ตอนที่ 2809 ขอโทษ!
“เอ๋? มันกลับเป็นพวกเย่หยวนทั้งหลายนั้น! ช่างเป็นธนูที่ทรงพลังนัก กลับหยุดการคืนชีพของเผ่าเลือดไปได้เช่นนี้!”
“เขาทำได้อย่างไรกัน? นี่มันอาจจะกลายเป็นอาวุธที่เปลี่ยนกระแสของสงครามครั้งนี้ไปเลยเชียวนะ!”
“เดิมทีแล้วพวกเราต่างไปว่าเขาว่าแค่มาอวดอ้างตัว เฮ้อ มีตาแต่กลับมืดบอดเสียจริงเรา! ที่แท้คำพูดของเขานั้นมันไม่มีอะไรแอบแฝงทั้งสิ้น!”
เมื่อเหล่าคนกองทัพทวีปสวรรค์แรกได้เห็นสภาพตรงหน้านั้นพวกเขาต่างก็ยิ้มกว้างขึ้นทันที
ธนูธรรมดาๆ มันย่อมทำเช่นนี้ไม่ได้แน่
พวกเขานั้นคาดเดาได้ทันทีว่ามันคงเป็นอะไรบางอย่างที่เย่หยวนมาอาบธนูไว้
นี่มันเป็นของสำคัญอย่างมาก!
หากอาวุธเช่นนี้ถูกสร้างขึ้นมาได้เป็นจำนวนมากแล้วสงครามระหว่างทวีปสวรรค์แรกและเผ่าเลือดนั้นมันก็จะพลิกกลับได้ทันที
ส่วนอีกด้านฝ่ายเผ่าเลือดนั้นต่างขนลุกขนพองทั้งกาย
เพราะความตายของพวกพ้องนั้นไม่ได้น่ากลัวสำหรับเหล่าเผ่าเลือด
แต่ว่าอาวุธร้ายเช่นนี้มันจะกลายเป็นอาวุธสังหารพวกเขาได้ทุกเมื่อ ทำให้เอกลักษณ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขานั้นถูกผนึกไป
อาวุธเช่นนี้มันปรากฏขึ้นบนสนามรบย่อมจะทำให้ใจของเผ่าเลือดหนาวสั่นขึ้นมา
เมื่อหลัวชวนที่กำลังต่อสู้ปกป้องเส้นทางมิติอยู่นั้นเห็นเย่หยวนเข้าเขาก็ต้องอ้าปากค้าง
เพราะเดิมทีนั้นตอนที่เย่หยวนเสี่ยงชีวิตส่งข่าวให้ทวีปสวรรค์แรกไปนั้นมันทำให้เขาต้องตกตะลึงอย่างมาก
แต่ความตกตะลึงนั้นมันก็ยังไม่เท่าที่เขามีในวันนี้
“จงเยว่ จูไห่ เฉินซี พวกเจ้าสามคนไปล่าไอ้เด็กนั่นเสีย! อย่าให้มันรอดไปได้!” หลัวชวนนั้นกล่าวขึ้น
จงเยว่รับคำก่อนจะทิ้งตัวซ่งเหมียวที่อยู่ตรงหน้าพุ่งเข้าใส่เย่หยวนไป
สามจักรพรรดิเที่ยงนั้นพุ่งเข้ามาไล่ล่าเย่หยวนพร้อมๆ กัน!
เลือดกัดกร่อนในร่างของซ่งเหมียวนั้นมันเดือดดาลจนแทบจะตายตกลงไปแล้ว
แต่จู่ๆ จงเยว่นั้นกลับปล่อยเขาในวาระสุดท้ายทำให้เขามีช่องว่างหนีรอด
แน่นอนว่าซ่งเหมียวย่อมจะไม่อยู่รอพุ่งตัวออกไปจากสนามรบทันที
“ถอย!”
เย่หยวนหันหลังพุ่งตัวหนีไปอย่างไม่รอช้าอีก
อีกฝ่ายนั้นเป็นถึงจักรพรรดิเที่ยงสามคน เขาย่อมจะไม่มีทางรับมือได้
เป้าหมายของเขานั้นมันสำเร็จไปแล้ว มันย่อมจะไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องสู้ต่อ
การปรากฏตัวขึ้นนี้ของเย่หยวนมันทำให้สนามรบหวั่นไหว ทางฝ่ายมนุษย์นั้นกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้งหนึ่ง
แต่มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
ศึกครั้งนี้มันไม่อาจจะเอาชนะได้แล้ว
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงมีแต่ต้องถอยทัพ
ศึกทำลายเส้นทางมิตินี้ทางฝ่ายทวีปสวรรค์แรกได้พ่ายแพ้ลงเพราะว่าการปะทุขึ้นของเลือดกัดกร่อน
เย่หยวนนั้นเตือนคนทั้งหลายมาก่อนหน้าแต่กลับไม่มีใครเชื่อคำของเย่หยวนและกล่าวหาว่าเขานั้นแค่พูดจาอวดอ้าง
สุดท้ายกลับต้องมาตายลงไปเอง
สิ่งที่เย่หยวนเคลือบศรธนูไว้นั้นมันคือแก่นเลือดของเผ่าเลือดที่ผสมกับสมุนไพรสวรรค์ระดับห้าถึงแปดสิบเอ็ด ชนิด เย่หยวนได้ตั้งชื่อของมันว่าตะวันย่ำรุ่งชนะเลือด
สิ่งที่หาได้ยากที่สุดในการหลอมสร้างตะวันย่ำรุ่งชนะเลือดนี้มันมิใช่สมุนไพรสวรรค์ทั้งแปดสิบเอ็ดชนิดแต่เป็นแก่นเลือดของเผ่าเลือดนั้น
เพราะเผ่าเลือดนั้นสามารถคืนชีพกลับมาได้แม้จะเหลือเลือดเพียงแค่หยดเดียว
นี่มันเป็นความสามารถที่เหนือล้ำสวรรค์
ปกติแล้วมันย่อมจะไม่มีทางเก็บเอาแก่นเลือดของเผ่าเลือดมาโดยไม่ให้เจ้าของฟื้นคืนชีพได้เลย
เพราะหากคิดอยากสังหารมันก็มีแต่ต้องลบล้างพวกเขาไปให้สิ้นเชิง
แต่เย่หยวนนั้นลอยโจมตีเผ่าเลือดไปนับร้อยๆ ในม่านหมอกนั้นและได้ลองเล่นอะไรไปหลายอย่าง
ตอนที่เขาสังหารเผ่าเลือดลงนั้นเขาใช้ดาบเต๋าของเขากดแก่นเลือดนั้นไว้
จนสุดท้ายแล้วเขาก็ได้พบว่าแก่นเลือดของเผ่าเลือดนั้นมันไม่อาจจะคืนชีพขึ้นมาได้อีก!
ดาบเต๋าของเย่หยวนนั้นมันคือพลังที่เขาแย่งมาจากเต๋าสวรรค์ มันย่อมจะเหนือล้ำกว่าสิ่งใด
แก่นเลือดของเผ่าเลือดนั้นมันกลับไม่อาจจะคืนชีพมาได้หากถูกดาบเต๋านั้นผนึกไว้
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเย่หยวนก็ยังหาแก่นเลือดมาได้ไม่มากนัก
เพราะว่าเรื่องเช่นนี้มันต้องใช้ทั้งจังหวะและมุมพร้อมถึงการเข้าถึงตัวอย่างไร้เสียง ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้จะเป็นเย่หยวนมันก็คงเป็นเรื่องยากหากคิดเอาแก่นเลือดของพวกเผ่าเลือดมา
แก่นเลือดทั้งหลายนั้นมันถูกนำมาใช้หลังจากเย่หยวนหลอมกลั่นพวกมันไปอีกเป็นร้อยๆ ครั้ง
เย่หยวนนั้นลงมืออย่างไม่คิดพักจนทำให้สร้างธนูนี้ขึ้นมาได้หลายร้อยดอก
เย่หยวนนั้นมาเร็ว แต่ไปเร็วกว่า!
เขานั้นไม่รอให้จักรพรรดิเที่ยงทั้งหลายเข้ารุมล้อมก็พุ่งตัวหายลับขอบฟ้าไป
ศึกใหญ่นั้นมันจึงจบลงเท่านี้
แน่นอนว่าฝ่ายทวีปสวรรค์แรกนั้นย่อมจะสูญเสียไปมาก
กองทัพจักรพรรดิเซียนกว่าห้าหมื่นนั้นมันมีคนตายตกไปกว่าหมื่นและเหล่าคนที่รอดมาส่วนมากยังถูกพิษเลือด กัดกร่อนอีกด้วย
แต่ที่รอดมาได้ขนาดนี้มันก็เพราะว่าเย่หยวนไปได้ทันเวลา
ไม่เช่นนั้นแล้วศึกครั้งนี้มันคงเป็นโศกนาฏกรรม บางทีอาจจะถูกกวางล้างไปตรงนั้นเลยก็ได้
ผลที่เกิดขึ้นมาจากการปะทุของเลือดกัดกร่อนนั้นมันรุนแรงล้ำ
นอกเมืองทัศน์เหนือนั้นซ่งเหมียวยืนนิ่งอยู่บนอากาศด้วยใบหน้าซีดขาว
ตอนนี้เลือดกัดกร่อนนั้นมันกินร่างของเขาไปกว่าครึ่งแล้ว ทำให้เวลานี้เขามีสภาพที่น่าอนาถอย่างมาก
แต่เขานั้นกลับไม่ร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดใดๆ และจ้องมองไปที่ขอบฟ้า
จากนั้นมันก็ค่อยๆ ปรากฏเงาของคนพุ่งมาจากขอบฟ้า
ซ่งเหมียวนั้นยิ้มกว้างขึ้นทันที
เย่หยวนกลับมาได้อย่างปลอดภัย!
ได้เห็นซ่งเหมียวนั้นเย่หยวนก็ต้องผงะไปเช่นกัน
เพราะตอนนี้สภาพของเขาควรจะไปนอนพักมากกว่ามายืนอยู่เช่นนี้
“ผู้อาวุโสซ่ง ท่านมาทำอะไรอยู่ตรงนี้?”
ซ่งเหมียวนั้นมองหน้าเย่หยวนอยู่นานก่อนที่สุดท้ายจะคุกเข่าลงกล่าว “ซ่งผู้นี้นั้นมีตาหามีแววไม่! ซ่งโทษกล่าวไม่ฟังน้องเย่จนทำให้เกิดหายนะนี้ขึ้นมา! ซ่งผู้นี้ขอกราบอภัยน้องเย่ต่อหน้าคนทั้งเมือง!”
การคุกเข่าลงของเขานั้นมันทำให้ทั้งเมืองแตกตื่น
จักรพรรดิเที่ยงขั้นปลายผู้เป็นเจ้าเมืองทัศน์เหนือนั้นกลับคุกเข่าลงต่อหน้าเด็กหนุ่มคนหนึ่ง!
เหล่ายอดฝีมือในเมืองนั้นต่างสงสัยกันมาตลอดว่าทำไมท่านเจ้าเมืองถึงไม่เข้าไปพักรักษาตัว
พวกเขาไม่นึกฝันเลยว่าที่แท้เขานั้นกำลังรอการกลับมาของเย่หยวนเพื่อจะได้กล่าวขอโทษ!
คนที่เคยว่ากล่าวเย่หยวนไปก่อนนั้นต่างก้มหัวลงต่ำพร้อมๆ กัน
ซ่งเหมียวนั้นไม่ได้กล่าวพูดเย้ยหยันใดๆ ออกไป
เป็นพวกเขาต่างหากที่พูดไร้สาระ
ยิ่งเต้าเฉินนั้นยิ่งอับอายจนอยากจะมุดแผ่นดินหนีไปให้มันพ้นๆ
เขานั้นใช้อำนาจชื่อเสียงของนิกายยาสุดล้ำเพื่อปัดความเห็นของเย่หยวนอย่างไม่คิดสนใจ
สุดท้ายมันกลับทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น!
เย่หยวนเองก็ผงะไปเมื่อได้เห็นซ่งเหมียวทำเช่นนั้น
ซ่งเหมียวทำเช่นนี้มันย่อมชัดเจนแล้วว่าเวลานี้จิตใจของเขากำลังเศร้าเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองแค่ไหน
คนผู้นี้มีจิตใจที่เบิกกว้างนัก
เย่หยวนรีบเข้าไปพยุงตัวซ่งเหมียวขึ้นมา “ทำไมผู้อาวุโสซ่งถึงทำเช่นนี้? ท่านคือคนที่ช่วยชีวิตเย่ไว้ ท่านทำข้าอายุสั้นแล้ว!”
ซ่งเหมียวตอบกลับไปด้วยใบหน้าอับอาย “หากตอนนั้นซ่งให้โอกาสน้องเย่ได้กล่าวอธิบาย บางทีข้าผลลัพธ์มันอาจจะไม่เป็นเช่นนี้ก็ได้!”
เขานั้นรู้ดีว่าตอนที่เย่หยวนหันมาถามเขามันก็เพื่อหวังจะให้เขาช่วยพูดเป็นคนกลาง
แต่เขานั้นกลับไม่สนใจและปิดปากของเย่หยวนลง
เย่หยวนนั้นเป็นแค่คนนอกจากทวีปเล็กๆ คำพูดของเขาคนเดียวย่อมไร้น้ำหนัก
เมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงนิกายยาสุดล้ำที่ยิ่งใหญ่นั้น มันย่อมจะไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขาคนเดียว
เพราะฉะนั้นต่อให้พูดอะไรมันก็คงไร้ค่า
เพราะฉะนั้นเย่หยวนถึงเลือกจะเงียบไป
แต่ว่าเขานั้นก็ไม่ได้เกลียดแค้นชังใดๆ คนทั้งหลายและยังเอาเวลาในคืนนั้นไปสร้างธนูที่พลิกสถานการณ์สงครามได้มาช่วยเหลือ
ไม่เช่นนั้นแล้ววันนี้มันอาจจะเป็นวันสุดท้ายของเมืองทัศน์เหนือก็เป็นได้
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ผู้อาวุโสซ่ง นี่มันมิใช่เวลามาทำเช่นนี้ เลือดกัดกร่อนในร่างท่านนั้นมันลุกลามไปทั่วแล้ว หากช้ากว่านี้มันจะรักษาไม่ทันการ”
ซ่งเหมียวตอบกลับไป “ชีวิตเน่าๆ ของซ่งผู้นี้มันไม่มีค่าใดมากมายแล้ว! หากตายก็ตายไปเถอะ! แต่หากข้าไม่ได้กล่าวขอโทษเจ้าแล้วข้าคงนอนตายตาไม่หลับ!”
เย่หยวนถามขึ้น “ผู้อาวุโสซ่งเชื่อข้าหรือยัง?”
ซ่งเหมียวเงยหน้าขึ้นพยักรับเย่หยวนอย่างหนักแน่น
เย่หยวนจึงกล่าวไป “เลือดกัดกร่อนของเผ่าเลือดนี้มันอาจจะยังพอมีทางรักษาอยู่!”
……………………..