงไม่อาจรอดชีวิตไปได้เช่นกัน
“ผู้อาวุโส สภาพทางเหนือตอนนี้ไม่สู้ดีนักหรือ?” เย่หยวนถามขึ้น
ซ่งเหมียวนั้นส่ายหัวตอบกลับมา “เผ่าเลือดนั้นได้ส่งมหาจักรพรรดิออกมากว่าสิบคนพร้อมกำลังจักรพรรดิเซียนกว่าสองหมื่น แม้ว่าเราจะเตรียมตัวแค่ไหนแต่อีกฝ่ายมันก็ทรงพลังจนเกินไป พวกมันปกป้องเส้นทางมิติไว้อย่างสุดตัว เราบุกเข้าไปสามครั้งแล้วแต่กลับไม่อาจจะชิงชัยมาได้แม้แต่ครั้งเดียว มีแต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นแทน”
“ตอนนี้เส้นทางมิตินั้นมันยังไม่เสถียรดีนักทำให้เหล่าเจ้าโลกฝ่ายเผ่าเลือดนั้นยังผ่านลอดมาไม่ได้ แต่หากมันเริ่มเสถียรขึ้นไปถึงจุดนั้นได้แล้วมันคงสามารถส่งยอดฝีมือเข้ามาได้อย่างไร้จำกัดแน่! หากเจ้าโลกปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว…เราคงไม่อาจจะป้องกันอะไรไว้ได้อีก!”
เหล่าเจ้าโลกนั้นต่างเป็นตัวตนที่อยู่เหนือสุดของสวรรค์ แต่ละคนนั้นมีพลังพลิกฟ้าดินสามารถปกครองโลกหล้าได้สิ้น
“แล้วทวีปสวรรค์แรกนั้นส่งเหล่าเจ้าโลกมารับมือบ้างไม่ได้หรือ?” เย่หยวนถามขึ้นด้วยความสงสัย
ซ่งเหมียวนั้นส่ายหัวออกมา “เวลานี้เหล่าเจ้าโลกทั้งหลายท่านนั้นต่างอยู่เฝ้าเขตแดนสิ้น เพราะหากพวกท่านออกมาแล้วมันก็จะเกิดรูขึ้นที่เขตแดนทางใต้ ทั้งเหล่ามหาจักรพรรดิส่วนมากเอง ก็ประจำการดูแลเขตแดนใต้อยู่ด้วยเช่นกัน”
เย่หยวนที่ได้ยินนั้นได้แต่ต้องถอนใจยาวเพราะสองฝ่ายนั้นมันช่างแตกต่างกันสิ้นเชิง
เผ่าเลือดนั้นยิ่งสู้ยิ่งแข็งแกร่งยิ่งขยายเผ่าพันธุ์ได้มากส่วนคนทวีปสวรรค์นี้มีแต่จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วมันคงเป็นฝ่ายทวีปสวรรค์แรกที่พ่ายแพ้ลงก่อนแน่
“ผู้อาวุโส กว่าที่เส้นทางมิติมันจะเสถียรนั้นต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน?” เย่หยวนถามขึ้น
ซ่งเหมียวตอบด้วยหน้าเหยเก “อย่างมากสามปี!”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะหยิบโอสถสวรรค์หลายเม็ดขึ้นมากลืนลงคอไป
ซ่งเหมียวนั้นต้องเบิกตากว้าง เพราะนี่มันกลับเป็นโอสถสวรรค์ระดับแท้สามเม็ดด้วยกัน!
จากนั้นร่างกายของเย่หยวนก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาอย่างทันตาเห็น
ซ่งเหมียวนั้นถึงกับต้องอ้าปากค้างเพราะมันช่างวิเศษเกินคาดฝัน!
“ผู้อาวุโส ข้าขอดูอาการท่านได้หรือไม่?” เย่หยวนถามขึ้น
ซ่งเหมียวที่ได้ยินนั้นต้องผงะไปก่อนจะกล่าวขึ้น “ไม่ได้หรอก หากเม็ดเลือดของเผ่าเลือดมัน เข้าร่างคนแล้วมันก็ไม่มีทางรักษาได้! แม้แต่ยอดหมอของทวีปสวรรค์แรกเราเอง ก็ยังศึกษาพลังงานเลือดของเผ่าเลือดมานับพันๆ ปีแต่กลับไม่อาจจะแก้ไขมันได้จนทุกวันนี้ หากติดมันเข้าแล้วก็มีแต่ต้องรอความตายเท่านั้น”
ซ่งเหมียวนั้นยอมจะไม่ได้คิดดูถูกเย่หยวนที่มีโอสถสวรรค์ระดับแท้กินนี้ แต่ว่าเลือดของเผ่าเลือดนั้นมันยุ่งยากจนเกินรักษาไป
หากมันเข้าร่วงแล้วมันจะผสานเข้าเป็นหนึ่งกับเลือดของเจ้าของร่าง ไม่อาจจะแยกออกมาได้อีก
จากนั้นมันก็จะค่อยๆ กัดกร่อนร่างของคนผู้นั้นจนตาย
พลังชีวิตของยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์นั้นมันเหนือล้ำ อาการบาดเจ็บใดๆ ย่อมจะรักษาได้
แต่การทำลายล้างของเลือดเผ่าเลือดนี้มันเกินเยียวยา ไม่ว่าจะเป็นโอสถสวรรค์ที่ดีแค่ไหนมันก็ไม่อาจช่วยเหลือได้
แต่เย่หยวนยังไม่ยอมแพ้และกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ผู้อาวุโส ให้ข้าลองเสียหน่อยนะ?”
ซ่งเหมียวนั้นส่ายหัวออกมาอีกครั้ง “เม็ดเลือดนี้มันจะกัดกร่อนเจ้าไปด้วยหากเจ้าสัมผัสถึงมัน”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นั้นข้ามั่นใจว่าดูแลตัวเองได้”
ซ่งเหมียวนั้นขมวดคิ้วแน่น “น้องชาย เจ้านั้นมาจากบ้านนอกคงไม่ได้รู้ถึงความน่ากลัวของเผ่าเลือดมันหรอก! ต่อให้จะเป็นเหล่าเจ้าโลกเองแต่หากถูกเลือดนี้กัดกร่อนเข้าแล้วพวกเขาก็ไม่อาจรักษาได้เช่นกัน ข้ารู้ดีว่าเจ้านั้นมีสายเลือดภูติแท้โกลาหลระดับภูติศึก แต่…มันยังไม่พอหรอก!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปก่อนจะปล่อยพลังชีพสายเลือดของตนออกมา
ซ่งเหมียวนั้นต้องอ้าปากค้างเมื่อได้เห็น “ระดับวิญญาณศึก! เจ้า…สายเลือดของเจ้าพัฒนาขึ้นมา?”
ระหว่างทัณฑ์สวรรค์นั้นเย่หยวนได้ใช้พลังของสายเลือดภูติแท้โกลาหลระดับภูติศึกออกมารับสายฟ้าตัวซ่งเหมียวจึงรู้ว่าเขามีสายเลือดที่สูงส่งแค่ไหน
เหล่าภูติแท้โกลาหลนั้นคือตัวตนที่เกิดจากความโกลาหล มันย่อมจะเป็นสายเลือดที่สูงส่ง
พลังสายเลือดของพวกเผ่าเลือดนั้นมันสามารถกัดกร่อนได้ทุกเผ่าพันธุ์แต่ไม่อาจจะทำอันตรายสายเลือด
ภูติแท้โกลาหลได้
แต่แน่นอนว่ามันมีขีดจำกัดอยู่
ซ่งเหมียวนั้นถูกทำร้ายโดยจักรพรรดิเที่ยงเผ่าเลือด พลังของสายเลือดภูติแท้โกลาหลระดับภูติศึกมันย่อมจะไม่อาจต้านทานพลังเลือดของเผ่าเลือดจักรพรรดิเที่ยงได้
สายเลือดภูติแท้โกลาหลนั้นมันถูกแบ่งออกเป็นห้าระดับ ระดับภูติศึก ระดับวิญญาณศึก ระดับเทพศึก ระดับขยายปฐพีและระดับสวรรค์แห้ง!
เหล่าคนที่มีสายเลือดระดับสวรรค์แห้งนั้นต่างล้วนเป็นเจ้าโลกกันสิ้น!
ไม่แปลกหรอกที่ซ่งเหมียวนั้นจะตกตะลึงกับการพัฒนาสายเลือดของเย่หยวนนี้
เพราะว่าปกติแล้วสายเลือดของภูติแท้โกลาหลนั้นมันจะเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
คิดอยากพัฒนามันขึ้นมานั้นเรียกได้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ทีเดียว
แต่หลังจากเย่หยวนผ่านทัณฑ์สวรรค์อันรุนแรงนั้นมาแล้วสายเลือดของเขามันกลับพัฒนาขึ้นไปได้อย่างมากล้น
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ทัณฑ์สวรรค์นั้นมันเป็นหายนะแต่ก็เป็นโอกาสทองด้วย ในฐานะผู้บ่มเพาะนอกรีตแล้วข้าย่อมจะถือเต๋าทุกข์เป็นบททดสอบชีวิต ในเมื่อข้าผ่านบททดสอบมาได้ ข้าก็ย่อมจะได้ประโยชน์อะไรกลับมาด้วย”
ซ่งเหมียวนั้นยิ้มแห้งๆ ขึ้นมา “แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ใครกันบ้างที่จะพัฒนาสายเลือดภูติแท้โกลาหลได้ง่ายๆ เช่นนี้? สหายหนุ่มเย่นั้นช่างน่าประหลาดเสียจริง ก่อนนั้นตอนที่ข้าได้เห็นทัณฑ์สวรรค์นั้น ข้าก็คิดไปว่าเจ้าเป็นสหายเต๋าจักรพรรดิเที่ยงเสียด้วยซ้ำ ไม่นึกฝันเลยว่า มันกลับจะเป็นจักรพรรดิเซียนขั้นกลางคนหนึ่งเช่นนี้”
เย่หยวนนั้นพูดถูก เต๋าทุกข์นั้นมันคือหายนะและโอกาสทองจริงๆ
แต่หากมันพัฒนาได้ง่ายปานนั้นคนทวีปสวรรค์แรกก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หรอก
จากนั้นเย่หยวนก็ค่อยๆ ตรวจร่างกายของซ่งเหมียว
เมื่อเขาปล่อยปราณเทวะของตนเข้าร่างกายซ่างเหมียวไปเย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงแรงกัดกร่อนที่รุนแรงทันที
แรงกันกร่อนนี้มันคิดกัดกินปราณเทวะของเย่หยวนลงสิ้น พร้อมๆ กันนั้นมันก็คิดจะบุกเข้ามาในร่างกายของเย่หยวนไปด้วย
แต่ไม่นานพลังสายเลือดระดับวิญญาณศึกของเย่หยวนมันก็ปะทุขึ้นมากดดันพลังกัดกร่อนนั้นไว้ได้อย่างอยู่หมัด